ตอนที่ 68 เป็นเจ้างั้นหรือ!?
จักรพรรดิทั้งเจ็ดที่มีเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเป็นผู้นำ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพระราชลัญจกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็คุกเข่าลงต่อหน้าหนิงฝาน
“อย่าเรียกข้าว่านายท่าน…”
หนิงฝานยังไม่คุ้นเคยกับคำเรียกขานเช่นนี้ เขาเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวต่อ “เรียกข้าว่าจวินซ่าง!”
“ทราบแล้ว จวินซ่าง!”
จักรพรรดิทั้งเจ็ดตอบรับทันที
หนิงฝานพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ “กลับไปขอโทษราชวงศ์เทพขนนกเสีย หากพวกเขายกโทษให้เจ้าก็ถือว่าจบสิ้น แต่หากไม่… พวกเจ้าย่อมรู้ผลที่ตามมา!”
“ทราบแล้ว!”
จักรพรรดิทั้งเจ็ดพยักหน้า ทว่าภายในใจกลับรู้สึกขมขื่นยิ่ง
พวกเขาคิดไปว่าเจ็ดมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้รับผลประโยชน์มากมายจากราชวงศ์เทพขนนกในการเดินทางคราวนี้ แต่สิ่งที่ต้องเผชิญหน้าตอนนี้กลับเหนือความคาดหมายยิ่ง ไม่เพียงแต่จะสูญเสียทุกสิ่ง ทว่ากลับยังถูกย่ำยีศักดิ์ศรีด้วย
หนิงฝานพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับเตรียมจากไป แต่ก่อนไปเขากล่าวเน้นย้ำว่า “จำไว้ อย่าได้บอกกล่าวตัวตนที่แท้จริงของข้าให้ผู้ใดทราบ และอีกอย่างข้าไม่อยากเห็นหน้าเหยาเม่ยเอ๋อร์ผู้งี่เง่าคนนั้นอีกต่อไป!”
“ทราบแล้ว!”
จักรพรรดิทั้งเจ็ดตอบรับพร้อมก้มศีรษะ
หลังจากหนิงฝานหายตัวไป ทั้งหมดก็มองหน้ากันก่อนจะกลับสู่เมืองเทพขนนกด้วยใบหน้าขมขื่น
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงพระราชวังเทพขนนก
“พวกท่าน… คิดทำสิ่งใดอีก!”
“จักรพรรดิทั้งเจ็ด พวกท่านอย่าได้คืนคำ!”
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดที่จากไปกลับมาอีกครั้ง ปราชญ์ยุทธ์ทั้งหกแห่งราชวงศ์เทพขนนกถึงกับขมวดคิ้วแน่น พวกเขาคิดว่าคนทั้งเจ็ดคงอยากจะได้ผลประโยชน์จากราชวงศ์เทพขนนกอีกครั้ง
“ไม่แล้ว ไม่ใช่… พวกท่านกำลังเข้าใจผิดไป!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูรีบโบกมือ และอีกหกคนที่ติดตามมาก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
“พวกเราทั้งหมดรู้สึกละอายใจยิ่ง จึงได้กลับมาคืนค่าชดเชยทั้งหมด”
“เวลานี้เราเข้าใจแล้วว่าเหยาเม่ยเอ๋อร์ผู้นั้นกล่าวผิดให้เป็นถูก”
“เราทั้งหมดไม่ควรสร้างเรื่องแก่ราชวงศ์เทพขนนก และเรามาที่นี่เพื่อแก้ไขมัน หวังว่าทางราชวงศ์เทพขนนกจะยกโทษให้กับสิ่งที่พวกเรากระทำลงไป!”
“…”
จักรพรรดิทั้งเจ็ดกล่าวพร้อมกัน และท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนจากเย่อหยิ่งกลายเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่ง
พวกเขาไม่เพียงแต่คืนสิ่งของทั้งหมดที่ได้รับจากราชวงศ์ แต่ยังเสนอสมบัติวิญญาณจำนวนมากให้กับราชวงศ์เทพขนนกด้วย
“เรื่องนี้…”
เมื่อเห็นปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดมีท่าทีพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนกถึงกับตกตะลึง
พวกเขาทั้งหมดสบตากันอย่างไม่เข้าใจ
ในแววตาทุกคู่มีแต่เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้น
“ฮึ่ม! จักรพรรดิทั้งเจ็ด พวกท่านคิดเล่นลิ้นสิ่งใดอีก!”
ในเวลานี้ ปราชญ์ยุทธ์ทั้งหกแห่งราชวงศ์ต่างกล่าวออกมา เพราะรู้สึกว่ามันคงจะเป็นกับดัก ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดไหนเลยจะมีจิตใจงดงามเพียงนี้ บางทีมันอาจจะเป็นแผนการใหญ่ที่อีกฝ่ายซุกซ่อนไว้
เมื่อเห็นเช่นนี้ จักรพรรดิทั้งเจ็ดก็พยายามยิ้มกว้างอย่างจริงใจ พวกเขามาที่นี่เพื่อแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างจริง ๆ!
แต่ถึงกระนั้นองครักษ์ของราชวงศ์ยังคงไม่ลดการป้องกันแต่อย่างใด เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอ่ยนาม “จวินซ่าง!”
“จวินซ่าง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สมาชิกจากราชวงศ์รวมถึงขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ ถึงกับตกตะลึง
แน่นอนว่าพวกเขารู้จักชื่อนี้ดี หนึ่งปีก่อน ค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัว เซวี่ยเซียวจื่อ และกระบี่ภูตผีชางหมิงบุกเข้ามาที่พระราชวังเทพขนนกเพื่อสร้างความวุ่นวายในวิหารทองคำ และชายผู้แข็งแกร่งนามจวินซ่างผู้นั้นก็เป็นผู้ยุติทุกสิ่ง
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคราวนี้จวินซ่างปราบปรามจักรพรรดิทั้งเจ็ดนี้อีกครั้ง?
โอ้ สวรรค์!
นี่คือจักรพรรดิทั้งเจ็ด พวกเขาแข็งแกร่งกว่าค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัว เซวี่ยเซียวจื่อ และกระบี่ภูตผีชางหมิง อีกทั้งยังมีถึงเจ็ดคน แม้แต่ปราชญ์ยุทธ์ทั้งหกแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ยังต้องก้มศีรษะให้ ทว่าเวลานี้ทั้งเจ็ดกลับยอมจำนนต่อจวินซ่าง?
เรื่องนี้…
ดูเหมือนว่าบุรุษนามจวินซ่างจะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียแล้ว!
“พวกท่านคงได้พบจวินซ่างแล้ว… เขาคือใครงั้นหรือ?”
ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ รีบถามทันที
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูยังจดจำถ้อยคำเน้นย้ำจากหนิงฝานได้ดี เขาจึงไม่ได้ตอบกลับไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ จึงเข้าใจว่าพวกเขาไม่อาจเอ่ยปากกล่าวออกมาได้
“อาวุโสทั้งสาม มีปราชญ์ยุทธ์หลับใหลอยู่ภายในพระราชวังเทพขนนกของพวกเราหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูและคนอื่น ๆ ไม่ตอบ ขันทีเว่ยจึงหันมากล่าวถามกับอาวุโสทั้งสามแทน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่รู้จักบุรุษนามว่าจวินซ่างนี้เช่นกัน
และเมื่อไม่สามารถสืบทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของจวินซ่างได้ ทุกคนจึงยอมแพ้ไป
แต่จากพฤติกรรมของเขาแล้ว ดูเหมือนจวินซ่างจะไม่ใช่ศัตรูของราชวงศ์เทพขนนก อันที่จริง เขากลับเป็นผู้ช่วยเหลือเสียมากกว่า
หลังจากนั้น จักรพรรดิทั้งเจ็ดก็กล่าวขอโทษราชวงศ์เทพขนนกอย่างจริงใจ ก่อนจะได้รับการให้อภัยในที่สุด
“ทุกท่าน ความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นเพราะเหยาเม่ยเอ๋อร์ น้องสาวของข้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายในราชวงศ์เทพขนนกอีกครา ข้าจักขอนำตัวนางกลับสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะได้ลงโทษนางอย่างถูกต้อง!”
เวลานี้เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูร้องขอ และขันทีเว่ยเองก็ไม่คัดค้านเรื่องนี้
พวกเขาไม่พอใจเหยาเม่ยเอ๋อร์มานานแล้ว หากนางไม่กล่าวผิดเป็นถูก จะเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ได้อย่างไร? แต่ด้วยสถานะของพระสนมผู้สูงศักดิ์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลงโทษนางได้
เวลานี้ให้พี่ชายใหญ่ของนางพาตัวนางกลับไปน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“อ๊ะ ไม่นะ! ข้าคือกุ้ยเฟยขององค์จักรพรรดิเทพขนนก ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น…!”
“ขันทีเว่ย แม่ทัพเว่ย ช่วยด้วย! ข้าไม่ไปกับพวกเขา…”
“ข้ากำลังจะตาย ข้าต้องตายแน่ ๆ ข้าต้องตาย…”
เหยาเม่ยเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูจะกลับมาพาตัวนางไปด้วย ด้วยเหุตนี้ นางจึงกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม
ทว่าขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ กลับเพิกเฉย
ประการแรก พวกเขาไม่เห็นอกเห็นใจนังหน้าโง่ผู้นี้อีกแล้ว!
ประการที่สอง พวกเขาไม่เข้าใจว่าการถูกพี่ชายพากลับบ้านมันน่าหวาดกลัวอย่างไร?
สุดท้ายแล้ว จักรพรรดิทั้งเจ็ดก็พาเหยาเม่ยเอ๋อร์ออกไปอย่างง่ายดาย
และการจากไปของจักรพรรดิทั้งเจ็ดก็ทำให้เรื่องวุ่นวายที่ก่อโดยเหยาเม่ยเอ๋อร์จบสิ้นลงเช่นกัน
ในเวลานี้ นามของจวินซ่างถูกกล่าวขานโดยผู้คนมากมาย
โดยเฉพาะภายในพระราชวังเทพขนนก นามของจวินซ่างได้แพร่กระจายไปทั่วแล้วจริง ๆ
อีกทั้งทุกคนล้วนแต่พยายามคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของจวินซ่างไม่หยุด!
…
ภายในตำหนักองค์หญิง
หนิงฝานกลับมาแล้ว ทว่าเวลานี้หลัวชิงเซียนก็กลับมาจากด้านนอกเช่นกัน ใบหน้างดงามเผยความตื่นเต้นยินดี
“สามี ข้ามีข่าวมาบอกกล่าว เจ้าต้องแปลกใจเป็นแน่!”
หลัวชิงเซียนเดินตรงเข้าไปหาหนิงฝานพร้อมกับทำน้ำเสียงลึกลับให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้น
“โอ้? มีข่าวอะไรหรือ!”
หนิงฝานยิ้มรับคำภรรยา แต่ในใจเขาทราบแล้วว่าหลัวชิงเซียนจะกล่าวถึงเรื่องใด
หลัวชิงเซียนรีบกล่าวตอบทันที “ไม่รู้ว่าสามียังจดจำจวินซ่างได้หรือไม่? ชายผู้แข็งแกร่งที่สังหารค้างคาวสวรรค์เหล่าหมัวและพรรคพวกให้กับราชวงศ์เทพขนนกเมื่อปีที่แล้ว!”
“คราวนี้เขาเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาจัดการพวกจักรพรรดิเจ็ดคนนั้นได้อย่างไร แต่เวลานี้จักรพรรดิทั้งเจ็ดไม่เพียงคืนสมบัติทั้งหมด ทว่ายังมอบของเพื่อชดเชยให้กับราชวงศ์เทพขนนกด้วย ซ้ำยังประกาศอย่างหนักแน่นอีกว่า ในอนาคตอันใกล้เจ็ดมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะตั้งตารอคอยจักรพรรดิเทพขนนกองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์”
“งั้นหรือ?”
หนิงฝานคลี่ยิ้มพร้อมกับผงกหัวด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก ดูเหมือนว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดจะยังคงวางท่าทีได้เป็นอย่างดี
“ใช่แล้ว เวลานี้ทั่วทั้งตำหนักล้วนแต่คาดเดาว่าผู้ใดคือจวินซ่างที่พาให้เราทั้งหมดรอดพ้นจากหายนะครั้งแล้วครั้งเล่า!”
หลัวชิงเซียนกล่าวอย่างมีความสุข แล้วเวลานี้ดวงตาของนางก็จับจ้องมาที่หนิงฝาน
“สามี… เหตุใดท่านจึงไม่แปลกใจเลย… หรือว่าท่านคือจวินซ่าง!!!”
“หืม?”
‘นางรู้ได้อย่างไร!?’
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหนิงฝานก็เต้นระรัวทันที