ตอนที่ 53 คำสั่งองค์จักรพรรดิเทพขนนก จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย! (รีไรท์)
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
พวกเขาทราบดีว่าสิ่งที่องค์จักรพรรดิกล่าวออกมานั้นเป็นความจริง เพราะหลินไท่ซูเป็นเพียงผู้เดียวที่มีอำนาจมากที่สุดภายในราชวงศ์เทพขนนก หากหลินไท่ซูล้มลง ราชวงศ์เทพขนนกจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน
ยิ่งถ้าสามราชวงศ์นั้นร่วมมือกัน ย่อมไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าราชวงศ์เทพขนนกจะประสบกับเภทภัยเช่นไร
“ฝ่าบาท มันจะต้องมีวิธีรักษาพระวรกายของพระองค์อย่างแน่นอน!”
“ราชวงศ์เทพขนนกของพวกเราทั้งทรงพลังและยิ่งใหญ่ ซ้ำยังมีทรัพยากรอยู่มากมาย มันเป็นไปได้หรือว่าจะไม่มีหนทางช่วยเหลือองค์จักรพรรดิได้เลย!”
“ฝ่าบาท หากเพื่อราชวงศ์เทพขนนกแล้ว พวกกระหม่อมล้วนยินดีที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อยืดอายุขัยของท่าน”
“…”
ในเวลานี้เอง กลุ่มปราชญ์ยุทธ์ที่นำโดยขันทีเว่ยคุกเข่าลง
หลินไท่ซูเห็นเช่นนั้นก็ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวต่อ “มิจำเป็น ข้ารู้จักร่างกายของข้าดี และมันไม่มีวิธีรักษาอื่นแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขันทีเว่ยและทุกคนต่างเผยสีหน้าเศร้าโศกออกมา
“อย่าได้สิ้นหวังไป ข้าย่อมไม่คิดที่จะนั่งรอความตาย ในฐานะองค์จักรพรรดิเทพ ข้าผู้นี้ขอสัตย์สาบานต่อหน้าฟ้าดินว่า จากนี้ไปข้าจะปิดด่านฝึกตนอย่างสันโดษ หากข้าสามารถทะลวงเข้าสู่เก้ามหาขอบเขตแห่งเทพยุทธ์ได้ ข้าอาจจะได้รับชีวิตใหม่ แต่หากไม่แล้ว…”
แววตาของหลินไท่ซูเผยความหดหู่ และเขาก็หยุดพูดไปครู่หนึ่ง
แล้วทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ ทว่าขณะนั้นเอง จู่ ๆ หลินไท่ซูก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ขันทีเว่ย ร่างราชโองการตามความประสงค์ของข้า!”
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!” แม้ขันทีเว่ยมีสีหน้าโศกเศร้า แต่ยังคงน้อมรับคำสั่งอย่างเคร่งครัด
“ตามความประสงค์ของข้า หลังจากที่ข้าเริ่มปิดด่านฝึกตนไปแล้ว ราชวงศ์เทพขนนกย่อมตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างถึงที่สุด อีกทั้งตอนนี้ราชวงศ์เทพยังมิเคยสถาปนาองค์รัชทายาท ในบรรดาบุตรและธิดา รวมถึงพระราชนัดดาทั้งหมดของข้า ผู้ใดก็ตามที่สามารถสยบความวุ่นวายทั้งหมดให้กับราชวงศ์เทพขนนกได้ สามารถเป็นผู้พิทักษ์เทพที่มากความสามารถ และสร้างความรุ่งเรืองให้แก่ราชวงศ์ได้อย่างมั่นคง คนผู้นั้นจักได้สืบทอดบัลลังก์มังกรแห่งราชวงศ์เทพของข้า… และถือเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป!”
…
ไม่นานหลังจากนั้น ที่ด้านนอกของตำหนักวังมังกรแท้จริง
เมื่อเห็นขันทีเว่ยกับเหล่าปราชญยุทธ์เดินออกมา กลุ่มองค์ชายและคนอื่น ๆ ก็รีบรุดเข้าไปหาทันที
“องค์จักรพรรดิมีพระราชโองการ!”
ทันทีที่ขันทีเว่ยตะเบ็งเสียงดัง ทุก ๆ คนก็คุกเข่าลงโดยพลัน
แล้วขันทีเว่ยก็เริ่มอ่านพระราชโองการ
“ว่าอย่างไรนะ!? องค์จักรพรรดิเทพจะปิดด่านฝึกตน!”
“ราชวงศ์เทพขนนกจักต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย หากผู้ใดในหมู่ทายาทเช่นพวกเราสามารถสยบความวุ่นวายและสร้างความมั่นคงให้แก่ราชวงศ์เทพขนนกได้ ก็จะได้เป็นผู้ขึ้นครองบัลลังก์คนต่อไป!”
ทันทีที่พระราชโองการถูกประกาศออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ล้วนแล้วแต่เปลี่ยนสีหน้าทุกคน และไม่มีใครทราบว่าพวกเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
หนิงฝานส่ายศีรษะเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดมองเห็นการกระทำนี้ ทว่าภายใต้เนตรสลายภาพลวงตา สีหน้าลับ ๆ ที่ผู้คนแสดงออกมาล้วนแต่ถูกเขามองเห็นทั้งสิ้น
มีบางคนที่รู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง แต่หลายคนก็ลอบยินดี บ้างก็ภูมิใจ และบางคนถึงกับเย้ยหยัน!
หนิงฝานทราบดีว่าสาเหตุที่หลินไท่ซูตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับใครบางคนในสถานที่แห่งนี้แน่นอน
แต่เขาไม่คิดสนใจมันมากนัก
สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ราชวงศ์นั้นมีศัตรูในที่ลับมากมาย และผู้ใกล้ชิดขององค์จักรพรรดิย่อมตกเป็นเป้าหมายโดยง่าย
หลังจากราชโองการถูกประกาศออกไปแล้ว หลินไท่ซูก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดไว้อีก เขามุ่งตรงเข้าสู่ด้านในสุดของวังและปิดด่านฝึกตนตามที่กล่าวไว้
ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกของวังมังกรแท้จริงพากันแยกย้ายกลับออกไป หนิงฝานและหลัวชิงเซียนเองก็กลับตำหนักองค์หญิงด้วยเช่นกัน
ระหว่างทางนั้น หลัวชิงเซียนเผยความกังวลออกมาอย่างชัดเจน
แม้ภายนอกนางจะดูเกลียดชังหลินไท่ซู แต่ความจริงแล้วนางคือบุคคลที่ห่วงใยเขามากที่สุดภายในพระราชวังแห่งนี้
“ภรรยา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไป บิดาของเจ้าถือเป็นบุรุษผู้องอาจอย่างแท้จริง เขากำลังต่อกรกับสวรรค์ เราควรจะภาวนาให้เขาทำสำเร็จ!” หนิงฝานใช้โอกาสนี้กล่าวปลอบนาง
“เฮ้อ”
หลัวชิงเซียนคล้ายกับมีคำพูดมากมาย แต่สุดท้ายแล้วนางเลือกที่จะถอนหายใจออกมา
ตู้ม!
ตอนนี้เอง จู่ ๆ คำสาปอมตะในร่างของหนิงฝานก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นเช่นนี้ หลัวชิงเซียนจึงกลับมากังวลเรื่องของหนิงฝานต่อ
จวบจนถึงวันนี้ ในบรรดาสามคนที่นางรักมากที่สุด คนหนึ่งตายตกไปแล้ว อีกคนกำลังอยู่ระหว่างเส้นทางแห่งความตาย ส่วนอีกคนนั้นอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย แต่ถึงกระนั้น หนิงฝานคือคนผู้เดียวที่อยู่ข้างกายนางในตอนนี้
“หนิงฝาน รอข้าก่อนเถิด ข้าจะหาวิธีแก้ไขคำสาปอมตะให้เจ้า และข้าจะไม่มีวันยอมปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นอันขาด!”
หลัวชิงเซียนกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นที่สุด นางไม่คิดรอฟังคำของหนิงฝานแม้แต่น้อย หันหลังกลับและหายไปจากตำหนักองค์หญิงอย่างรวดเร็ว
“ภรรยาผู้โง่เขลาของข้า!”
คำกล่าวนั้นเอ็นดูนางถึงที่สุด หนิงฝานเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ สวนทางกับในใจที่รู้สึกอบอุ่นอย่างสิ้นเชิง
สามีคนนี้จะขอสิ่งใดได้อีก เขามีภรรยาผู้นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตนี้!
“เฮ้อ หลังจากหลินไท่ซูละทิ้งตำแหน่ง ดูท่าว่าเมืองเทพขนนกถึงคราวต้องประสบกับปัญหาแล้วสินะ”
ชายหนุ่มทอดถอนหายใจ แต่สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าวต่อ “แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อย ข้าสมควรอยู่ที่ตำหนักองค์หญิงและลงชื่อเข้าใช้ต่อไป รีบเป็นอมตะโดยเร็วคือสิ่งสำคัญที่สุด!”
…
ข่าวคราวเรื่องการปิดด่านฝึกตนของหลินไท่ซูแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ไม่น้อยไปกว่าความวุ่นวายในงานเลี้ยงเทพขนนก
ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองเทพ
ภายในจวน กลางห้องที่มืดสลัว มีชายผู้หนึ่งในชุดอาภรณ์สีดำนั่งอยู่ ทว่าไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก
ในเวลานี้มีเสียงกล่าวดังขึ้นมาว่า “อาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ล้มเหลว และทุกสิ่งที่วางเอาไว้ก็พังไม่เป็นท่า ซ้ำยังเกิดเรื่องไม่คาดคิด คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าราชบุตรเขยของราชวงศ์เทพขนนกที่มีนามว่าหนิงฝาน จะอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์!”
“ไม่เป็นไร! แม้ราชบุตรเขยหนิงฝานผู้นั้นจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ แต่เขาถูกคำสาปอมตะเล่นงานแล้ว วันใดวันหนึ่งขอบเขตของเขาจะลดลงจนกลายเป็นขยะไร้ประโยชน์ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป!”
“อืม ไม่จำเป็นต้องสนใจชายที่พิการไปแล้วเช่นนั้น ถึงแผนการนี้จะล้มเหลวและไม่สามารถสังหารหลินไท่ซูได้ แต่สุดท้ายแล้วยังคงทำให้เขาต้องปิดด่านฝึกตน แน่นอนว่าเก้าในสิบล้วนแต่ตายตกในระหว่างทางทั้งสิ้น”
“ในความของคิดข้า แผนการลอบสังหารภายในงานเลี้ยงไม่ถึงกับล้มเหลวเสียทีเดียว ตอนนี้หลินไท่ซูนับว่าเป็นคนตายไปแล้ว เราเพียงแค่ต้องเติมเชื้อไฟลงไป เช่นนั้นแล้วราชวงศ์เทพขนนกก็จะต้องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”
“เมื่อราชวงศ์เทพขนนกตกอยู่ในความวุ่นวาย ความมั่นคงและมั่งคั่งของราชวงศ์เทพขนนกในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาก็จะสูญสลายสิ้น แล้วสมบัติภายในราชวงศ์ทั้งหมดก็จะตกเป็นของกองกำลังเบื้องหลังเช่นพวกเรา!”
“ฮ่า ๆ!”
“ฮ่า ๆๆ!”
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังขึ้นภายในห้องแห่งความมืด
…
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่งานเลี้ยงจบลง เวลาก็ล่วงเลยมาครึ่งปีได้แล้ว
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ราชวงศ์เทพขนนกทั้งหมดคล้ายถูกคลื่นมหานทีถาโถม ทั้งหมดล้วนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ทั้งอัครเสนาบดี กองทัพ ผู้อาวุโสระดับสูง และเหล่าขุนนาง หลายคนพบเจอกับอุบัติเหตุเลวร้ายบ่อยครั้ง บางคนถูกลอบสังหาร บางคนถูกวางยา กระทั่งถูกสังหารทั้งครอบครัวก็ยังมี
แม้จะมีองครักษ์เทพผู้พิทักษ์คอยดูแลลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงมีปราชญ์ยุทธ์เช่นเว่ยเสวียนและอวี้เฉิงคอยดูแล แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังเผลอหลงกลตัดศีรษะใครบางคนด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้น นี่เพราะภายในเมืองเทพขนนกแห่งนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ความโกลาหลจึงปรากฏขึ้นในทุกหนแห่ง
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนในเมืองเทพขนนกพากันตื่นตระหนก และพวกเขารู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงในจิตใจ
คล้ายพายุกำลังจะมา ลมจึงกระโชกแรงทวีคูณ!
ผู้คนในราชวงศ์เทพทุกคนตกอยู่ในสภาวะโศกเศร้า ขณะบังเกิดลมพายุนี้
ภายในพระราชวังเทพขนนกมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ซ้ำยังมีปราชญ์ยุทธ์หลายคนปรากฏตัวตลอดวันตลอดคืน สถานที่แห่งนี้จึงสงบกว่าโลกภายนอกมาก
เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่หนิงฝานรับฟังเรื่องราวโลกภายนอก เขายังอยู่ภายในตำหนักชั้นในด้วยความผ่อนคลาย และลงชื่อเข้าใช้เพื่อฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในทุกวัน
เนื่องจากพระราชวังเทพขนนกมีขนาดใหญ่มาก เขาจึงออกสำรวจและได้รับสมบัติจากการลงชื่อเข้าใช้มากมาย
ตำหนักวังมังกรแท้จริง ลงชื่อเข้าใช้ได้รับปราณมังกรแท้จริง
วังเฟิ่งหมิง ลงชื่อเข้าใช้ได้รับปีกหงส์อมตะ
สวนดอกไม้ราชวงศ์ ลงชื่อเข้าใช้ได้รับดอกไม้วิญญาณปฐมสวรรค์
ศาลาหยินหยาง ลงชื่อเข้าใช้ได้รับเคล็ดทวิหยินหยาง
…
จากรางวัลที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ ในเวลานี้เอง หนิงฝานจึงสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ระดับสวรรค์ขั้นสามได้อย่างรวดเร็ว