ตอนที่ 59 อำนาจแห่งพระราชลัญจกร! (รีไรท์)
หึ ๆ!
ที่ระดับความสูงสามพันจั้ง ปราณกระบี่มหาศาลทะลักออกราวกับเขื่อนแตก ก่อนจะปกคลุมไปทั้งตัวนักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิต ซึ่งกำลังร่างกายสั่นสะท้าน คิ้วขมวดแน่น และเส้นผมตั้งลุกซู่
“เจ้า!”
ในเวลานี้เอง นักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตพลันตระหนักได้ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นไม่ถูกต้อง และมันคงต้องตายตกภายในวันนี้เป็นแน่ เพียงแค่หนิงฝานนึกคิด ปราณกระบี่ทั้งหมดก็สามารถพุ่งแทงทะลุร่างกายของมันไม่เหลือแม้กระดูกไว้ให้ดูต่างหน้า!
อย่างไรแล้วในฐานะนักฆ่า โดยเฉพาะนักฆ่าที่ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เขาสังหารผู้คนไปแล้วมากมาย แน่นอนว่าย่อมมีการเตรียมใจสำหรับความตายอยู่เสมอ
เวลานี้จึงเผยใบหน้าที่เกรี้ยวกราดออกมาเท่านั้น “ผลลัพธ์ของเราทั้งสองชัดเจนแล้ว ลงมือเสีย ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”
หลังกล่าวจบ เขาก็หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
“ฆ่าเจ้า? ฮ่า ๆ ไม่หรอก ข้ามีวิธีที่ดีกว่านั้น!”
หนิงฝานส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของนักฆ่าจากหอคอยเมฆาโลหิตยิ่งหดหู่ อีกฝ่ายไม่ต้องการสังหารเขา หรือว่าต้องการจะทรมานเขากันแน่?
ดังที่ทราบ หนิงฝานไม่ต้องการสังหารเขาและไม่ได้ต้องการทรมานเขา เพราะเขาไม่ได้นิสัยชมชอบการกระทำเช่นนั้น
ทว่าเขาเพียงต้องการทดลองของเล่นที่เพิ่งได้รับมา!
พรึ่บ!
พระราชลัญจกรปรากฏขึ้นในความคิด มันควบแน่นในร่างกายหนิงฝานก่อนจะปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
พระราชลัญจกรมีเพียงหนึ่งเดียว และมันมีพลังที่สามารถควบคุมผู้คนได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับขอบเขตวิทยายุทธ์ของผู้ใช้ด้วย
ไป!
หลังจากนั้นเพียงชายหนุ่มสะบัดนิ้ว พระราชลัญจกรก็กลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานเข้าหาร่างของนักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตทันที
“มันคืออะไร?!”
เมื่อเห็นลำแสงหนึ่งทะยานเข้าสู่ร่างกาย นักฆ่าก็เผยสีหน้าเป็นกังวลทันที จิตใต้สำนึกบอกกล่าวว่า ต่อจากนี้เขาอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จบ
แต่ว่า…
กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดต่อจากนั้น
ขณะที่นักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตกำลังสับสน หนิงฝานพลันรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา ก่อนจะกระตุ้นพระราชลัญจกรในทันที
หึ!
ชั่วพริบตา ร่างของนักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตแข็งค้าง ภายใต้พลังที่ควบคุมของพระราชลัญจกร ร่างกายของทั้งสองกลายเป็นเชื่อมโยงกันโดยสมบูรณ์
ในเวลานี้ เขาพลันรู้สึกว่าหนิงฝานตรงหน้าช่างเป็นบุรุษที่สง่างามและสูงส่งเกินเอื้อมจนเขามิอาจดูหมิ่นอีกฝ่ายได้ แล้วความโกรธกับจิตสังหารที่เคยแผ่ขยายก่อนหน้าก็จางลงจนสูญสลายไป
หนิงฝานควบคุมร่างกายนี้ได้โดยสมบูรณ์!
ไม่ว่าจะจิตสำนึก อิสรภาพ ชีวิต และความตาย ทุกสิ่งล้วนแต่อยู่ในเงื้อมมือของหนิงฝาน!
“ตอนนี้เจ้าอยากสังหารข้าอยู่หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าพระราชลัญจกรแสดงอำนาจแล้ว หนิงฝานจึงปัดเป่าปราณกระบี่ที่ล้อมรอบออกไป
“มิกล้า!”
ภายใต้อำนาจแห่งพระราชลัญจกร ความคิดของนักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตแปรเปลี่ยนไปในทันที เขาคุกเข่าลงกลางอากาศ ก่อนจะเปิดเผยความสัตย์ซื่อและความรู้สึกหวาดกลัวออกมาในเวลาเดียวกัน
“พระราชลัญจกรนี่นับว่ามีประโยชน์แล้ว แต่มันน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้นะ!”
หนิงฝานไตร่ตรองก่อนจะพยักหน้าพึงพอใจ จากนั้นจึงกระตุ้นพระราชลัญจกรอีกครั้ง
พรึ่บ!
บังเกิดเสียงประหลาดดังขึ้นในจิตสำนึก จากนั้นร่างของนักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตก็ตัวแข็งทื่อทันที ก่อนที่เขาจะพูดออกมา โดยคำที่กล่าวนั้นมาจากความคิดของหนิงฝาน “โอ้! ผ่านพระราชลัญจกรนี้ จิตสำนึกข้าสามารถย้ายมาสู่ร่างกายนี้ได้ด้วย ความรู้สึกนี้นับว่าไม่แตกต่างจากครั้งที่ข้ามกาลเวลามาคราวนั้นเลยสักนิด”
ฮ่า ๆ!
และทันทีที่ชายหนุ่มเคลื่อนย้ายจิต ปราณกระบี่ก็แทงทะลุร่างกายของนักฆ่าผู้นี้ไปอย่างง่ายดาย ราวกับมันคือร่างของหนิงฝาน
“ร่างนี้สามารถแสดงความแข็งแกร่งของร่างกายข้าได้ด้วย นี่มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างจำแลงเสียอีก!”
หนิงฝานในตอนนี้มีความสุขมาก
ร่างจำแลงสามารถเปิดเผยความแข็งแกร่งของร่างกายได้เพียงเจ็ดในสิบ แต่ร่างกายที่ถูกควบคุมโดยพระราชลัญจกรนี้สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งได้เต็มที่ โดยไม่ส่งผลข้างเคียงใดต่อร่างหลัก
“ฮ่า ๆ! วิเศษแล้ว!”
หนิงฝานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเล่นต่ออีกนิดหน่อยแล้วจึงกลับคืนร่างหลัก
เมื่อจิตสำนึกของนักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตกลับคืนสู่ร่างกาย เขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าหนิงฝาน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ท่าน… นายท่าน!”
“นายท่าน?”
หนิงฝานตกตะลึงกับผลลัพธ์ของพระราชลัญจกร แต่อย่างไรแล้ว ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพระราชลัญจกรก็เปรียบดั่งขุนนางของฮ่องเต้ ทว่าในฐานะคนเดินดินเช่นเขา การถูกเรียกขานว่านายท่านทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย
แต่หนิงฝานไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงกล่าวถามอีกฝ่ายว่า “เจ้ามีนามว่าอะไร มาจากที่ใด และผู้ใดส่งเจ้ามา?”
“รายงานนายท่าน ข้านามว่า นักฆ่าหมายเลขสิบสาม เป็นนักฆ่าจากกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก หอคอยเมฆาโลหิต การแทรกซึมเข้าสู่ตำหนักเทพขนนกมิใช่รับคำสั่งจากผู้ใด แต่ข้าต้องการรางวัลจากภารกิจบนกระดานมืดที่ออกหมายจับให้ลอบสังหารผู้คนในราชวงศ์เทพขนนกเท่านั้น!”
“ในภารกิจคราวนี้ นอกจากข้าแล้วยังมีค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัว เซวี่ยเซียวจื่อ และกระบี่ภูตผีชางหมิง ขณะที่แผนของพวกเราคือให้ทั้งสามคนล่อขันทีเว่ย และปราชญ์ยุทธ์คนอื่น ๆ ออกจากวิหารทองคำ แล้วจากนั้นข้าจึงค่อยปรากฏตัวสังหารคนของราชวงศ์เทพขนนก หลังเสร็จสิ้นแล้วเราสี่คนจึงจะแบ่งรางวัลอย่างเท่าเทียม แต่ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอกับปรมาจารย์…”
นักฆ่าแห่งหอคอยเมฆาโลหิตอ้างตัวว่าเป็นนักฆ่าหมายเลขสิบสามบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างง่ายดาย
“อืม เข้าใจแล้ว!”
หนิงฝานพยักหน้า ก่อนจะกล่าวถามอีกครั้งว่า “แล้วเจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนมอบรางวัลนี้?”
นักฆ่าหมายเลขสิบสามส่ายศีรษะ “กระดานมืดนั้นไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผู้ว่าจ้าง แต่หากนายท่านต้องการทราบ ข้าสามารถตรวจสอบได้!”
“อืม หลังจากเรากลับไปก็ค่อยค้นหาผู้ที่ตั้งค่าหัว!”
“แต่ว่าพวกเจ้ามาที่นี่สี่คน เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะได้กลับไปแต่เพียงผู้เดียว!”
แววตาเย็นชาของหนิงฝานจับจ้องอีกฝ่าย เขาสั่งให้นักฆ่าหมายเลขสิบสามไปพบอีกสามคนในสถานที่นัดหมาย
…
ณ ด้านนอกเมืองเทพ ซึ่งห่างออกไปกว่าหนึ่งร้อยลี้ และอยู่บนภูเขาในพงไพรมืดทึบ
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ลำแสงสามเส้นพุ่งทะยานลงมา นั่นคือค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัว เซวี่ยเซียวจื่อ และกระบี่ภูตผีชางหมิงที่กำลังหลบหนีเข้าป่า
“ขันทีเว่ยกับคนอื่น ๆ ไม่ได้ติดตามมาใช่หรือไม่?”
“ไม่ต้องกังวล แม้เราสามคนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ในเรื่องความสามารถการหลบหนี พวกเขาไม่อาจทำเช่นพวกเราได้ และปราชญ์ยุทธ์อีกสองก็เช่นกัน!”
“เคี้ยก เคี้ยก เคี้ยก! ข้าไม่คิดเลยว่าวันหนึ่ง ค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัวผู้นี้จะลอบเข้าสู่ตำหนักเทพขนนกแล้วสร้างปัญหาใหญ่โตได้!”
“หึ อย่าได้ชะล่าใจไป! ราชวงศ์เทพขนนกในเวลานี้ แม้เป็นอูฐผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ถึงไม่มีหลินไท่ซูคอยจัดการ แต่เราก็ไม่อาจประมาทปราชญ์ยุทธ์คนอื่น ๆ ภายในพระราชวังได้!”
“…”
ระหว่างทั้งสามกำลังพูดคุย
ค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัวก็มองไปรอบ ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “นักฆ่าหมายเลขสิบสามยังไม่มาอีกงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาทำลายตำหนักราชวงศ์เทพสิ้นแล้ว!”
“ข้าว่ามิใช่ ด้วยฐานะนักฆ่าแล้ว หมายเลขสิบสามย่อมควบคุมอารมณ์ได้” เซวี่ยเซี่ยวจื่อกล่าวคำ
กระบี่ภูตผีชางหมิงยังกล่าวเสริมว่า “ใช่ แต่ข้าไม่รู้ว่านักฆ่าหมายเลขสิบสามสังหารคนภายในวิหารทองคำไปเท่าใด ทว่าอย่างน้อยเราน่าจะเก็บเกี่ยวหินวิญญาณได้นับล้าน!”
“ฮ่า ๆ! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นผู้ใดเสนอรางวัลบนกระดานมืดพวกนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการทำลายราชวงศ์เทพขนนก!”
“ไม่เห็นต้องสนใจไป เราเพียงแค่ลงมือแล้วก็รับรางวัล!”
“…”
ขณะทั้งสามพูดคุยกัน ในเวลานั้นเอง พลันมีเสียงดังขึ้นจากระยะไกล
เป็นนักฆ่าหมายเลขสิบสามในชุดสีดำ ใบหน้าของเขาเปื้อนเลือดและกำลังเดินตรงเข้ามา
“กลับมาแล้วหรือ!?”
“เป็นอย่างไรบ้าง!?”
“เหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก? มิใช่ว่าสังหารองค์ชายกับพวกขุนนางทั้งหมดของราชวงศ์เทพแล้วหรอกนะ!”
“…”
เมื่อเห็นนักฆ่าหมายเลขสิบสามกลับมาแล้ว ค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัว เซวี่ยเซียวจื่อ และกระบี่ภูตผีชางหมิงก็รีบกล่าวถามทันที
ทว่าเวลานี้ แววตาของนักฆ่าหมายเลขสิบสามกลับวูบไหวเย็นชา ก่อนจะลงมือสับฟันกระบี่ออกไปยังร่างทั้งสามตรงหน้าอย่างไร้ความปรานี
……………………………….……………………………….……………………………….……………………………….……
สารจากทีมงาน
เพื่อความเหมาะสมและป้องกันไม่ให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ต่อจากนี้ไปจะขอเปลี่ยนจากที่พระเอกเคยใช้ ‘ดาบ’ ไปเป็น ‘กระบี่’ แทนทั้งหมด ทางทีมงานต้องขอออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ