ตอนที่ 43 ลงชื่อเข้าใช้เมืองเทพ คัมภีร์เซียนเทพขนนก! (รีไรท์)
หลินชิงอวี่และคนอื่น ๆ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในรถม้า พวกเขาเพียงขับเคลื่อนรถม้าไปตลอดทางมุ่งหน้ากลับสู่เมืองเทพ
ระหว่างทางนั้นทุลักทุเลยิ่ง มากด้วยฝุ่นตลบอบอวลทั้งรถและอาชาล้วนเหนื่อยล้าแทบขาดใจ
สิบวันผ่านไป
ตะวันคล้อยจะร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
“องค์หญิง เรากำลังจะเข้าสู่เมืองหลวงอีกในไม่ช้า!” เสียงของหลินชิงอวี่ดังขึ้นอย่างนอบน้อมจากภายนอกรถม้า
“หือ มาถึงแล้วงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงของหลินชิงอวี่ หนิงฝานจึงปลดปราการป้องกันออก ก่อนจะโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้าทอดสายตาออกไปไกล
เส้นสีดำปรากฏสู่สายตาจากระยะไกล เมื่อเข้าใกล้มันก็ค่อย ๆ ขยายขึ้น ใหญ่ขึ้นจนกระทั่งเผยโครงสร้างเมืองหลวงขนาดใหญ่
“โอ้! เมืองหลวงของเมืองเทพยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เชียว!”
เมื่อทุกคนเข้าใกล้ ผังเมืองหลวงก็ปรากฏชัดสู่สายตา มันยิ่งใหญ่และสง่างามราวกับสัตว์ประหลาดในยุคโบราณหมอบต่ำอยู่ตรงหน้า ซ้ำยังมีจิตสังหารรุนแรงเผยออกจากสิ่งนี้
หลินชิงอวี่ที่อยู่นอกรถม้ากล่าวคำอย่างภาคภูมิ “แน่อยู่แล้ว ราชวงศ์เทพปกครองสามพันดินแดน และเมืองหลวงแห่งเทพนี้คือศูนย์กลางอำนาจราชวงศ์เทพแห่งดินแดนรกร้างทั้งหมด!”
“ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น!”
หนิงฝานรู้สึกตกตะลึง ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันของชีวิตเขา เมืองเทพแห่งนี้เป็นสถานที่ก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบเจอ
รถม้ายังคงทะยานต่อไป และหลังจากนั้นไม่นานมันก็มาถึงจุดหมาย
ในเวลานี้ หนิงฝานยังคงจ้องมองอย่างระมัดระวัง เขาตระหนักได้ว่าเมืองเทพแห่งนี้ยิ่งใหญ่ราวกับท้องฟ้า และเพียงแค่กำแพงเมืองอย่างเดียวก็สูงกว่าร้อยเมตรแล้ว!
ประตูเมืองใหญ่โต พวกเขาใช้หินวิญญาณปูพื้นถนนงดงามราวกับหยก ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถรองรับรถม้าหลายสิบคันได้อย่างง่ายดาย
ประตูเมืองสลักด้วยตะขอเหล็กสีเงินสี่มุม เผยอักขระโบราณทรงพลัง… เมืองหลวงเทพขนนก!
‘โอ้… เมืองหลวงช่างยิ่งใหญ่และสง่างามถึงเพียงนี้ มันจะต้องเป็นดินแดนที่มากด้วยวิถีอุบัติแน่นอน!’
หนิงฝานลอบยินดี
‘เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่วิถีอุบัติหมดสิ้น และในที่สุดข้าก็จะสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้อีกครั้ง’
ตอนนี้เองอาชาสีแดงเพลิงลากรถม้าคันใหญ่เข้าไป ภายใต้การคุ้มครองขององครักษ์หลินชิงอวี่ พวกเขาจึงมาถึงประตูเมืองในที่สุด
ที่ประตูเมืองเทพนั้นมีผู้คนสัญจรไปมาคับคั่ง
ทันทีที่หนิงฝานและคนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากนี้ในทันที
“หืม! รถม้าเพลิงลากเกวียนมาถึงแล้ว ช่างสง่างามนัก!”
“โอ้! นั่นไม่ใช่หลินชิงอวี่ แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งผู้พิทักษ์เทพหรอกหรือ!”
“สวรรค์ ม้าเกล็ดเพลิงทั้งเก้านั้นกำลังลากราชรถ พร้อมทั้งมีกองกำลังอารักขาจากราชสำนักคอยคุ้มกัน ใครคือผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายในนั้น?”
“อีกสามเดือนข้างหน้า จะมีงานเลี้ยงเทพขนนกในรอบร้อยปีแห่งราชวงศ์เทพ เป็นไปได้หรือไม่ว่าบุคคลผู้นี้คือคนสำคัญที่จะมาร่วมงานเลี้ยงล่วงหน้า?”
“…”
ในขณะนี้ สายตาของผู้คนที่ประตูเมืองนับไม่ถ้วนล้วนจับจ้องมายังรถม้า
“เคารพแม่ทัพหลิน!”
“เชิญด้านใน!”
เมืองเทพแห่งนี้ได้รับการคุ้มกันแน่นหนา และพวกเขาจำเป็นต้องตรวจสอบเมื่อมีการเข้าออกเมือง แต่หลินชิงอวี่ แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งผู้พิทักษ์เทพนั้นมากด้วยชื่อเสียง เหล่าผู้คุ้มกันประตูไม่กล้าสำรวจสิ่งใด จึงปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในทันที
กึก กึก กึก
รถม้าพุ่งเข้าสู่เมืองหลวงทันทีเมื่อถูกปล่อยตัว
พรึ่บ
ทันทีที่เข้าสู่เมืองหลวง พลังวิญญาณฟ้าดินรุนแรงก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของเขา รูขุมขนทั้งหมดขยายกว้างและบรรยากาศในร่างกายเปี่ยมด้วยความสุขราวกับนี่คือสวรรค์บนดิน
‘สมแล้วที่ได้นามว่าเมืองเทพ พลังวิญญาณฟ้าดินแข็งแกร่งยิ่งกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเป็นร้อยเท่า!’
หนิงฝานลอบยินดี
ในขณะเดียวกัน เขาก็เข้าใจว่าทำไมหลินชิงอวี่จึงเหยียดหยามดินแดนรกร้างทางเหนือเสมอ เมื่อเทียบกับเมืองเทพแห่งนี้แล้ว การจะพูดกล่าวว่าดินแดนรกร้างทางเหนือเป็นถิ่นทุรกันดารนั้นไม่เกินจริงเลย
[ติ๊ง! ค้นพบวิถีอุบัติแล้ว ท่านต้องการลงชื่อเข้าใช้เมืองแห่งเทพขนนกหรือไม่?]
เวลานี้เอง ในที่สุดหนิงฝานก็ได้ยินเสียงของระบบที่เงียบหายไปกว่าครึ่งปี
‘แน่นอน! ลงชื่อเข้าใช้ทันที!’
เขารู้สึกยินดีจึงรีบตอบกลับในทันที
[ติ๊ง! เมืองแห่งเทพขนนกลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับคัมภีร์เซียนเทพขนนก!]
พรึ่บ!
ปรากฏแสงวูบวาบขึ้นมาในบัดดล มีคัมภีร์โบราณปลดปล่อยออร่าเซียนสูงสุดอยู่ภายในมิติเก็บของ
‘เฮ้อ!’
‘ไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากลงชื่อเข้าใช้แล้ว ข้าจะได้รับคัมภีร์เซียนตั้งแต่คราวแรก!’
หนิงฝานยิ่งตื่นเต้น
คัมภีร์เซียนและร่างแห่งเซียนกระบี่บรรพกาลนั้น เปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าแห่งมหาทวีปเซียนอู่อย่างแน่นอน!
หากฝึกฝนจนวิทยายุทธ์แกร่งกล้า ย่อมกลายเป็นอมตะได้อย่างแน่นอน!
“หนิงฝาน ข้าจะพาเจ้าไปที่ตำหนักองค์หญิงของข้าเพื่อพักผ่อนเสียก่อน หลังจากอยู่ที่นั่น ข้าค่อยออกค้นหาวิธีแก้คำสาปให้เจ้า”
หลัวชิงเซียนกล่าวคำ
“ทราบแล้ว”
หนิงฝานพยักหน้าและศึกษาแผนผังของเมืองแห่งเทพขนนกจากปากของหลัวชิงเซียน สถานที่แห่งนี้แบ่งออกเป็นเมืองชั้นนอก ชั้นใน และวังแห่งจักรพรรดิ ส่วนตำหนักองค์หญิงตั้งอยู่ภายในพระราชวังแห่งจักรพรรดิ
รถม้าวิ่งไปบนถนน ทั้งสองฝั่งของทางมีตึกสูงและอาคารมากมายเรียงเป็นทิวแถว
ผู้คนมากมายในเมืองกำลังจับจ่ายใช้สอย บ้างก็ดื่มชา ร่ำสุรา มากด้วยควันไฟจากการค้าขาย
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองหลวงของเมืองเทพนี้ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์มากมายในสถานที่แห่งนี้
‘ขอบเขตวิทยายุทธ์ของผู้คนในเมืองหลวงนี้เทียบได้กับอาวุโสระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน!’
หนิงฝานถอนหายใจ เขารับรู้ถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างดินแดนรกร้างทางเหนือกับเมืองหลวงแห่งเทพขนนกนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่รถม้ามุ่งหน้าเข้าสู่พระราชวัง หนิงฝานคล้ายกับตาเฒ่าที่ไม่เคยออกมาดูโลกภายนอก สายตาของเขากวาดมองสวนดอกไม้ต่าง ๆ ด้วยความประทับใจ และมักจะตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่ได้พบเจอ
ในไม่ช้า ภายใต้การคุ้มกันของหลินชิงอวี่ รถม้าก็แล่นผ่านเมืองชั้นในไปอย่างราบรื่น เข้าสู่พระราชวัง ก่อนจะหยุดลงที่หน้าตำหนักหลังใหญ่
“องค์หญิง พวกเราถึงที่หมายแล้ว!”
ขณะหลินชิงอวี่กล่าวคำ หลัวชิงเซียนก็เดินลงจากรถม้าโดยจับแขนของหนิงฝานเอาไว้
หลัวชิงเซียนมองตำหนักองค์หญิงตรงหน้า ในแววตาเผยความโศกเศร้าเล็กน้อย
“องค์หญิง การเดินทางคราวนี้ยากลำบากนัก ท่านคงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยแล้ว โปรดพักผ่อนเถิด ข้าจะกลับไปบอกกล่าวกับองค์จักรพรรดิด้วยตนเอง!”
หลังจากหลินชิงอวี่กล่าวจบ เขาก็ออกจากสถานที่แห่งนี้พร้อมกับองครักษ์ติดตามทั้งหมด
“หนิงฝาน ไปกันเถอะ”
หลัวชิงเซียนบอกกล่าวกับหนิงฝานและเดินเข้าสู่ตำหนักองค์หญิงพร้อมกัน
ตำหนักองค์หญิงนั้นหรูหราและกว้างขวางยิ่ง มีทั้งสวนหย่อม สระน้ำ มันยิ่งใหญ่เสียกว่าวังจักรพรรดินีเสียอีก
“หนิงฝาน เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าต้องไปสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อดูว่ามันมีวิธีถอนคำสาปอมตะให้เจ้าหรือไม่”
ทันทีที่นางกลับมาถึงตำหนักองค์หญิง หลัวชิงเซียนไม่คิดแม้แต่จะพักผ่อน นางต้องการออกไปด้านนอกทันที
“เฮ้อ ภรรยาผู้โง่เขลาของข้า!”
ขณะมองหญิงสาวเดินจากไป หนิงฝานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างขมขื่น
มันไม่มีทาง!
หนิงฝานบอกกล่าวกับหลัวชิงเซียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับคำสาปอมตะ
แต่หลัวชิงเซียนไม่เชื่อ เพราะชื่อเสียงของคำสาปอมตะนั้นโหดร้ายยิ่ง
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้หลัวชิงเซียนหาทางแก้ไขคำสาปต่อไป
“อ่า…”
“ไม่มีผู้ใดรบกวนแล้ว เช่นนั้นก็ฝึกฝนเสียดีกว่า”
หนิงฝานมองไปรอบ ๆ ก่อนจะนั่งลงทันที
‘ระบบ ฝึกฝนคัมภีร์เซียนเทพขนนกให้ข้า!’
หนิงฝานกล่าวในใจ
ท้ายที่สุดหลังจากเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์แล้ว คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหนิงฝานได้อีกต่อไป ในเวลานี้เขาจึงสนใจคัมภีร์เซียนเทพขนนกมากกว่า
ตู้ม!
ทันทีที่กล่าวคำ ข้อมูลมหาศาลพลันทะลักเข้าสู่ความคิดและจิตใจของเขา
“คัมภีร์เซียนเทพขนนก ขัดเกลาพลังวิญญาณฟ้าดิน หลอมรวมแก่นแท้แห่งสุริยันและจันทรา ผู้ที่ฝึกฝนสำเร็จย่อมกลายเป็นอมตะ…”