ตอนที่ 39 ชายผู้นี้คือหนิงฝาน สามีของข้า! (รีไรท์)
ฟุ่บ!
สิ้นสุรเสียงนั้นก็พบว่ามีเงาในชุดขาวแวบผ่านไป เป็นจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนมาที่ประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง
ดวงตาคู่งามกำลังจ้องมองไปทางชายในชุดคลุมขนนกอย่างเย็นชา
“องค์หญิง!”
ทันทีที่เห็นว่าเป็นหลัวชิงเซียน สีหน้าของชายหนุ่มในชุดคลุมขนนกที่เรียกหลัวชิงเซียนว่า หลัวชิงเซียนก็ปรากฏแววของความดีใจ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดแสนเย็นชาของหลัวชิงเซียน สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบลดจิตสังหารในตอนแรกลงไปในทันที แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดินี
“ผู้น้อยไม่บังอาจ”
การวางตัวเป็นผู้น้อยของชายสวมชุดขนนก ทำให้เหล่าผู้ติดตามของเขารีบคุกเข่าลงตามไปด้วย
“พวกเราผู้พิทักษ์เทพ ทำความเคารพองค์หญิง!”
พวกเขาส่งเสียงดังพร้อมเพรียงกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้น เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนที่พร้อมรับการปะทะก็มองด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
“เหตุใดพวกเขาถึงเรียกองค์จักรพรรดินีว่าองค์หญิง”
“ไม่แน่ใจนัก แต่ดูแล้วพวกเขาน่าจะรู้จักองค์จักรพรรดินี”
“ช่างบังอาจนัก ในเมื่อรู้จักองค์จักรพรรดินี แทนที่จะขอเข้าพบดี ๆ กลับฝืนบุกเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“…”
ผู้อาวุโสแสดงความโกรธเกรี้ยวอยู่ในที แต่ไม่ได้แสดงออกมาเนื่องจากอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดินีและรู้ถึงความแข็งแกร่งของเหล่าผู้มาเยือน
“ท่านผู้อาวุโสหลี่ เป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บมากหรือไม่?” หลัวชิงเซียนก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือหลี่ฝูเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บ
“ในเมื่อเจ้ารู้จักกับองค์จักรพรรดินี ข้าก็จะไม่ขวางทางอีก”
หลี่ฝูเฟิงเช็ดเลือดออกจากมุมปาก แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์
หลัวชิงเซียนไม่ได้ถามอะไรต่อ นางหันกลับมาทางกลุ่มคนที่นำโดยหลินชิงอวี่ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอโทษพวกเขาซะ”
“ฝ่าบาท คนผู้นี้ขัดขวางพวกข้าไม่ให้เข้าถึงตัวท่าน…” หลินชิงอวี่อธิบาย แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ หลัวชิงเซียนก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ขอโทษเสีย!”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหลินชิงอวี่พลันเจื่อนลงเล็กน้อย
แม้แต่เหล่าผู้พิทักษ์เทพด้านหลังก็ดูไม่ต่างกัน
หลินชิงอวี่ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของกองทัพผู้พิทักษ์เทพและยังอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ เขาหยิ่งในศักดิ์ศรีและแม้แต่เหล่าราชนิกุลก็ไม่กล้าสู้หน้าเขา
หากคนเช่นเขาต้องมาเอ่ยขอโทษเหล่าผู้น้อยจากอาณาจักรเล็ก ๆ ในพื้นที่รกร้างทางเหนือเช่นนี้ มันช่างน่าอับอายเสียจริง
“ฝ่าบาท…” หลินชิงอวี่ต้องการจะอธิบายอีกครั้ง
“ขอโทษออกมา”
หลัวชิงเซียนยังยืนยันเป็นครั้งที่สาม และครั้งนี้สีหน้าของนางเย็นชากว่าเดิมมาก
องค์จักรพรรดินีไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาพูดอะไรอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่านางกำลังโกรธมากเพียงใด
หลินชิงอวี่จึงมองไปทางหลี่ฝูเฟิงอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเอ่ยอย่างนิ่ง ๆ ว่า “ต้องขอโทษด้วยที่ล่วงเกิน ข้าจะมอบเม็ดยาเยียวยามหาฤทธิ์เป็นการไถ่โทษ”
พรึ่บ!
เม็ดยาที่ลอยอยู่กลางลำแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งไปตกในมือของหลี่ฝูเฟิงทันที เมื่อเห็นดังนั้น รอยยิ้มเสแสร้งก็ปรากฏขึ้นระหว่างคู่กรณี หลินชิงอวี่กล่าวเสริมว่า “เท่านี้ก็คลี่คลายเรื่องความเข้าใจผิดต่อกันแล้ว ถือว่าเลิกแล้วต่อกันไป”
“เลิกแล้วต่อกันแล้วก็แยกย้ายได้”
นางโบกมือให้เหล่าผู้อาวุโสแยกย้ายกันไป
เพียงไม่นาน ประตูภูเขาหยกขาวก็ว่างเปล่า
“ฝ่าบาท ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าขอติดตามไปด้วยได้หรือไม่”
หลินชิงอวี่เอ่ยถาม
“พวกเจ้าเข้ามาได้ แต่อย่าลืมว่าให้สำรวมท่าที อย่าสร้างความวุ่นวายหรือรบกวนผู้อื่น”
หลัวชิงเซียนตอบอย่างเย็นชา แล้วหันกายตรงกลับไปที่วังขององค์จักรพรรดินี
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลินชิงอวี่รีบลุกขึ้นตามหลัวชิงเซียน พร้อมกับเหล่าผู้พิทักษ์เทพที่ติดตามอยู่ด้านหลัง
ระหว่างทาง
หลินชิงอวี่เริ่มเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญท่านกลับไปยังเมืองเทพตามบัญชาขององค์จักรพรรดิขอรับ”
“ข้าไม่กลับ!”
หลัวชิงเซียนตอบกลับโดยไม่หันไปมอง
หลินชิงอวี่เผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นมา ราวกับว่าคาดไว้แล้วว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ เขาจึงเอ่ยต่อ “องค์จักรพรรดิให้ข้ามาแจ้งแก่ฝ่าบาทว่า ท่านรู้ว่าท่านได้ทำผิดต่อองค์หญิงในเหตุครั้งนั้น และได้สั่งประหารชีวิตนางแม่มดหลิงฉีแล้ว ซ้ำยังได้ให้ฝังมารดาแห่งตระกูลหลัวไว้ในสุสานด้วย ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะอภัยให้องค์เหนือหัว”
พรึ่บ!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวชิงเซียนก็หันกลับมาอย่างกะทันหันด้วยความกรุ่นโกรธที่พลุ่งพล่านในดวงตา “ในตอนนั้น เขาเชื่อเพียงแต่สิ่งที่ยัยแม่มดนั่นพูดตอนอยู่บนเตียงเท่านั้น ไม่สนใจคำทัดทานของผู้ใดแม้แต่เหล่าขุนนางหรือท่านแม่ทัพ บังคับให้มารดาแห่งตระกูลหลัวต้องถูกสังเวยในแม่น้ำเฉินเจียงเพื่อบูชาสวรรค์…
“แล้วตอนนี้ยังจะมาให้ข้ายกโทษให้เขาอีกหรือ”
หลินชิงอวี่ลอบถอนหายใจ
ในตอนนั้นมารดาแห่งตระกูลหลัวได้กระทำการเสียสละสังเวยตน เพื่อบูชาสวรรค์ที่แม่น้ำเฉินเจียง นับเป็นเรื่องที่สร้างความระส่ำระสายต่อบรรดาเหล่าราชวงศ์ทั้งหมด
นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหลัวชิงเซียน องค์หญิงแห่งทวยเทพจึงได้สละฐานันดรและหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในดินแดนรกร้างทางเหนือเช่นนี้
นั่นเป็นเพราะนางไม่อาจอภัยให้แก่พระบิดาที่ทำผิดครั้งใหญ่นั้นได้
“กลับไปเถิด บอกเขาว่าตั้งแต่พระมารดาของข้าถูกสังเวย ข้าและเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกันอีก ความเป็นพ่อลูกระหว่างเราจบสิ้นไปนานแล้ว”
“ตอนนี้แซ่ของข้าคือหลัว หาใช่แซ่หลินอีกต่อไปแล้ว”
หลัวชิงเซียนกล่าวอย่างเย็นชาอีกครั้ง และจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
“ฝ่าบาท”
หลินชิงอวี่ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย รีบตามนางไปซ้ำยังกล่าวโน้มน้าวอย่างจริงจัง
ก่อนที่จะมาที่นี่ จักรพรรดิแห่งเทพออกคำสั่งเด็ดขาดแก่เขาแล้ว ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเชิญองค์หญิงกลับไปยังเมืองเทพให้ได้
พวกเขาจึงยังคงติดตามนางมาถึงวังขององค์จักรพรรดินี
ปึง!
หลัวชิงเซียนผลักประตูวังแล้วก้าวเข้าไปด้านใน
หลินชิงอวี่และเหล่าผู้พิทักษ์ก็ติดตามเข้าไปด้วย
ขณะนั้นเองที่เสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนอย่างมาก
“ภรรยาข้า เจ้ากลับมาแล้ว ไม่ได้เจอกันเพียงชั่วครู่ สามีก็คิดถึงเจ้าแล้ว”
สิ้นเสียงนั้น หนิงฝานกะพริบตาปริบ ๆ มองไปยังหลัวชิงเซียน ก่อนจะตรงเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มของภรรยาฟอดใหญ่
นั่นทำให้หลัวชิงเซียนและเหล่าผู้มาเยือนตัวแข็งค้างไม่ต่างกัน
สิ่งที่ตามมาก็คือ
ใบหน้าของนางเริ่มขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้า! บังอาจลบหลู่องค์หญิง สมควรตายแล้ว!”
ใบหน้าของหลินชิงอวี่เย็นชา แผ่รังสีอำมหิตยิ่งยวดออกมา
ตู้ม!
หลังพูดจบลง ปราณอันน่าเกรงขามก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลินชิงอวี่
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลังจากที่ผู้เป็นนายมีทีท่าเช่นนั้น ปราณของเหล่าผู้ติดตามทั้งหมดก็ปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟ
พลังอำนาจที่ท่วมท้นทำเอาพระราชวังขององค์จักรพรรดินีสั่นสะเทือน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
หนิงฝานตกตะลึง เริ่มหันไปสนใจหลินชิงอวี่และผู้ติดตาม
เขาเพียงแค่กอดหอมภรรยาของตัวเอง ทำไมจู่ ๆ คนเหล่านี้ถึงต้องแผ่รังสีอาฆาตแบบนั้นออกมาด้วย
แม้ว่าหนิงฝานจะพอรู้อยู่ว่าการเป็นสามีขององค์จักรพรรดินีจะทำให้ผู้คนอิจฉาอยู่บ้าง แต่อาการแบบนี้มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า?
“เจ้าคนบ้า ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ”
หลัวชิงเซียนคร่ำครวญออกมา นวลแก้มของนางขึ้นสีแดงก่ำ
จากนั้นจึงหันสายตาไปมองหลินชิงอวี่และคนอื่น ๆ พร้อมออกคำสั่งว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามก่อเรื่องอะไรทั้งนั้น”
“ฝ่าบาท แต่เจ้านี่ล่วงเกินท่านจริง ๆ ให้พวกข้าจัดการมันเสียเถอะ”
หลินชิงอวี่โกรธเกรี้ยว เห็นชัดว่าไม่ฟังคำห้ามปรามใด ๆ แม้ว่าหนิงฝานจะมีท่าทางเหมือนคนเจ้าชู้ทั่วไป แต่อีกฝ่ายกำลังเดือดดาลแผ่รังสีอำหิตออกมา และเตรียมที่จะชักกระบี่ออกมาทำการต่อสู้
ทว่าหลัวชิงเซียนก็ตะโกนขึ้นมาเสียก่อน
“หยุดเสีย ชายผู้นี้คือหนิงฝาน สามีของข้า”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น วังจักรพรรดินีที่กำลังเดือดพล่านพลันเงียบงันไปในทันที