ตอนที่ 31 แผนทำลายไท่เสวียนของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ (รีไรท์)
ณ สระอสูรศักดิ์สิทธิ์ ในซากปรักหักพังของสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์
เวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งปีหลังการล่มสลายลงของเก้าสำนักมหาอสูร
ในวันนี้
โลหิตข้นหนืดภายในสระอสูรศักดิ์สิทธิ์เกิดพลุ่งพล่าน หยาดเลือดเหล่านั้นเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์สามร่างขึ้นมาในพริบตา
“ทวนซื่อ เยาเสีย พวกเจ้าทั้งสองเป็นอย่างไรกันบ้าง”
สุรเสียงจากหนึ่งในร่างโลหิตทั้งสามเอ่ยขึ้น
ร่างโลหิตทั้งสองจึงเริ่มตอบโต้
“ให้ตายเถอะ ผ่านมาครึ่งปีแล้ว พวกเราได้แค่กลั่นโลหิตเท่านั้น”
“แม้จะคงรูปร่างโลหิตขึ้นมาได้ แต่ความแข็งแกร่งก็ถูกทำลายด้วยกระบี่นั่น”
เมื่อฟังจากเสียง นั่นคือจักรพรรดิปีศาจเวินอี้ ทวนซื่อ และเยาเสีย
เนื่องจากทั้งสามได้ทิ้งรอยประทับแห่งชีวิตไว้ที่สระอสูรศักดิ์สิทธิ์ และยังไม่ได้ใช้งานพวกมัน จึงทำให้ทั้งสามฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้อีกครา
แต่สำหรับจักรพรรดิปีศาจพันปรารถนา และจักรพรรดิปีศาจกลั่นโลหิตทั้งหกได้ดับสูญไปสิ้นแล้ว
“บัดซบ! เจ้านักกระบี่ไร้นามอะไรนั่นมันเป็นผู้ใดกัน เพียงการโจมตีครั้งเดียวก็กวาดล้างสำนักอสูรโรคระบาดของข้าได้”
“สำนักอสูรมารปีศาจของข้าก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน”
“กระบี่เล่มนี้ยากที่จะมีผู้ใดหยุดยั้ง คิดแล้วยังนึกหวั่นใจอยู่เลย”
“ดูเหมือนว่าอีกหกสำนักที่เหลือก็ถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน”
จักรพรรดิปีศาจทั้งสามปรารภถึงเซียนกระบี่นิรนามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวั่นเกรง
“เซียนกระบี่นิรนามนั่นแข็งแกร่งเกินไป อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับที่รวบรวมพลังปราชญ์ได้หนึ่งหรือสองพลัง”
“เจ้านั่นแข็งแกร่งจนพรรคพวกต่างพากันสิ้นหวังที่จะชำระแค้นเสียแล้ว เช่นนี้จะหาโอกาสเอาคืนมันได้อย่างไร”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนสารเลวนั่น ครานั้นปรมาจารย์ไท่เสวียนก็ปราบสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ มาในครานี้เก้าสำนักมหาอสูรถูกทำลายลงด้วยฝีมือของเจ้าเซียนกระบี่ไร้ชื่อนั่น ราวกับเป็นชะตากรรมที่เวียนซ้ำกลับมาอีก”
“…”
ทั้งสามยังคงหารือกันต่อไป
ฮะ!
ในเวลานั้นเองก็พบว่าโลหิตรอบกายเริ่มระอุเดือดพล่านขึ้น บังเกิดพลังมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากก้นสระ
“หา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เหตุใดสระโลหิตจึงเดือดพล่านอย่างไม่เคยพบมาก่อน”
“ข้ารู้สึกถึงพลังจากก้นสระ!”
“…”
ความเปลี่ยนแปลงที่ก้นสระอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทำให้จักรพรรดิปีศาจทั้งสามพากันหวั่นใจ
เพราะมันเป็นครั้งแรกที่มีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นกับสระอสูรศักดิ์สิทธิ์
ฉ่า! ฉ่า! ฉ่า!
โลหิตในสระเดือดพล่าน กระแสโลหิตไหลวนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นและพุ่งตรงลงไปที่ก้นบ่อโลหิต
ตู้ม!
ฉับพลัน พลังแข็งกล้าอันยิ่งใหญ่ก็พวยพุ่งขึ้นจากก้นสระผ่านกระแสโลหิตหมุนวนนั่น
จักรพรรดิปีศาจทั้งสามตกใจอย่างมาก
พวกเขาค้นพบว่าพลังนั่นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าที่ได้พบจากเจ้าเซียนกระบี่ไร้ชื่อที่เคยทำลายล้างตนมาก่อนเลย
“หึ”
“พลังนี้…”
จักรพรรดิทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
“หึ ๆๆ”
“ฮ่า ๆๆ”
ขณะที่ทั้งสามกำลังตกใจ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะชวนสั่นประสาทมาจากก้นสระทั้งลึกและตื้นดังเป็นระยะ
แฉะ แฉะ
จากนั้น ปรากฏร่างที่เปรอะไปด้วยโลหิตกำลังก้าวขึ้นจากก้นสระทีละก้าว ๆ ภายในกระแสโลหิตที่ไหลวน
ทุกย่างก้าวของร่างนั้นเริ่มเป็นรูปร่างขึ้นเรื่อย ๆ ทีละน้อยจนเข้าใกล้กับจักรพรรดิปีศาจทั้งสาม และรวมเป็นร่างชายชราผอมบางในอาภรณ์สีโลหิตในท้ายที่สุด
“โอ้!”
“สวรรค์!”
เมื่อพบชายชราผู้นั้น เหล่าจักรพรรดิปีศาจก็ต่างอุทานเสียงหลงราวกับได้พบสิ่งที่น่ากลัวสุดขีด
ชายชราในอาภรณ์สีโลหิต ดังเช่นที่ปรากฏในภาพเขียนที่สืบทอดมาจากสำนักอสูรทั้งเก้าของพวกเขาทุกประการ นั่นก็คือภาพเขียนของท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ก่อตั้งสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเมื่อหลายพันปีก่อน
“ท่าน…ท่านบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์”
พวกเขาทั้งสามแทบไม่เชื่อสายตา
ท่านบรรพบุรุษยังคงร่างกายดังเช่นหลายพันปีก่อน ซึ่งแม้แต่ปราชญ์ยุทธ์ก็มีอายุขัยได้เพียงหนึ่งหรือสองพันปีเท่านั้น
เช่นเดียวกับปรมาจารย์ไท่เสวียนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ผู้ที่เป็นปราชญ์ยุทธ์อันแข็งแกร่งก็สิ้นอายุขัยไปในเวลาพันปี
อย่างไรเสีย
ในตอนนี้
พวกเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไรเมื่อพบว่าบุคคลในตำนานยุคสมัยเดียวกับปรมาจารย์ไท่เสวียนกำลังปรากฏกายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“หึ ๆ ไม่คาดคิดว่าหลังจากผ่านไปพันปี ก็ยังมีคนรู้จักข้าที่เป็นบรรพบุรุษ”
จักรพรรดิปีศาจทั้งสามรู้แน่แล้วว่า ท่านผู้นี้คือท่านบรรพบุรุษจริง ๆ ก็ม่านตาเบิกกว้างขึ้น
“อา…ท่านคือท่านบรรพบุรุษจริง ๆ ด้วย”
“ท่านบรรพบุรุษ เราเป็นสมาชิกของเก้าสำนักมหาอสูร บรรพบุรุษของเราคือเก้าสาวกของท่าน”
“พวกเราเก้าสำนักมหาอสูรต้องการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์กลับไปดังเช่นในยุคสมัยของท่านบรรพบุรุษของเรา”
เมื่อเห็นว่านี่คือผู้ยิ่งใหญ่ของตนจริง ๆ เหล่าจักรพรรดิทั้งสามก็เปลี่ยนท่าทีจากหวั่นกลัวเป็นปีติยินดีในทันที และเริ่มรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับสำนักทั้งเก้า
“โอ้ เจ้าเด็กฝึกหัดไร้ความสามารถทั้งเก้าของข้า”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์มีท่าทีประหลาดใจ
ในตอนนั้นเองจักรพรรดิปีศาจเวินอี้ก็เริ่มเอ่ยอีกครา “ท่านบรรพบุรุษ พวกข้าคิดว่าท่านดับสิ้นไปเสียแล้ว ไม่คาดว่าจะหาได้เป็นเช่นนั้น”
“หึ ๆ เรื่องมันยาว แต่นั่นก็เป็นเพราะความดีความชอบของพวกเจ้าด้วย”
ผู้เป็นบรรพบุรุษหัวเราะขึ้นแล้วเริ่มต้นอธิบายถึงต้นสายปลายเหตุ
เมื่อหนึ่งพันปีก่อน
คราที่ปรมาจารย์ไท่เสวียนปราบสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็กำลังจะเข้าสู่ขอบเขตของปราชญ์ยุทธ์แล้ว เขาอยู่ในระหว่างการเข้าถึงเส้นทางของสวรรค์และโลกเพื่อบรรลุขอบเขตนั้น แต่กลับถูกปรมาจารย์ไท่เสวียนทำลายร่างและกระทั่งวิญญาณก็แตกสลาย
เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองถูกทำลายล้างจนสิ้นสูญ บรรพบุรุษได้แอบหลอมเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลือไว้ในเม็ดมณีล้ำค่า และลอบจมมณีนั้นไว้ที่ก้นสระอสูรศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลบซ่อน
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้เสี้ยววิญญาณนี้ในการฟื้นคืนวรยุทธ์ขึ้นมาอีกครั้ง กลั่นโลหิตสร้างร่างใหม่อยู่ภายในสระนั่น
เวลาผันผ่านไปเนิ่นนาน เขาได้รวบรวมพลังของปราชญ์ทั้งสามขึ้นมาอีกครั้ง จนปรากฏเส้นทางแห่งปราชญ์ขึ้นในความมืดมิด และได้พบกุญแจสู่การล้างแค้นปรมาจารย์ไท่เสวียน
เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่า แม้จะฟื้นคืนพลังมาแล้วแต่ร่างกายนั้นกลับถูกกักขังอยู่ที่ก้นสระโลหิตอสูร
สามารถเรียกได้ว่า
แม้สระอสูรศักดิ์สิทธิ์จะคืนชีวิตแก่เขา
แต่ก็เป็นที่กักขังในคราเดียวกัน
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์คิดว่าตนเองจะสูญสิ้นหนทางในการฟื้นคืนไปเสียแล้ว จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา เก้าสำนักมหาอสูรได้ค้นพบสระอสูรศักดิ์สิทธิ์โดยบังเอิญ และเริ่มดูดซับเอาพลังต้องห้ามจากร่างบรรพบุรุษไปใช้
จนกระทั่งในเวลานี้ที่ร่างของจักรพรรดิทั้งสามกำลังกลั่นโลหิตขึ้นมา พลังต้องห้ามเหล่านั้นจึงได้ถูกดูดซับไปจนหมด เป็นการปลดปล่อยบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ให้ฟื้นคืนร่างอย่างสมบูรณ์
“เช่นนี้เอง”
จักรพรรดิปีศาจทั้งสามพลันตระหนักขึ้นมาได้
พวกเขากลายเป็นผู้ปลดปล่อยท่านบรรพบุรุษโดยไม่ได้คาดคิด
และที่มากไปกว่านั้น ท่านบรรพบุรุษไม่เพียงแต่รวบรวมพลังปราชญ์ทั้งสามสำเร็จ ซ้ำแล้วเพียงไม่กี่ก้าวก็จะเข้าถึงขั้นปราชญ์ยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานในตำนานอีก
ไม่เพียงอยู่ยงคงกระพัน แต่ยังจะบรรลุขอบเขตแห่งปราชญ์ยุทธ์ด้วยความไร้เทียมทานด้วย
“ท่านบรรพบุรุษ การฟื้นคืนของท่านเป็นความหวังแห่งการฟื้นฟูสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราแล้ว”
“หลายปีมานี้สำนักฝ่ายปีศาจของเราถูกกดขี่โดยสำนักฝ่ายธรรม ที่นำโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เก้าสำนักมหาอสูรของเราถูกเจ้าเซียนกระบี่นิรนามกวาดล้างเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนนี้จึงเหลือเราทั้งสามเท่านั้น”
“ใช่แล้วขอรับท่าน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ไท่เสวียน ผู้ทำลายล้างสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ในครานั้น”
จักรพรรดิปีศาจทั้งสามมองหานายใหม่แก่ตนเองแล้วเริ่มคร่ำครวญ
“อันใดนะ”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ไท่เสวียนนั่นน่ะหรือ!”
แน่นอน
เมื่อได้ยินคำรายงานนั้น เลือดของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เดือดพล่านด้วยความคั่งแค้นแสนบ้าคลั่ง
“ดี เช่นนั้นก็ดี”
“ตอนนี้ข้าเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะทะลุขอบเขตแห่งปราชญ์ยุทธ์ ตราบใดที่ทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนั่นได้ ข้าก็จะสามารถเป็นปราชญ์ยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานได้อย่างแท้จริง