ตอนที่ 32 สังหารล้างโลก อสูรโลหิตนับล้าน (รีไรท์)
เมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรงอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิปีศาจเวินอี้ ทวนซื่อ และเยาเสียก็หัวเราะขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ยามนี้ฟ้าเป็นใจให้พวกเขาแล้ว แม้จะเนิ่นนานกว่าพายุจะผ่านไป แต่ท้องนภายามไร้เมฆครึ้มมีแสงสดใสรออยู่
แสงจากท่านบรรพบุรุษนี้เองที่มาช่วยนำทางแก่ฝ่ายปีศาจ ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน และเจ้าเซียนกระบี่ไร้นามนั่นก็เพียงลูกไก่ในกำมือเท่านั้น
อย่างไรเสีย ใต้หล้านี้ก็จะตกอยู่ใต้อาณัติของสำนักฝ่ายปีศาจทั้งสิ้น
และเมื่อยามนั้นมาถึง ในฐานะสามจักรพรรดิปีศาจที่ยังหลงเหลืออยู่ของสำนักฝ่ายปีศาจที่ยิ่งใหญ่ เก้าสำนักมหาอสูรก็จะอยู่ภายใต้อำนาจของตนเองตามพลังอำนาจและฐานะ
สามจักรพรรดิปีศาจมองเห็นอนาคตอันรุ่งโรจน์ของตนเองอยู่ไม่ไกลก็บังเกิดความพอใจขึ้น
ทว่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่กลับหันมองลูกศิษย์ทั้งสามราวกับจ้องมองจากอเวจี
ความดีใจของจักรพรรดิทั้งสามพลันหดลดลง เมื่อรู้สึกถึงสายตานั่น
“ท่านบรรพบุรุษ”
ลางไม่ดีเริ่มปกคลุมไปทั่ว แล้วความหวาดกลัวก็กัดกินไปทั้งกาย
“หึ ๆ พวกเจ้าไม่ได้มีเจตจำนงเพื่อความรุ่งโรจน์ของสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นหรอกหรือ? เช่นนั้นก็จงกลายเป็นอสูรบัลลังก์โลหิตของข้าซะ!”
เสียงหัวเราะแปลกประหลาดของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ดังก้อง ธารโลหิตในสระพลันไหลวนท่วมร่างโลหิตของจักรพรรดิปีศาจทั้งสามในทันที
“อะไรกัน!”
“ไม่! ท่านบรรพบุรุษ”
“ไม่นะ! เราภักดีต่อท่าน”
ทั้งสามร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกท่านบรรพบุรุษโจมตี
“หึ ๆ ไม่ต้องกังวลไป หลังจากกลายเป็นอสูรบัลลังก์โลหิตแล้ว พวกเจ้าจะได้ภักดีต่อข้าอย่างเต็มที่”
เสียงหัวเราะน่าสยดสยองของชายชราดังก้อง
ไม่นานนัก เสียงกรีดร้องของจักรพรรดิปีศาจทั้งสามพลันเงียบลง แล้วหยาดโลหิตที่ค่อย ๆ คลายลง ก็ปรากฏร่างอสูรโลหิตน่ากลัวสามตนที่มีกลิ่นอายของความกระหายเลือด
อสูรโลหิต!
อสูรโลหิตทั้งสามที่เป็นดั่งทาสรับใช้ของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
“ไม่เลวเลย!”
“เหล่าอสูรโลหิตของข้า ไปถล่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ราบ เพราะใต้หล้าจักต้องตกอยู่ในอาณัติของอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น”
ผู้เป็นนายของอสูรทั้งหมดหันกายจากไป
อสูรโลหิตทั้งสามคำรามออกมาพร้อมกันเยี่ยงเดรัจฉานคลั่ง ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์โดยสิ้น
…
เมืองแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากซากปรักหักพังของสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์
มีผู้คนนับแสนอาศัยอยู่ในเมืองนี้ กำลังสัญจรไปมาอย่างพลุกพล่านรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
หลังการสูญสิ้นของเก้าสำนักมหาอสูร ความสงบคืนสู่ใต้หล้าและไพร่ฟ้าก็กลับมารุ่งเรือง
พรึ่บ!
แต่จู่ ๆ ก็มีร่างอสูรโลหิตที่อาบไปด้วยเลือดปรากฏกายขึ้นเหนือหัวพวกเขา พร้อมด้วยชายชราร่างผอมบางในอาภรณ์สีโลหิต
ชายชราผู้เป็นนายแห่งอสูรโลหิตมองลงมาด้านล่าง ด้วยสายตาราวกับกำลังมองมดปลวกไร้ทางสู้ “พวกเจ้าสุขสบายกันมานานเกินไปแล้ว”
“นับแต่บัดนี้…คือยุคสมัยของอสูรศักดิ์สิทธิ์!”
หลังสิ้นสุรเสียงเย็นเยียบเต็มไปด้วยความชั่วร้ายของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ ก็บังเกิดเสียงดังโครมครามตามมาด้วยธารโลหิตที่เอ่อท่วมทั้งเมืองในชั่วพริบตา
“อ๊ากกก!”
“กรี๊ดดด!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่าที่ดังระงมไปทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ หรือกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ก็สิ้นชีพภายในเวลาไม่นาน
หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ
ศพทั้งหมดในเมืองก็กลายสภาพเป็นอสูรโลหิตไม่ต่างจากสามจักรพรรดิปีศาจ ไร้จิตใจแห่งความเป็นมนุษย์ แววตาหลงเหลือเพียงความบ้าคลั่งเท่านั้น
และใช้เวลาเพียงไม่นานเหล่าอสูรโลหิตก็บังเกิดขึ้นนับแสนในเมืองแห่งเดียว
“ฮ่า ๆๆ”
นี่เป็นภาพที่ช่างสวยงามสำหรับผู้เฒ่าที่สร้างมันขึ้นมากับมือ ร่างผอมบางทะยานขึ้นสู่อากาศ ส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จิตใจเต็มไปด้วยความกระหายเลือด หลังจากทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในอาณัติของตนสำเร็จ
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว กลืนกินเมืองต่อ ๆ ไปอย่างตะกละตะกลาม
ไม่นานจากหนึ่งเมืองก็เพิ่มเป็น สอง สาม สี่
แม้แต่เมืองที่อยู่ในความดูแลของสิบสำนักก็ไม่อาจต้านทาน สำนักดาราเมฆา สำนักเซวียนหยวน สำนักศึกสงคราม ล้วนถูกทำลายลงสิ้น
กองทัพอสูรโลหิตที่ตามมาเป็นข้ารับใช้ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัว
สองแสน
สามแสน
ห้าแสน
…
หายนะขนาดใหญ่กำลังกลืนกินไปทุกพื้นที่อย่างฉับพลัน
ทางด้านดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็บังเกิดความวุ่นวายเช่นกัน ณ ขณะนี้
“องค์จักรพรรดินี หายนะได้อุบัติขึ้นอีกครั้งแล้ว มีชายชราในอาภรณ์สีโลหิตปรากฏกายขึ้น ทุกที่ที่คนผู้นั้นผ่านไปล้วนทับถมด้วยภูเขาซากศพและทะเลโลหิต”
“สายข่าวรายงานว่าชายผู้นั้นแข็งแกร่งมากจนสามารถทำลายล้างทั้งเมืองได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว แม้แต่สำนักฝ่ายธรรมก็ไม่อาจต้านทานได้ ในห้าวันนี้สำนักทั้งสิบถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว”
“และตอนนี้ชายผู้นั้นกำลังจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า”
“องค์จักรพรรดินี ข้าเกรงว่าชายผู้นั้นหาใช่ผู้ที่เราที่จะประมือด้วยได้ ได้โปรดเชิญผู้อาวุโสนิรนามมาเพื่อปกป้องชาวบ้านด้วยเถิด”
“…”
ความหายนะที่อุบัติขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พากันตื่นตระหนก
หลัวชิงเซียนไร้ซึ่งความลังเลที่จะกระจายข่าวไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หวังจะเชิญท่านผู้อาวุโสให้ออกมาช่วยต้านการโจมตีจากอสูรนั่น
ถึงกระนั้นทุกอย่างกลับเงียบเชียบ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากผู้ยิ่งใหญ่ที่ทั่วหล้าต่างรอคอย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น! หรือว่าท่านผู้อาวุโสจะหวาดกลัวชายผู้นั้นเสียแล้ว!”
สีหน้าของผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนสิ้นหวัง จมดิ่งกับความหวาดหวั่นยิ่ง
“ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับท่านผู้อาวุโสแน่ ถ้าท่านไม่ยอมปรากฏตัว จะเพียงรอความตายกันอยู่เช่นนี้ก็ใช่ที่ กางอาณาเขตคุ้มกันให้ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เตรียมพร้อมตั้งรับศัตรู”
หลัวชิงเซียนออกคำสั่ง
วูบ!
สิ้นคำสั่งนั้น ก็บังเกิดลำแสงขนาดใหญ่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เริ่มแยกตัวออกเป็นม่านพลังคุ้มกัน ห่อหุ้มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไว้
ว่ากันว่าอาณาเขตคุ้มกันนี้ถูกสร้างขึ้นโดยท่านปรมาจารย์ไท่เสวียน เพื่อใช้หยุดศัตรูทั้งหลายไม่ให้ย่างกรายเข้ามาได้
ถึงกระนั้นแล้ว พลังงานของอาณาเขตคุ้มกันนี้ก็ยังมีจำกัด เมื่อพลังงานหมดลงอาณาเขตจะค่อย ๆ สลายไป อาณาเขตคุ้มกันนี้จึงถูกเรียกใช้งานในยามจำเป็นเท่านั้น
เห็นชัดแล้วว่า ยามนี้ช่างเหมาะสมจะเรียกอาณาเขตคุ้มกันออกมาใช้งานแล้ว
เมื่ออาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียนถูกเรียกออกมาใช้งาน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มคลายความระส่ำระสายลงไป
หลังจากนั้น ทั้งผู้อาวุโสกับเหล่าสาวกกว่าแสนคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็มารวมตัวกันที่ประตูภูเขาหยกขาว ท่าทางของทุกคนคร่ำเคร่งและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ทุกคนต่างรู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะต้องพบกับภยันตรายที่ยากจะรับมือในรอบหลายทศวรรษ
แต่จะสามารถรับมือกับพวกมันได้หรือไม่ ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้ายืนยัน
บรรยากาศผ่านไปอย่างตึงเครียด
ครึ่งวันต่อมา
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ แผ่นดินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันตกตะลึง
หายนะนองเลือดที่น่าหวาดกลัวมาถึงที่นี่แล้ว
ทุกคนต่างพากันมองไปทางอาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียน
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือ ทะเลโลหิตที่ไหลท่วมมาจากขอบฟ้าซึ่งเห็นมาตั้งแต่ระยะไกลค่อย ๆ ใกล้เข้ามา พร้อมเสียงกึกก้องจากที่มาของธารโลหิตนั่น
เมื่อสังเกตอย่างถี่ถ้วนก็พบว่านั่นไม่ใช่ธารโลหิต แต่เป็นเหล่าอสูรโลหิตอาบไปด้วยเลือดกำลังพากันตรงเข้ามานับล้านตน ทำเอาเกิดความหวาดหวั่นไปทั่วทุกหัวระแหง
“หา! นั่นไม่ใช่ผู้อาวุโสกับเหล่าสาวกของสำนักดาราเมฆาหรอกหรือ พวกเขากลายเป็นอสูรโลหิตไปได้ยังไงกัน”
“ยังมีคนจากสำนักศึกสงคราม สำนักเซวียนหยวน และสำนักอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นอสูรโลหิตกระหายเลือดไปหมดแล้ว”
“สวรรค์ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าพวกอสูรโลหิตนับล้านที่กำลังมาที่นี่เป็นอดีตผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักฝ่ายธรรม”
“เลือดเย็นเกินไปแล้ว”
“…”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า
ในไม่ช้า อสูรโลหิตนับล้านก็ส่งเสียงคำราม พากันมุ่งตรงมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน พวกมันชนเข้ากับเกราะที่สร้างขึ้นจากอาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียนอย่างบ้าคลั่ง
โชคดีอยู่ เกราะที่ท่านปรมาจารย์ไท่เสวียนสร้างขึ้นนั้นยังใช้งานได้ดี
เหล่าผู้อาวุโสและสาวกที่อยู่ภายในอาณาเขตพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
“หึ ๆ”
“ฮ่า ๆๆ”
ทว่าตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะสยองขวัญพลันดังขึ้น ดึงดูดความสนใจจากผู้คนในทันที