ตอนที่ 55 พายุมาถึงหน้าวิหารทองคำ!
วันต่อมา ภายใต้การออดอ้อนของหนิงฝาน หลัวชิงเซียนจึงหยุดออกไปข้างนอกและขลุกตัวอยู่ในตำหนักองค์หญิงเพื่อ ‘สลายคำสาป’ กับหนิงฝาน
ทั้งหนิงฝานและหลัวชิงเซียนได้รับประโยชน์มากมายจากการทำลายคำสาปครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะหลัวชิงเซียน ทุกครั้งที่นางเสร็จสม ขอบเขตการฝึกฝนของร่างกายจะพุ่งสูงขึ้นโดยทันที และมันรวดเร็วเป็นสามเท่าจากวิธีปกติของนาง
สิ่งนี้ทำให้หลัวชิงเซียนประหลาดใจนัก แล้วนางก็ตั้งใจทำลายคำสาปมากยิ่งขึ้น
ในช่วงเวลานี้ ชีวิตของหนิงฝานสามารถกล่าวได้ว่า ไร้กังวล มีความสุข และสงบสุข
ทว่าเมื่อเทียบกับความเงียบสงบของตำหนักองค์หญิงแล้ว ในที่สุดราชวงศ์เทพขนนกก็ประสบกับลมพายุที่ตั้งเค้ามาเป็นเวลานาน
ข่าวร้ายมากมายผุดขึ้นไม่เว้นวัน สร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าราชวงศ์และประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
ประการแรก เหล่าข้าราชบริพารในดินแดนต่าง ๆ และอัครมหาเสนาบดีสูงสุดทั้งสิบสมรู้ร่วมคิดกัน แต่ละคนพยายามยึดครองสามพันดินแดนของราชวงศ์เทพเอาไว้และตั้งตนเป็นจักรพรรดิอย่างลับ ๆ!
หลังจากนั้น หลายร้อยอาณาจักรก็ประกาศตัวตัดขาดจากการปกครองของราชวศ์เทพขนนก มิหนำซ้ำหลายอาณาจักรยังพร้อมที่จะบุกเข้ายึดดินแดนของราชวงศ์เทพขนนกด้วย
แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์มากอำนาจภายในดินแดนของเมืองเทพขนนกก็ยังเปิดเผยว่า จะไม่ยินยอมถูกปกครองโดยราชวงศ์เทพขนนกอีกต่อไป
ภายในเวลานี้ เมฆหมอกครึ้มดำกำลังปกคลุมไปทั่วเมืองเทพขนนก ในที่สุดภัยพิบัติที่ทุกคนหวาดกลัวก็มาถึง ราชวงศ์เทพขนนกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งภายในและภายนอก
ตึง!
ในวันนี้เอง บังเกิดเสียงระฆังดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องก็รีบไปแจ้งข่าวให้แก่องค์ชายและองค์หญิง รวมถึงขุนนางทุกคนรับทราบเพื่อเข้าหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ
“สวรรค์! หายนะมาถึงแล้ว!”
“เหล่าอัครมหาเสนาบดีก่อกบฏ อาณาจักรถูกแบ่งแยก แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่งยังขอแยกตัวออกไป หากข้าคาดเดาไม่ผิด รากฐานที่ราชวงศ์เทพขนนกสั่งสมมากว่าหมื่นปีจะถูกทำลายสิ้นในวันนี้!”
“จริงด้วย เวลานี้องค์จักรพรรดิกำลังปิดด่านฝึกตน และเมืองเทพขนนกของพวกเราก็ไร้ซึ่งผู้นำ พวกเราจะทำอย่างไรดีเล่า!?”
“อย่าได้กังวลไป แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่อยู่ แต่ภายในเมืองเทพขนนกแห่งนี้ยังมีมังกรทั้งเก้าและหนึ่งหงส์ซึ่งเป็นสายเลือดขัตติยะอยู่ ทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่มีพรสวรรค์เฉพาะตนเอง หากเป็นพวกเขา แน่นอนว่าย่อมสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับคืนมาได้!”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น!”
“…”
ณ ด้านหน้าของวิหารทองคำ
ขณะที่ขุนนางกลุ่มหนึ่งกำลังยืนพูดคุยกัน สายตาของพวกเขาก็พบเห็นคนสำคัญเข้า จึงได้รีบลดเสียงลงมาเป็นกระซิบกระซาบแทน
“ดูนั่น องค์ชายเสด็จแล้ว!”
ในเวลานี้เองพลันมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้น องค์ชายทั้งเก้าปรากฏจากระยะไกล ซ้ำแล้วทุกร่างที่ปรากฏตัวนั้นล้วนแต่สง่างามและทรงพลังยิ่ง
เป็นองค์ชายทั้งเก้าที่รู้จักในนามของจิ่วหลง
“เคารพองค์ชาย!”
ทันทีที่องค์ชายทั้งเก้ามาถึง ฝ่ายขุนนางและฝ่ายกองทัพทหารก็ทำความเคารพทันที
องค์ชายทั้งเก้าพยักหน้ารับ แต่แล้วองค์ชายใหญ่ ‘หลินเทียนเยวี่ยน’ ก็ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยปากขึ้นมาว่า “องค์หญิงอยู่ที่ใด? นางยังไม่มาอีกหรือ?”
“ข้ามาแล้ว”
น้ำเสียงของหลัวชิงเซียนพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน
หนิงฝานเองก็มาพร้อมกับนางด้วย
เดิมทีเขาไม่ต้องการมาร่วมหารือที่ราชสำนักเทพขนนกด้วย เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นเพียงราชบุตรเขยเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าเขาจะมาหรือไม่มา
แต่เมื่อนึกได้ว่าตนยังไม่เคยลงชื่อเข้าใช้ที่วิหารทองคำ หนิงฝานจึงยินยอมมาด้วย
“เคารพองค์หญิง!”
“เคารพ… ราชบุตรเขย!”
เมื่อทั้งสองมาถึง ผู้คนทั้งหมดรีบทำความเคารพอีกครั้ง ก่อนจะมองหนิงฝานพร้อมส่ายศีรษะและถอนหายใจ
ราชบุตรเขยผู้นี้เข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย หากไม่ใช่เพราะคำสาปอมตะ เขาคงสามารถช่วยเหลือหลัวชิงเซียนสยบความวุ่นวายภายในราชวงศ์เทพได้อย่างแน่นอน
น่าสงสารยิ่งนัก!
น่าเสียดายยิ่ง!
“เหอะ! การประชุมภายในวิหารทองคำนี้เป็นการหารือของเหล่าทายาทราชวงศ์ และเหล่าอาวุโสระดับสูง รวมถึงกองทัพทหาร แล้วชาวบ้านทั่วไปมาทำอันใดกันที่นี่!”
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนในหมู่องค์ชายทั้งเก้าก็กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา คนที่เอ่ยปากนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ และดูจะมีนิสัยหยาบกระด้างไม่น้อย
“หืม?”
หนิงฝานขมวดคิ้วมุ่น
ดวงตาคู่สวยของหลัวชิงเซียนเหลือบมองเขา ก่อนจะกล่าวถามอย่างเย็นชา “หลินหลงเซี่ยง เจ้าหมายถึงผู้ใด!?”
องค์ชายซึ่งมีนามว่าหลินหลงเซี่ยง กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน “ก็ไม่มีอะไร วิหารทองคำเป็นสถานที่ซึ่งมากด้วยเกียรติและความสง่างามของราชวงศ์เทพขนนก พวกรากหญ้าจะเข้าไปด้านในได้อย่างไร!”
“อืม! พี่ชายหลงเซี่ยงกล่าวถูกต้องแล้ว!”
“วิหารทองคำมิใช่สถานที่ที่ผู้ใดจะเหยียบย่ำก็ได้ ไสหัวไปเสีย!”
“ข้าได้ยินมาว่าคนผู้นี้เป็นเพียงศิษย์ช่างซ่อมบำรุงภายในดินแดนรกร้างทางเหนือ ด้วยสถานะต่ำต้อยนี้ เขาจะเข้าสู่วิหารทองคำได้อย่างไรกัน!”
“…”
หลังจากหลินหลงเซี่ยงกล่าว องค์ชายบางคนก็เริ่มไหลตามน้ำ ตำหนิติเตียนหนิงฝานด้วย
“ฮ่า ๆ ที่แท้ก็พวกขี้แพ้ชวนตีนี่เอง!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวทั้งหลายแหล่ หนิงฝานก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน
เขารู้ดีว่าเหตุผลที่คนส่วนใหญ่มักจะเหยียดหยามเขานั้น เป็นเพราะเขาสามารถสยบหลัวชิงเซียนได้
ท้ายที่สุด ความต้องการของหลินไท่ซูก่อนที่จะสละราชบัลลังก์ก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว ทายาททุกคนของราชวงศ์เทพขนนกล้วนแต่มีโอกาสที่จะขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป และแน่นอนว่านั่นรวมถึงหลัวชิงเซียนด้วย!
กอปรกับหนิงฝานที่อยู่ในฐานะสามีของหลัวชิงเซียน แม้เขาจะประสบกับคำสาปอมตะ แต่เขายังคงเป็นปราชญ์ยุทธ์อยู่ และนี่ถือเป็นภัยอันยิ่งใหญ่สำหรับคนพวกนี้ มันจึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะพยายามเอ่ยถากถางในทันทีที่เขาปรากฏตัว
แน่นอนว่าหลัวชิงเซียนก็รู้ถึงเหตุผลนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของนางจึงเต็มไปด้วยความโมโหโกรธา “ตอนนี้หนิงฝานคือสามีของข้า เขาเป็นราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่มีสิทธิ์เข้าสู่วิหารทองคำ!”
“ฮ่า ๆ มันเป็นเพียงคนป่าที่เจ้าได้พบโดยบังเอิญ แต่กลับตกกระไดพลอยโจนได้เป็นราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพก็เท่านั้น”
“เจ้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวชิงเซียนพลันบันดาลโทสะทันที
ตู้ม!
ไม่ต้องรอให้นางลงมือ หนิงฝานก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวกดทับร่างขององค์ชายผู้หยาบคายแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หนิงปลดปล่อยออกมา สีหน้าของหลินหลงเซี่ยงกับคนอื่น ๆ ถึงกับบิดเบี้ยวจนอัปลักษณ์
แต่ถึงกระนั้น หลินหลงเซี่ยงก็ยังคงกัดฟันพร้อมตำหนิเสียงดัง “สามหาวนัก! อยู่ต่อหน้าวิหารทองคำ เจ้ายังกล้าอวดดี!”
“ไยต้องไม่กล้าเล่า?” หนิงฝานเผยรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาคมปลาบราวกับใบมีด เขาพร้อมจะเคลื่อนไหวแล้ว
“สหายหนิง ได้โปรดหยุดมือเถิด”
พลันปรากฏร่างของคนทั้งสามขึ้นบนลาน นั่นคือขันทีเว่ย เว่ยเสวียน และอวี้เฉิง
ทันทีที่ทั้งสามมาถึง พวกเขาก็มองหลินหลงเซี่ยงและองค์ชายคนอื่น ๆ ด้วยแววตาผิดหวังอย่างชัดเจน
เวลานี้ราชวงศ์เทพขนนกกำลังเผชิญกับปัญหาทั้งภายในและภายนอก ศัตรูทั้งหมดดาหน้ามาหาถึงที่แล้ว ไฉนองค์ชายเหล่านี้จึงเอาแต่คิดที่จะกำจัดหนิงฝานและหลัวชิงเซียนอยู่อีก!
ช่างอ่อนแอ!
โง่เขลายิ่งนัก!
ทั้งสามลอบถอนหายใจ แต่เป็นเพราะเห็นแก่ใบหน้าขององค์ชาย จึงไม่อาจตำหนิพวกเขาโดยตรงได้
ขันทีเว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนิงฝานคือสามีขององค์หญิง และเขาได้รับการยอมรับจากองค์จักรพรรดิเทพขนนกแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงว่าราชบุตรเขยหนิงจะมีส่วนร่วมได้หรือไม่ เป็นเขาที่ช่วยเหลือองค์จักรพรรดิภายในงานเลี้ยง ดังนั้นไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาย่อมมีสิทธิ์เข้าสู่วิหารทองคำเพื่อหารือร่วมกับพวกเราได้!”
“ขันทีเว่ย เจ้า…”
หลินหลงเซี่ยงหน้าถอดสีทันที เขากำลังจะกล่าวบางอย่างแต่พลันเหลือบไปเห็นสายตาของขันทีเว่ยที่กำลังส่งสายตาเตือนมา และอีกฝ่ายก็กล่าวแทรกขึ้นก่อนว่า “องค์ชายหลงเซี่ยงคิดมีปัญหากับคำสั่งองค์จักรพรรดิงั้นหรือ?”
“ย่อมไม่!” ร่างกายของหลินหลงเซี่ยงสั่นสะท้าน แล้วเขาก็ปฏิเสธทันที
“เอาเถิด ถึงเวลาแล้ว เชิญทุกท่านเข้าสู่โถงด้านในเพื่อหารือร่วมกัน!”
ขันทีเว่ยกล่าวอีกครั้ง ทุกคนจึงพากันเดินเข้าไปด้านในเพื่อเริ่มหารือ
ก่อนที่หลินหลงเซี่ยงจะเข้าสู่วิหาร ร่องรอยความขุ่นเคืองยังฉายชัดอยู่ในแววตาของเขา
สำหรับเรื่องนี้ หนิงฝานเพียงส่ายศีรษะและไม่คิดสนใจอีก
ส่วนคนอื่น ๆ นั้น หลินหลงเซี่ยงอาจจะเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์เทพขนนกที่มีอำนาจสูงส่ง แต่ในสายตาของเขาแล้ว นี่เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไร้ซึ่งแก่นสารและไม่คู่ควรพอให้สนใจ
เพียงแต่หนิงฝานรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย หากเหล่าบุคคลที่ถูกเรียกขานว่า ‘เก้ามังกร’ นั้นมีนิสัยเช่นเดียวกับหลินหลงเซี่ยงทั้งหมด นี่ดูเหมือนว่าราชวงศ์เทพขนนกคงจะถึงจุดจบอย่างแท้จริงแล้ว
“หนิงฝาน เราเข้าไปด้านในเถิด” หลัวชิงเซียนคว้าแขนของหนิงฝาน ก่อนจะจับมือเขาเดินเข้าไปในวิหารทองคำ