ตอนที่ 87 ปราบปรามจักรพรรดิหมาน บุคคลลึกลับ!
พรมแดนระหว่างดินแดนรกร้างทางเหนือและอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือนั้นตั้งอยู่บนที่ราบกว่าร้อยลี้ โดยในตอนนี้มีกองทัพทหารของคนเถื่อนแดนเหนือประจำการอยู่หลายล้านนาย
กระโจมทหารนับไม่ถ้วนทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ใจกลางกองทัพนั้นมีกระโจมใหญ่หรูหราตั้งอยู่ และนั่นก็คือกระโจมของจักรพรรดิหมาน ผู้นำของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือ!
“บัดซบ!”
ตอนนี้ภายในกระโจมศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิหมานเผยความโมโหโกรธาออกมา โดยมีเหล่าข้าราชบริพารคุกเข่าลงด้วยร่างกายสั่นสะท้าน
ดวงตาที่เปรียบกับระฆังทองแดงแห่งจักรพรรดิคนเถื่อนแดนเหนือเบิกกว้าง และเขาก็เอ่ยเสียงลั่น “มันเกิดอันใดขึ้น!!! ดินแดนรกร้างทางเหนือหาได้มีอะไรไม่ อีกทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนั้นอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ทหารนับแสนของข้าบุกทะลวงหลายต่อหลายวัน ทว่ากลับล้มเหลว! หึ ลืมมันไปเสีย ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดตายตกจนสิ้นแล้ว หากพวกเจ้าไม่มีเหตุผลที่ดีให้ข้ารับฟัง พวกเจ้าก็สมควรถูกลงโทษด้วย!”
“องค์จักรพรรดิหมานโปรดใจเย็นลงก่อนเถิด”
“กองทหารม้าเหล็กแห่งอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือนั้นกล้าหาญยิ่ง ทั้งหมานพั่วเทียนยังเป็นผู้แข็งแกร่งครอบครองสามสวรรค์ขั้นต้นแห่งปราชญ์ยุทธ์ ความสามารถนี้เพียงพอที่จะจัดการกับดินแดนรกร้างทางเหนือได้แล้ว แต่เวลานี้การที่พวกเขาตายตกหมดสิ้น มีเพียงเหตุผลเดียวนั่นคือ… พวกเขาต้องได้พบกับปราชญ์ยุทธ์ผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเป็นแน่!”
“ถูกต้องแล้ว จะต้องมีปราชญ์ยุทธ์ผู้แข็งแกร่งคอยสนับสนุนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอยู่เป็นแน่!”
“…”
เหล่าขุนนางทั้งหมดของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือตอบกลับด้วยความกังวล
“ปราชญ์ยุทธ์? หรือจะเป็นพวกเฒ่าของราชวงศ์เทพ? ไม่สิ ดินแดนรกร้างทางเหนือคือพื้นที่ที่ไม่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในสามพันดินแดนของราชวงศ์เทพขนนก แล้วจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว จักรพรรดิหมานพลันตกอยู่ในภวังค์ความคิดทันที
ขณะที่ขุนนางรอบกายเขากล่าวขึ้นอีกครั้ง “องค์จักรพรรดิ จากข้อมูลที่เราได้รับมา มีปราชญ์ยุทธ์ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไปเมื่อสิบปีก่อน และเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ… เป็นไปได้หรือไม่ที่เรื่องทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับปราชญ์ยุทธ์ผู้นี้?”
“สิบปีก่อน?”
จักรพรรดิหมานขมวดคิ้วแน่น ก่อนจิตสังหารในแววตาจะรุนแรงขึ้น “หึ! ปราชญ์ยุทธ์เมื่อสิบปีก่อน มันย่อมไม่เก่งกาจไปกว่าสามสวรรค์ขั้นต้นแน่ ยามนี้หากมันกล้าหาญจะต่อกรกับอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือของเรา… ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่เฝ้ารอมันอยู่!”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็โบกมือพร้อมตะโกน “รับคำสั่งข้า! ในเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ จักรพรรดิผู้นี้จะนำทัพคนเถื่อนแดนเหนือนับล้านไปต่อสู้กับดินแดนรกร้างทางตอนเหนือด้วยตนเอง และข้าจักนำศีรษะของปราชญ์ยุทธ์ผู้นั้นกลับมาเพื่อสังเวยให้กับคนเถื่อนนับแสนที่ตายตกไป!”
“รับทราบ!”
กลุ่มข้าราชบริพารทั้งหมดของคนเถื่อนแดนเหนือรีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที แต่ก่อนที่พวกเขากำลังจะเคลื่อนไหว พลันมีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นภายในกระโจมศักดิ์สิทธิ์นี้
“ไม่ต้องทำเช่นนั้น เพราะข้ามาแล้ว!”
พรึ่บ!
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน
และแม้แต่จักรพรรดิหมานเองก็ยังตื่นตระหนกด้วย
พรึ่บ!
ชั่วอึดใจถัดมา ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้คนโดยรอบ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นภายในกระโจมศักดิ์สิทธิ์ บุคคลที่มาเยือนนี้สวมใส่ชุดสีขาวธรรมดา และบนใบหน้าหล่อเหลาก็มีรอยยิ้มเจือจางประดับอยู่
เป็นหนิงฝาน!
“มีผู้ลอบสังหาร!”
“เร็วเข้า!”
“คุ้มกันองค์จักรพรรดิ!”
“…”
เมื่อเห็นร่างผู้มาเยือน ภายในกระโจมศักดิ์สิทธิ์พลันตกอยู่ในความโกลาหลทันที แต่ไม่ว่าพวกเขาจะส่งเสียงดังเพียงใด ทหารคนเถื่อนแดนเหนือที่อยู่ภายนอกกลับไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เมื่อมีคนต้องการออกจากกระโจมศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็พบว่ามีปราการโปร่งใสปิดกั้นเอาไว้
“บังอาจบุกรุกกระโจมจักรพรรดิ มันผู้นี้คงเบื่อที่จะหายใจแล้ว!”
จักรพรรดิหมานคำรามลั่น ก่อนที่ดวงตาระฆังทองแดงจับจ้องหนิงฝานอย่างมุ่งร้าย
หนิงฝานหัวเราะเบา ๆ “กระไร? เจ้าไม่ใช่อยากได้ศีรษะของข้าเพื่อสังเวยให้กับทหารนับแสนที่ตายตกไปแล้วหรือ?”
“หืม?!”
“เจ้าคือปราชญ์ยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว จักรพรรดิหมานก็ขมวดคิ้วแน่นทันที
เขาไม่รอให้หนิงฝานตอบกลับ แต่จิตสังหารรุนแรงปะทุออกจากร่างกายทันที “เอาล่ะ เลือกเอาแล้วกันว่าเจ้าอยากจะไปสวรรค์หรือนรก!”
“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็มอบชีวิตของเจ้ามาให้ข้าซะ!”
ตู้ม!
ทันทีที่กล่าวจบ พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าพรั่นพรึงแห่งปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สองก็ปรากฏออกจากร่างของจักรพรรดิหมาน
“องค์จักรพรรดิหมาน!”
ท่าทีของเหล่าขุนนางทั้งหมดแห่งอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือพลันผ่อนคลายและตื่นเต้นที่ได้รับชมภาพเบื้องหน้า
ภายในอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือ จักรพรรดิหมานคือปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สอง!
ตราบใดที่จักรพรรดิหมานลงมือเอง ย่อมไม่มีศัตรูคนใดรอดพ้น!
ตู้ม!
พริบตาต่อมา จักรพรรดิหมานออกเคลื่อนไหว แล้วเขาก็ชักกระบี่ขึ้นมาสับฟันใส่หนิงฝานอย่างรวดเร็ว
ปราณกระบี่นี้นับว่ายอดเยี่ยมและทรงพลังยิ่ง
ด้วยคมศัสตรานี้ เขาคิดใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารหนิงฝานในกระบวนท่าเดียว
“อ่อนหัด!”
ทว่าหนิงฝานที่ได้เห็นดังนั้น เพียงส่ายศีรษะก่อนจะจับจ้องไปยังปราณกระบี่ตรงหน้าแล้วชี้นิ้ว
ตู้ม!
ทันทีที่เขาชี้นิ้วออกไป ปราณกระบี่ที่จักรพรรดิหมานปลดปล่อยออกมาถึงกับระเบิดออก และในเวลาเดียวกันก็มีปราณกระบี่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าปรากฏขึ้นแทนที่
เสียงคมปลาบโหมกระหน่ำ
เพียงชั่วพริบตา ภายใต้อำนาจของพลังศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนภายในกระโจมถูกบดขยี้จนต้องคุกเข่าลง… รวมถึงจักรพรรดิหมานขอบเขตปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สองด้วย!
“อ๊าก! เจ้า… เจ้าไม่ใช่ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแรก!!!”
จักรพรรดิหมานเผยสีหน้าหวาดกลัวและแสดงความขลาดเขลาออกมา ภายใต้อำนาจของกระบี่นี้ เขาไม่ต่างอะไรจากมดปลวกที่ต้องร้องขอความเมตตา
“ด้วยความแข็งแกร่งนี้ เจ้ายังกล้าที่จะบุกพระราชวังเทพขนนกหรือไม่?”
หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือคือจักรพรรดิหมานที่อยู่ตรงหน้า และอีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สองเท่านั้น หากเปรียบเทียบกับราชวงศ์เทพขนนกแล้ว เขาเป็นเพียงมดที่อวบอ้วนเล็กน้อยเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าการรุกรานราชวงศ์เทพขนนกเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน!
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็นึกถึงเรื่องร้อยอาณาจักรเล็กบุกรุกดินแดนราชวงศ์เทพขนนกพร้อมกัน เขาจึงถามเสียงเบาว่า “ผู้ใดอยู่เบื้องหลังของเจ้า?”
รูม่านตาของจักรพรรดิหมานหดลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยิน แล้วเขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ากำลังกล่าวสิ่งใด ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้เปรียบกับโคกระบือ จักรพรรดิองค์นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว เจ้าจะฆ่าหรือตัดชิ้นส่วนใดในร่างกายข้าก็ย่อมไม่ผิด!”
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิหมานมีบางสิ่งปิดบัง หนิงฝานก็ทำสีหน้าสนใจทันที
“ต่อให้เจ้าไม่บอก คิดว่าข้าจะคาดคั้นไม่ได้งั้นหรือ?”
หนิงฝานเย้ยหยัน เขาควบแน่นผนึกพระราชลัญจกรก่อนจะขว้างมันใส่ร่างกายของจักรพรรดิหมานโดยตรง
“เจ้าทำอันใด!?” จักรพรรดิหมานเผยความตื่นตระหนกแทบจะทันที
“ผ่อนคลายเถิด เดี๋ยวก็ทราบเอง!”
หนิงฝานยกยิ้ม ก่อนจะเริ่มควบคุมจักรพรรดิหมานตรงหน้า
ตู้ม!
ทันใดนั้น บังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
เมื่อพลังพระราชลัญจกรพยายามควบคุมร่างกายนี้ จู่ ๆ กลับมีโลหิตพวยพุ่งออกจากร่างกายของจักรพรรดิหมาน มันคือพันธะสัญญาเลือดที่กำลังต่อต้านพระราชลัญจกรอย่างเดือดพล่าน!
“พันธะสัญญาเลือด? อ้อ! มีคนบงการเจ้าอยู่เบื้องหลังนี่เอง”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หนิงฝานจึงเข้าใจ
พันธะสัญญาเลือดกับพระพระราชลัญจกรถือเป็นของประเภทเดียวกัน แต่พันธะสัญญาเลือดนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายของบุคคลนั้นได้เท่านั้น กลับกันพระราชลัญจกรสามารถควบคุมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นได้
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีพันธะสัญญาเลือด เขาจึงเริ่มค้นหาออร่าจิตสำนึกของเจ้าของพันธะนี้ทันที
หนิงฝานยกยิ้ม “ฮ่า ๆ น่าสนใจ ๆ ข้าอยากรู้จริงว่าผู้ใดคือนายของเจ้า!”
ตู้ม!
พระราชลัญจกรแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะบดขยี้พันธะสัญญาเลือดอันต่ำต้อยให้แหลกสลาย
หืม?
เมื่อพันธะสัญญาเลือดถูกทำลาย พลันมีเสียงเย็นชาดังขึ้นทันที “บัดซบ! ผู้ใดกล้าทำลายพันธะสัญญาเลือดของข้าผู้นี้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนิงฝานจึงถามกลับอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นผู้ใด เจ้าอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือในการบุกรุกรานแดนดินของราชวงศ์เทพขนนกหรือ?”
“บังอาจ! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร หากเจ้ากล้าทำลายสิ่งสำคัญของข้า ข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า!” เสียงเย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกรำคาญใจ
“ฮ่า ๆ ใช่ ๆ ข้าต้องการทำลายแผนการทั้งหมดของเจ้า แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้!”
หนิงฝานเอ่ยเย้ยหยันก่อนจะให้พระราชลัญจกรบดขยี้จิตสำนึกนั้น
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ออร่าจิตสำนึกถูกทำลายโดยตรง และในเวลาเดียวกันพันธะสัญญาเลือดก็สูญสลายหายไปโดยสมบูรณ์
หืม!
จักรพรรดิหมานตกตะลึงชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาจึงตระหนักได้ว่าร่างกายถูกควบคุมโดยหนิงฝานแล้ว
เมื่อเห็นพระราชลัญจกรสำแดงฤทธ์ ชายหนุ่มจึงกล่าวถามอย่างรวดเร็ว “ผู้ใดสั่งให้เจ้าทำพันธะสัญญาเลือด? เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังให้อาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือบุกรุกดินแดนของราชวงศ์เทพขนนกงั้นหรือ?”
จักรพรรดิหมานกล่าวตอบอย่างนอบน้อม “ตอบนายท่าน ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น ข้ารู้เพียงว่าไม่นานมานี้เขาผู้นั้นมาพบข้าที่ประตู พร้อมบังคับให้ข้าทำพันธะสัญญาเลือด จากนั้นยังเอ่ยปากให้ข้ายกทัพบุกดินแดนของราชวงศ์เทพขนนกด้วย!”
“ไม่รู้งั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่น หนิงฝานขมวดคิ้วก่อนจะถามต่อ “แล้วมีสิ่งอื่น ๆ ที่เจ้ารู้เกี่ยวกับบุคคลลึกลับนั่นอีกหรือไม่?”
“ไม่…”
ขณะที่จักรพรรดิหมานกำลังจะปฏิเสธ จู่ ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งจึงรีบกล่าวต่อ “แต่บุคคลผู้นั้นดูเหมือนจะไม่ได้มาพูดคุยกับอาณาจักรของข้าเท่านั้น ทว่าเขายังเดินทางไปยังอาณาจักรอื่น ๆ ด้วย”
“ข้ารู้แล้ว”
หนิงฝานไม่แปลกใจเลยที่ร้อยอาณาจักรเล็กจะบุกรุกดินแดนราชวงศ์เทพขนนกอย่างพร้อมเพรียงเช่นนี้ มันควรเป็นบุคคลลึกลับที่ปลุกระดมพวกเขาขึ้นมา
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าไร้พันธะสัญญาเลือดแล้ว กลับไปเสีย หากข้าไม่ได้สั่งอะไร เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเหยียบพระราชวังเทพขนนกเป็นอันขาด!” หนิงฝานกล่าวเย็นชา
“ทราบแล้ว!” จักรพรรดิหมานตอบกลับ
เมื่อหนิงฝานกำลังจะกลับออกไป จักรพรรดิหมานพลันถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน “นายท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”
“จวินซ่าง!”
หนิงฝานยิ้มพลางตอบกลับ ก่อนจะหันหลังออกจากกระโจมศักดิ์สิทธิ์ไป
“จวินซ่าง?”
สายตามองตามแผ่นหลังของหนิงฝานที่จากไป และจักรพรรดิหมานก็พึมพำคำเบากับตนเอง