ตอนที่ 45 พลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านกำลังจะตาย! (รีไรท์)
ตู้ม!
ทันใดนั้น ทาสชราในชุดคลุมสีเทาพุ่งเข้าหาหนิงฝานอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนเขาจะเป็นปราชญ์ยุทธ์ที่แท้จริง!
ระหว่างที่เขาพุ่งเข้ามา หนิงฝานเปิดใช้งานเนตรสลายภาพลวง และในพริบตาอีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้หนิงฝาน
ตู้ม!
ทาสชราโบกมือและเพียงฝ่ามือเดียว พลังวิญญาณฟ้าดินก็พุ่งเข้าใส่หนิงฝานจากทุกทิศทาง
“ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแรก!”
“แม้เขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ แต่ความแข็งแกร่งของเขานับว่าเหนือกว่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์”
ภายใต้เนตรสลายภาพลวง หนิงฝานมองเห็นขอบเขตวิทยายุทธ์ทาสชราในชุดเทาอย่างชัดเจน
“โอ้ มีแผลเป็นที่ท้องด้านขวาด้วย…”
ดวงตาหนิงฝานเปล่งประกาย เขาเข้าใจบางสิ่งในทันที
มาเลย!
เวลานี้การโจมตีของชายชราชุดสีเทามาถึงแล้ว
“โต้กลับ!”
หนิงฝานตั้งรับทันที เสียงคำรามดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว
ตู้ม!
ปราณกระบี่ปะทุขึ้นต่อหน้า ปลดปล่อยพลังมหาศาลส่งร่างของชายชราในชุดคลุมสีเทากลับอย่างไร้แรงต่อต้าน อีกฝ่ายถึงกับต้องอับอายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ในทางกลับกัน ร่างกายของหนิงฝานยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง และไม่ได้ขยับแม้สักก้าว
“หยุด!”
หลินไท่ซูกล่าวคำเบา ก่อนจะเผยพลังไร้ลักษณ์ประคองร่างชายชราในชุดคลุมสีเทาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เหอะ! แม้ขอบเขตการฝึกฝนของคนผู้นี้จะอยู่ในสวรรค์ขั้นแรกของปราชญ์ยุทธ์ แต่พลังการต่อสู้ของเขานั้นเรียกว่าไร้เทียมทาน อีกทั้งดวงตาของเขายังนับว่าโหดเหี้ยม เขาสามารถโจมตีบาดแผลของทาสผู้นี้ได้ในคราวเดียว หากไม่เช่นนั้น ต่อให้ข้าจะพ่ายแพ้ แต่จะไม่พ่ายแพ้โดยเร็วเช่นนี้!” ทาสชราในชุดสีเทากล่าวเสียงต่ำ ดวงตาขุ่นมัวของเขาเผยความตื่นตระหนก
หลินไท่ซูมองเห็นทุกสิ่งก่อนที่ชายชราจะกล่าวรายงานด้วยซ้ำ
ในเวลานี้ดวงตาของเขาเปล่งประกายลุกไหม้ ในใจลอบตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้
‘ปราชญ์ยุทธ์ในวัยสามสิบสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันภายในหนึ่งกระบวนท่า หากออกสำรวจทั่วราชวงศ์เทพขนนกทั้งหมด ยังไม่เคยมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏมาก่อน’
‘อืม…’
ตู้ม!
ในเวลานี้เอง หลังจากที่หนิงฝานเคลื่อนไหวแล้ว คำสาปอมตะก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขาทันที พลังคำสาปอมตะอันน่าพรั่นพรึงเผยรากสีทองไร้สิ้นสุดทะยานออกมา
“มันคือ… คำสาปอมตะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินไท่ซูหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาที่เคยอิจฉาก่อนหน้าพลันหายไปในทันที
อัจฉริยะไร้ผู้ใดเทียบกลับตกอยู่ภายใต้คำสาปที่ร้ายกาจที่สุดในโลก!
น่าสงสาร!
และน่าเสียดายยิ่ง!
“หนิงฝาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลังจากการต่อสู้ระหว่างปราชญ์ยุทธ์เกิดขึ้นและจบลงในพริบตา เวลานี้มีเพียงหลัวชิงเซียนที่เคลื่อนไหวก่อน
เมื่อเห็นว่าคำสาปอมตะทำงาน นางก็หันมองหลินไท่ซูด้วยความโกรธก่อนจะตะโกนลั่น “หลินไท่ซู! ท่านกระทำมากเกินไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำก่นด่าที่ไม่สุภาพของหลัวชิงเซียน หลินไท่ซูเพียงเผยรอยยิ้มขมขื่น
ในฐานะจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทพ เขามีหญิงงามนับหมื่นในรังรัก ซ้ำยังมีทายาทอยู่มากมาย แต่บุตรสาวที่เขารักใคร่มีเพียงหลัวชิงเซียนเท่านั้น
หากองค์ชายหรือองค์หญิงองค์อื่นกล้ากล่าวเช่นนี้กับเขา เขาคงจะต้องตำหนิและลงโทษรุนแรง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรสาวผู้ล้ำค่านี้ เขาไม่อาจแม้แต่จะโกรธเคือง
“เซียนเอ๋อร์… พ่อ…”
หลินไท่ซูพยายามอ้าปากกล่าวบางคำ แต่ถูกหลัวชิงเซียนเมินเฉยใส่
“หนิงฝาน เราไปกันเถิด!”
หลัวชิงเซียนจูงมือหนิงฝานและเดินออกไปด้านนอกตำหนักองค์หญิง ราวกับนางไม่คิดสนใจการดำรงอยู่ของหลินไท่ซู
ตอนนี้ชายวัยกลางคนมองทั้งสองที่กำลังก้าวออกจากตำหนัก หลินไท่ซูมองอยู่นานก่อนจะรีบกล่าวคำเร่งรีบว่า “เซียนเอ๋อร์ พ่อมีหนทางแก้คำสาปอมตะของบุตรเขยผู้นี้อยู่!”
ในความสิ้นหวัง!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างบางของหลัวชิงเซียนพลันสั่นสะท้าน นางหยุดฝีเท้าในทันที
หญิงสาวหันกลับมาพร้อมแววตาวูบไหว “ท่าน… ท่านกล่าวความจริงหรือไม่?”
“บิดาของเจ้าคือจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทพ ข้าจะกล่าวเท็จได้อย่างไร!”
ใบหน้าของหลินไท่ซูเผยความเคร่งขรึมออกมา จากนั้นจึงกล่าวต่อ “เป็นความจริงที่คำสาปอมตะที่สมบูรณ์นั้นยากจะช่วยเหลือได้ในผู้ฝึกยุทธ์ต่ำต้อย แต่สิ่งที่สหายตัวน้อยหนิงพบเจอคือ เศษเสี้ยวคำสาปอมตะ มันสมควรแก้ไขได้!”
“ประเสริฐแล้ว แล้วต้องทำอย่างไร?”
หลัวชิงเซียนรีบถาม
หลินไท่ซูกล่าวต่อว่า “พ่อไม่อาจทราบวิธีการแก้ไขคำสาป แต่ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่และยอมให้อภัย พ่อสามารถสั่งให้หอค้นคว้าลี้ลับออกสำรวจวิธีการแก้คำสาปได้ เจ้าคงทราบดีว่าหอค้นคว้าลี้ลับรวบรวมปรมาจารย์มากมายแห่งเมืองเทพทั้งหมด พวกเขาจักต้องค้นคว้าการทำลายคำสาปอมตะได้เป็นแน่!”
“อืม… ข้าจะอยู่ที่นี่! แต่สำหรับการให้อภัย? เมื่อไรที่ท่านสามารถถอนคำสาปอมตะในร่างกายของหนิงฝานได้ เมื่อนั้นข้าจะยกโทษให้ท่าน!”
น้ำเสียงของหลัวชิงเซียนเย็นชาอย่างยิ่ง นางยังมีความเกลียดชังในใจ จึงไม่อาจยอมให้อภัยหลินไท่ซูโดยง่าย
“ยอดเยี่ยม ดีแล้ว ๆ!”
สำหรับบุตรสาวล้ำค่าผู้นี้ หลินไท่ซูรู้นิสัยของนางดีและไม่คิดบีบบังคับนางมากเกินไป
จากนั้นเขาก็กล่าวอีกครั้ง “เซียนเอ๋อร์ โปรดหลบออกไปก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยกับสหายหนิงเพียงลำพัง!”
“ท่านคิดจะทำสิ่งใดอีก! หากท่านกล้าออกคำสั่งให้ทาสชราทำร้ายหนิงฝานอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่าน!” หลัวชิงเซียนกล่าวอย่างขุ่นเคือง
หลินไท่ซูส่ายศีรษะก่อนจะเผยรอยยิ้ม “ไม่ ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน”
แต่หลัวชิงเซียนไม่ยอมออกไป จนกระทั่งหนิงฝานกล่าวคำเบา “ภรรยา เจ้าไม่ต้องกังวลไป จักรพรรดิเมืองเทพเพียงแค่ต้องการทดสอบขอบเขตการฝึกฝนของข้า และหลังจากนี้เขาย่อมไม่โจมตีข้าโดยไร้เหตุผลแน่นอน!”
“…อืม!”
ได้ยินเช่นนั้น หลัวชิงเซียนถึงยอมถอยออกไปด้านหลัง และชายชราในชุดสีเทาก็ถอยหลังออกไปด้วยเช่นกัน
เมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้ว สายตาของหลินไท่ซูมองหนิงฝานก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่มน้อย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าทำสิ่งใดให้เซียนเอ๋อร์ยอมทุ่มเทให้เจ้ามากมายเช่นนี้”
“หึ ๆ ท่านจักรพรรดิหลิน ท่านไม่รู้จักบุตรสาวของตนหรือ? นางจะปฏิบัติดีต่อผู้ที่ดีกับนาง และนางจะเกลียดชังผู้ที่เลวทรามต่อนาง ใช่หรือไม่เล่า?”
หนิงฝานมองหลินไท่ซูอย่างไร้อารมณ์ ในแววตาหาได้มีความหวาดกลัวไม่
เมื่อเห็นหนิงฝานสงบนิ่ง หลินไท่ซูพลันถอนหายใจ “หนิงฝาน ข้าขอพูดตามตรง หากเจ้าไม่พบเจอกับคำสาปอมตะ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเวลานี้ ข้าย่อมยินดีที่จะชื่นชอบเจ้าและยอมยกบุตรสาวให้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าแน่นอน แต่เวลานี้เจ้าอยู่ภายใต้คำสาปอมตะ! มันไม่มีหนทางแก้ไข ต่อให้เป็นเศษเสี้ยวของคำสาปก็ไม่มีวันแก้ไขได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?!”
“ฮ่า ๆ ไม่นึกเลยว่าองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทพจะกล่าวเท็จได้มากมายเช่นนี้”
หนิงฝานหัวเราะเยาะ
หลินไท่ซูส่ายศีรษะอย่างไม่แยแส “ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไร เจ้าก็ต้องแสดงจุดยืนของตนเอง หากเจ้าไม่มีคำสาปอมตะในกาย เจ้าคืออัจฉริยะไร้ผู้ใดเทียบในหลายพันปี แต่เวลานี้เจ้าถูกคำสาปอมตะเล่นงาน จึงไม่อาจเป็นผู้ที่มากความสามารถ แต่เป็นเพียงคนพิการหรือตายตกไปแล้ว อนาคตของเจ้ามีเพียงความตายที่รออยู่ ข้าขอแนะนำให้เจ้าทิ้งบุตรสาวของข้าไว้ที่นี่ และไปใช้ชีวิตที่เหลือของตนเองเพียงลำพังเสีย!”
“หึ ต้องขอโทษด้วยแล้ว ข้าไม่มีวันทิ้งชิงเซียน และข้าจะไม่ออกไปใช้ชีวิตที่เหลือเพียงลำพัง… อ้อ…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงฝานส่ายศีรษะก่อนจะมองหลินไท่ซูด้วยแววตามีเล่ห์นัย “ข้าไม่ทราบว่าในอนาคตข้าจะตายตกหรือไม่ แต่ในไม่ช้าท่านกำลังจะตาย!”
พรึ่บ!
ทันทีที่กล่าวจบ รูม่านตาของหลินไท่ซูหดตัวลงในทันที
หนิงฝานกล่าวคำเบา “แม้ลมปราณยิ่งใหญ่จะปรากฏอยู่ในร่างกายนี้ ซ้ำยังมีพลังอันน่าเกรงขามล้นเหลือ แต่… ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา ความจริงแล้วทั้งอวัยวะภายใน เส้นลมปราณ จุดชีพจร หรือแม้แต่จิตวิญญาณของท่านล้วนทรุดโทรม เวลาของท่านใกล้จะหมดแล้ว และมีเพียงความตายรออยู่ในไม่ช้า!”