ตอนที่ 85 ทหารม้าเหล็กของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือ
ด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ปราณกระบี่เปล่งประกาย สัตว์ร้ายกรีดร้อง ทหารม้าเหล็กจากอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือเคลื่อนทัพประหนึ่งกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก จิตสังหารปกคลุมไปท้องนภา!
ผู้นำของพวกมันคือชายร่างใหญ่กำยำ สะพายกระบี่ทมิฬไว้บนหลัง นั่งอยู่บนสัตว์ร้ายตัวใหญ่ รอบกายของเขาปลดปล่อยออร่าปราชญ์ยุทธ์สามสวรรค์ขั้นต้น
นามของเขาคือ หมานพั่วเทียน แม่ทัพผู้โด่งดังภายในอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือ!
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน อย่ากระทำตัวเช่นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง จงออกมาเผชิญหน้ากับพวกข้าเสีย!”
ตู้ม!
หมานพั่วเทียนเผยความเกรี้ยวกราด มือสับฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรง ปราณกระบี่พุ่งทะยานจนก่อให้เกิดเป็นระลอกคลื่นในความว่างเปล่า แต่สุดท้ายแล้วปราณกระบี่นั้นกลับถูกบางสิ่งปิดกั้นเอาไว้!
เวลานี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนถูกคุ้มครองโดยค่ายอาคมอมตะขนาดใหญ่ที่หนิงฝานเคยทิ้งไว้ให้
ค่ายอาคมขนาดใหญ่ปกคลุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้อย่างมั่นคง ภายในดินแดนคับคั่งไปด้วยผู้คนที่มาลี้ภัยมากมายนับไม่ถ้วน จึงเกิดความแออัดภายในดินแดนเล็กน้อย
ณ ลานหยกขาว ผู้อาวุโสทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนยืนเคียงข้างกัน โดยมีมหาอำนาจขอบเขตจักรพรรดิยุทธิ์ทั้งสิบเอ็ดคนยืนอยู่ด้านหน้า
ส่วนผู้นำของพวกเขาคือหลี่ฝูเฟิง เจ้านิกายคนปัจจุบันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
นอกจากหลี่ฝูเฟิงแล้ว ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์อีกสิบคน ในคนเหล่านี้คือ ลู่เสวียนจือ เจี้ยนชือ เฟิงหลิ่งเหยา ทั้งหมดคือผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดภายในหอคอยสวรรค์ทะนง
เดิมที ความสามารถของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์รวดเร็วเช่นนี้ แต่เมื่อคราวที่หนิงฝานและหลัวชิงเซียนจากไป พวกเขาได้รับเม็ดยาจากหลินชิงอวี่ อาศัยเม็ดยาจักรพรรดินี้ พวกเขาจึงบรรลุสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ถึงสิบเอ็ดคน แต่ความแข็งแกร่งนี้เพียงเหนือกว่าเก้าสำนักมหาอสูรเดิมเท่านั้น
และพอต้องเผชิญหน้ากับกองทัพทหารม้าเหล็กอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือภายนอก พวกเขาก็เผยสีหน้าหดหู่ออกมา
“เฮ้อ! เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่ดินแดนรกร้างทางเหนือรอดพ้นจากหายนะมาได้ แต่สิบปีถัดมา พวกเรากลับถูกอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือรุกรานอีกครั้ง!”
หลังจากเห็นคนเถื่อนตะเบ็งเสียงดังอยู่ด้านนอก หลี่ฝูเฟิงพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา สีหน้าหม่นหมองถึงที่สุด
“บัดซบ! หากเซียนกระบี่หนิงและจักรพรรดินียังอยู่ พวกอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือคงไม่กล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว หากเซียนกระบี่หนิงยังอยู่ เขาย่อมต้องขับไล่คนเถื่อนพวกนี้ออกไปโดยง่ายดายเป็นแน่!”
“เพ่ย! พวกเจ้าลืมเลือนไปแล้วหรือว่าเซียนกระบี่หนิงต้องคำสาปอมตะ นี่คือเหตุผลที่เขาออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไม่ใช่หรือไร?”
“ถูกต้องแล้ว! โชคดียิ่งนักที่เซียนกระบี่หนิงทิ้งค่ายอาคมอมตะเอาไว้ก่อนจะจากไป มิฉะนั้น มันคงถึงเวลาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจักต้องล่มสลายแล้ว!”
“แม้มีค่ายอาคมอมตะคอยปกป้อง แต่มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว!”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีเล่า? แม่ทัพของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือไม่ด้อยไปกว่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์เลย การออกไปเผชิญหน้ากับพวกมันไม่ได้ต่างอันใดจากการรนหาที่ตายเลย!”
“…”
ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหมดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนโต้เถียงกันไม่หยุด และใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เวลานี้หมานพั่วเทียนยังคงตะเบ็งเสียงกู่ก้องอย่างเย็นชาอยู่ภายนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หากพวกเจ้ายังมีศักดิ์ศรี จงเปิดค่ายกลนี้แล้วยอมจำนนซะ ข้าจะยอมไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่หากรอจนคำทำนายจักรพรรดิหมานมาถึง เวลานั้นข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากสังหารพวกเจ้าทั้งหมดเสีย! เพียงแค่ค่ายกลเล็กน้อยนี้ มันมิอาจขวางกั้นกองทัพทหารม้าเหล็กแห่งอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือได้!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
สิ้นเสียงคำรามของหมานพั่วเทียน กองทัพทหารม้าเหล็กก็โห่ร้องคำราม จิตสังหารรุนแรงปกคลุมไปทั่วฟ้าเผยพลังอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งออกมา
ทว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงเพิกเฉยต่อการยั่วยุของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนืออยู่ดี
คนเถื่อนแดนเหนือมีเพียงความโหดเหี้ยม เมื่อพวกเขายกทัพขนาดใหญ่มาเยือน แน่นอนว่าเป้าหมายคือสังหารให้สิ้นซาก และจะไม่มีผู้ใดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์รอดชีวิตไปได้ จึงเป็นไปมิได้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะโง่เขลาเปิดค่ายอาคมออก
ไม่นานหลังจากนั้น…
“คำทำนายจักรพรรดิหมานมาถึงแล้ว!”
เสียงตะโกนดังกึกก้อง ทูตจากอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือวิ่งปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ถือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือสองข้างและยกมันสูงเหนือศีรษะ เหนือคำภีร์ศักดิ์สิทธิ์ มีพลังยิ่งใหญ่ของปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สองเปล่งประกายออกมา!
“ฮ่า ๆ คำทำนายจักรพรรดิหมานมาถึงแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มาดูกันว่าข้าจะทำลายกระดองเต่าของพวกเจ้าอย่างไร!”
เมื่อได้รับสิ่งนี้ หมานพั่วเทียนก็เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“หืม? คำทำนายจักรพรรดิหมาน!”
“ไม่ดีแล้ว! พลังในคำทำนายจักรพรรดิหมานนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป!”
“ก่อนที่เซียนกระบี่หนิงจะจากไป เขาบอกว่าค่ายกลอมตะนี้สามารถหยุดยั้งผู้ฝึกตนเทียบเท่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ดูจากพลังของคำทำนายจักรพรรดิหมานนี้แล้ว ข้าคิดว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!”
“แย่แล้ว! ค่ายกลอมตะ… จะหยุดยั้งคำทำนายจักรพรรดิหมานได้หรือไม่?”
“…”
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ผู้คนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเศร้าโศกก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน ทั้งหมดเผยความหวาดกลัวออกมาแทนที่
ตอนนี้เอง หมานพั่วเทียนเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน พร้อมกับคำทำนายจักรพรรดิหมานในมือ
ดวงตาเย็นชาจ้องมองผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ก่อนจะหยิบยกคำทำนายจักรพรรดิหมานขึ้นเหนือศีรษะ
“คำทำนายจักรพรรดิหมาน — ทำลายค่ายอาคม!”
พรึ่บ!
ทันทีที่กล่าวจบ คำทำนายจักรพรรดิหมานในมือของหมานพั่วเทียนก็ลอยขึ้น จากนั้นลำแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวพลันปรากฏ พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าพรั่นพรึงค่อย ๆ พวยพุ่งออกมา ราวกับว่าปราชญ์ยุทธ์กำลังยืนอยู่ตรงนี้!
ชั่วอึดใจต่อมา ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของผู้คนนับไม่ถ้วน ลำแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงพลันระเบิดออกจากคำทำนายจักรพรรดิหมาน มันควบแน่นจนก่อเกิดพลังงานยิ่งใหญ่คล้ายจะสยบโลกใบนี้ จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาค่ายกลอมตะอย่างไร้ความปรานี
ตู้ม!
บังเกิดเสียงสั่นสะเทือนโลกาจนแสบแก้วหู ค่ายกลอมตะที่คล้ายจะอยู่ยงคงกระพันกลายเป็นเปิดเผยรอยร้าว รอยแตกแผ่ขยายออกไปราวกับใยแมงมุมไร้ที่สิ้นสุด เสียงคมปลาบดังขึ้นก่อนที่ค่ายกลอมตะจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วพลังที่เคยปกคลุมน่านฟ้าทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สูญสลายหายไปในทันที!
ค่ายกลอมตะ… แตกสลายแล้ว!
เมื่อเห็นภาพนี้ จิตใจของผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็แทบไม่เหลือชิ้นดี!
มันจบสิ้นแล้ว!
ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในแววตาของทุกคน
หากปราศจากค่ายกลอมตะแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนคงไม่พ้นถูกทหารม้าเหล็กของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือเหยียบย่ำจนดับสิ้น!
“ฮ่า ๆๆ! ค่ายกลถูกทำลายแล้ว ทหารม้าเหล็กแห่งอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือรับคำสั่ง! จงทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนให้สิ้น และห้ามเหลือรอดแม้แต่ผู้เดียว!”
หมานพั่วเทียนเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมออกคำสั่ง เมื่อสิ้นถ้อยวาจา เขาก็กระชับกระบี่ในมือแล้วพุ่งทะยานไปด้านหน้าทันที
“ฆ่า!”
ทหารม้าเหล็กคนเถื่อนแดนเหนือกว่าหนึ่งแสนโห่ร้องเสียงดังกึกก้องราวกับสัตว์ร้ายคำราม กองทัพม้าเหล็กเคลื่อนทัพออกไปดุจสายนทีที่เชี่ยวกราก และจิตสังหารที่รุนแรงก็ปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
พลังอันน่าสยดสยองเสียดแทงหัวใจของผู้คนนับไม่ถ้วน!
“ตั้งรับ!”
“เตรียมพร้อมสู้รบ!”
เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ซึ่งนำโดยหลี่ฝูเฟิงพลันตะโกนเสียงดัง ใบหน้าของทุกคนโศกเศร้าเมื่อต้องเห็นผู้คนล้มตายลงต่อหน้า!
พวกเขารู้ดีว่าลำพังฝีมือของตนมิอาจหยุดยั้งทหารม้าเหล็กคนเถื่อนแดนเหนือทั้งแสนนายได้
แต่สถานะของพวกเขาคือศิษย์และผู้อาวุโสสูงสุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน!
แม้ตายตกก็ไม่อาจถอยหนีได้!
เสียงคำรามยังคงดังกึกก้องไปทั่ว
ทหารม้าเหล็กคนเถื่อนแดนเหนือกว่าแสนนายพุ่งเข้าใส่ประตูภูเขาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในชั่วพริบตา!
ผู้คนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผยความหวาดหวั่นออกมา ซ้ำยังรู้สึกโศกเศร้าในวาระสุดท้ายของชีวิต
แต่ในทันใดนั้นเอง
ตู้ม!
จู่ ๆ ปราณกระบี่ทำลายล้างก็ปะทุขึ้นในพริบตา และภายใต้สายตาประหลาดใจของผู้คนนับไม่ถ้วน ในเวลานี้เอง ปราณกระบี่สุดแสนจะเปล่งประกายก็พุ่งทะยานลงมาจากฟากฟ้า แล้วสับฟันไปที่ด้านนอกของประตูภูเขาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ปราณกระบี่ที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนี้ หยุดยั้งการโจมตีของทหารม้าเหล็กคนเถื่อนแดนเหนือทั้งแสนนายไว้ในทันที!
พรึ่บ! พรึ่บ!
ร่างของชายหญิงคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในความว่างเปล่า
บุรุษผู้นั้นสวมใส่อาภรณ์เรียบง่าย เขามีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสูงโปร่ง
ส่วนสตรีสวมอาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์ รูปร่างเพรียวบาง เผยผิวพรรณกระจ่างใสราวหิมะ!