ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] – ตอนที่ 101 มังกรทั้งห้ามีเจตนาสังหาร ปราชญ์ยุทธ์สรรค์ขั้นเก้า

ตอนที่ 101 มังกรทั้งห้ามีเจตนาสังหาร ปราชญ์ยุทธ์สรรค์ขั้นเก้า

ตอนที่ 101 มังกรทั้งห้ามีเจตนาสังหาร ปราชญ์ยุทธ์สรรค์ขั้นเก้า

เมื่อเห็นฉากนี้ องค์ชายมังกรทั้งห้าที่เพิ่งฟื้นคืนก็เกือบจะเป็นลมหมดสติ

ในจิตใต้สำนึกขององค์ชายทั้งห้าคือ พวกเขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่กับจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ใดจะไปคาดคิดว่ากลับเป็นพวกเขาเองที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

“บัดซบ!”

“พวกเราติดกับแล้ว!”

“มีคนชี้นำจิ้งจอกเก้าหาง!”

ยิ่งเห็นสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนที่มองมาและเสียงถกเถียงกันอย่างร้อนระอุ ทำให้องค์ชายมังกรทั้งห้ายิ่งรู้สึกอับอายและโกรธเป็นอย่างมาก

“องค์ชายมังกรทั้งห้า พวกท่าน… ทำผิดจารีตประเพณี”

พลันมีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น เป็นขันทีเว่ยที่นำกลุ่มปราชญ์ยุทธ์ของราชวังมาที่นี่หลังจากได้ยินข่าว

เมื่อเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่า รวมถึงสภาพยุ่งเหยิงของคนทั้งห้า คิ้วของขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ พลันขมวดเป็นปมในทันที

ณ หอคณิกายามค่ำคืน สายตาผู้คนนับไม่ถ้วนมององค์ชายทั้งห้ากำลังเปลื้องผ้าต่อสู้กัน นี่ถือเป็นความอับอายอย่างยิ่งต่อราชวงศ์เทพขนนก

“ท่านเว่ย พวกเรา…”

หลินเทียนเยวี่ยนอยากเอ่ยอธิบาย แต่เมื่อคิดถึงเป้าหมายเดิมของพวกเขาแล้วก็ทำได้เพียงปิดปากเงียบเท่านั้น

“กลับไป”

ยามนี้ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ ไม่สามารถถามพวกเขาอย่างละเอียดได้ และทำได้เพียงโบกแขนเสื้อล้อมรอบคนทั้งห้าไว้ เพื่อพาพวกเขากลับไปพระราชวังเทพขนนก

แม้ว่าทั้งห้าคนจะถูกนำตัวกลับไปแล้ว แต่เรื่องในคืนนี้กลายเป็นเหมือนพายุหมุนที่แพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ

พอเช้าตรู่ เรื่องนี้ก็ขจรขจายไปทั่วทั้งเมืองเทพ ทำให้เกือบทุกคนรับรู้เรื่องนี้

ณ ตำหนักองค์หญิง

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลัวชิงเซียนพลันขมวดคิ้วตามไปด้วย ในใจรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนออกมา

ทว่าผู้ชักใยอย่างหนิงฝานกลับแสยะยิ้มเย็นชา

“ลงโทษแค่นี้ยังนับว่าน้อยไป หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง”

ณ พระราชวัง

แม้ว่าองค์ชายมังกรทั้งห้าจะสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่แล้ว แต่ทุกครั้งที่หันมองหน้ากัน คนทั้งห้ายังคงรู้สึกอับอายและโกรธเป็นอย่างมาก

แม้แต่ตอนที่พวกเขานั่งลง ช่วงล่างของพวกเขายังรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่ไม่น้อย

“บัดซบ!”

ไม่รู้ว่าอับอายกันมานานเท่าใดแล้ว องค์ชายใหญ่หลินเทียนเยวี่ยนพลันตะคอกออกมาด้วยความโกรธ ขณะที่ใบหน้าบูดบึ้งอยู่หลายส่วน

อีกสี่คนที่เหลือก็เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

“จิ้งจอกเก้าหางน่ารังเกียจยิ่งนัก! เหตุใดนางถึงทำกับพวกเราแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้ว่าจ้าง!”

“จิ้งจอกเก้าหางต้องถูกคนชี้นำอยู่เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างนี้กับพวกเราได้อย่างไร!”

“ผู้ใดกัน? เป็นผู้ใดกันแน่!”

“…”

ทุกคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง เพลิงกราดเกรี้ยวแทบจะพังทลายทั้งตำหนัก

แล้วในท้ายที่สุดทั้งห้าคนก็หันมองกัน ผู้เดียวที่พวกเขาคิดออกก็คือ จวินซ่าง!

“จวินซ่าง… ต้องเป็นจวินซ่างแน่ ๆ!”

“จิ้งจอกเก้าหางแข็งแกร่งมาก ในราชวงศ์เทพขนนกนี้ นอกจากเสด็จพ่อแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงจวินซ่างเท่านั้นที่จะมีความสามารถทำให้จิ้งจอกเก้าหางยอมแพ้!”

“ต้องเป็นเขาแน่ เขาต้องรู้แผ่นการนี้ของพวกเรา ถึงได้ชี้นำจิ้งจอกเก้าหางให้มาล่อลวงพวกเรา!”

“จวินซ่างที่น่ารังเกียจ ทำให้พวกเราสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ!”

“ต้องฆ่าเขา หากไม่ฆ่าคนผู้นี้ ข้าขอสัตย์สาบานว่าจะไม่เป็นมนุษย์อีกต่อไป!”

“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”

“…”

แววตาขององค์ชายมังกรทั้งห้าเต็มไปด้วยเจตนาสังหารอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากเหตุการณ์นี้ พวกเขาเสียหน้าไปถึงบรรพบุรุษ นี่เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับได้

“ฆ่า! ต้องฆ่า! ทว่า… คนผู้นี้แม้แต่จิ้งจอกเก้าหางยังยอมแพ้ พวกเราไม่สามารถต่อสู้แบบซึ่ง ๆ หน้ากับเขาได้”

นัยน์ตาองค์ชายใหญ่หลินเทียนเยวี่ยนปรากฏจิตสังหารพลุ่งพล่าน

เมื่อได้ยินดังนั้น คนอื่น ๆ จึงถามขึ้นว่า “แล้วพวกเราจะทำเช่นไรดี?”

“ทางที่ดีที่สุดคือ ต้องยืมมือคนอื่นฆ่า” หลินเทียนเยวี่ยนเอ่ยอย่างเย็นชา เมื่อเห็นเหล่าองค์ชายที่เหลือหันมองหน้ากัน เขาก็กล่าวต่ออีก “นอกจากงานเฉลิมฉลองหนึ่งครั้งในรอบร้อยปีของราชวงศ์เทพขนนกแล้ว ทุกพันปียังมีการเปิดคัมภีร์เทพขนนกที่ยิ่งใหญ่ขึ้นหนึ่งครั้ง จากที่ข้าคำนวณดู ยังเหลือเวลาอีกสิบกว่าปีที่จะเปิดคัมภีร์เทพขนนก”

“เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะเชิญแขกทั้งสี่สมุทรแปดดินแดนมา หนึ่งในนั้นคือคนจากราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสาม ผานอู่ เทพเร้นลับทั้งแปด และเทพหมื่นอสูร สามราชวงศ์นั่นจ้องมองราชวงศ์เทพขนนกของพวกเราอยู่ตลอด พวกเราสามารถล่อเสือมาเขมือบหมาป่า ยืมมือทั้งสามราชวงศ์เพื่อฆ่าจวินซ่างได้”

สิ้นเสียงเอ่ย ทั่วทั้งตำหนักพลันตกอยู่ในความเงียบสงบ

วิธีนี้สามารถฆ่าจวินซ่างได้ แต่ก็ไม่ดีเท่าใดที่จะเชิญพวกหมาป่าเข้าพระราชวัง

เมื่อเห็นทุกคนไม่เอ่ยอะไร หลินเทียนเยวี่ยนจึงพูดต่อ “พวกเจ้ายังจะลังเลอะไรอยู่อีก จวินซ่างทำให้พวกเราอับอายถึงเพียงนี้ ซ้ำยังกลายเป็นตัวตลกของเมืองเทพ พวกเจ้าคิดว่าพวกเราจะยังมีโอกาสได้ตำแหน่งผู้ปกครองอีกหรือ? ไม่เลยต่างหาก ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผู้ปกครองของเทพขนนกจะให้เราที่ทำเรื่องอับอายขายหน้าได้ตำแหน่ง!”

“ในเมื่อจวินซ่างทำลายพวกเรา เช่นนั้นเราก็ต้องทำลายเขา “ดวงตาหลินเทียนเยวี่ยนฉายแววชั่วร้าย

“ดี!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“หากไม่แก้แค้น พวกเราจะยังมีหน้าอยู่ได้อย่างไร!”

เหล่าองค์ชายปลุกความเกลียดชังขึ้น แววตาบ้าคลั่งฉายขึ้นในดวงตาของแต่ละคน

สำหรับองค์ชายมังกรทั้งห้าผู้ทรงเกียรติ ความแค้นที่ถูกทำลายชื่อเสียงเทียบเท่ากับความแค้นที่ถูกฆ่า

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หลินเทียนเยวี่ยนพลันแสยะยิ้มเย็นชา “ดี! ดังที่ว่าจะแก้แค้นจวินซ่าง สิบปีก็ยังไม่สาย เช่นนั้นพวกเรามาคิดแผนการให้ดีกันเถอะ ต้องทำให้จวินซ่างตายอย่างอนาถไร้หลุมฝังศพในวันเปิดคัมภีร์เทพขนนกให้จงได้”

เรื่องผิดจารีตขององค์ชายมังกรทั้งห้าแพร่กระจายอยู่ในเมืองเทพระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป ส่วนใหญ่มันกลายเป็นเรื่องตลกที่บางคนพูดถึงเป็นครั้งคราวช่วงมื้ออาหาร

หลังจากนั้น ฤดูใบไม้ผลิจากไป ฤดูใบไม้ร่วงเข้ามา ภายใต้การหมุนเวียนของฤดูกาล

ปีแล้วปีเล่า วันเวลาค่อย ๆ ผันผ่านไป

ราชวงศ์เทพขนนกกำลังรอการฟื้นฟูและความเจริญรุ่งเรืองมาถึง หลังจากเผชิญกับปัญหาทั้งภายในและภายนอก รวมถึงความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

ณ ตำหนักองค์หญิง

หนิงฝานยังคงลงชื่อเข้าใช้วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

และแน่นอนว่าปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแปดของเขาก็เริ่มขยับไปสู่ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้า

หนึ่งปี สองปี สามปี สี่ปี และห้าปี…

หลังจากผ่านมาห้าปี ในที่สุดหนิงฝานก็เข้าสู่ปราชญ์ยุทธ์ขั้นเก้าได้สำเร็จ!

และในปีเดียวกัน หลัวชิงเซียนก็คว้าจุดหัวเลี้ยวหัวต่อฟ้าดินในความมืดมิดได้สำเร็จ ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นปราชญ์ยุทธ์ขั้นหนึ่งในทันที

หลังจากได้เป็นปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้าแล้ว หนิงฝานก็ไม่ได้หย่อนการฝึกฝน

แม้ว่าปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้าจะเป็นอันดับสุดยอดของศิลปะการต่อสู้แล้วก็ตาม แต่ยังไม่เพียงพอกับความอมตะ เป้าหมายของเขาคือเป็นขอบเขตเทพยุทธ์ในตำนาน

หกปี เจ็ดปี แปดปี…

ชายหนุ่มยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาศัยสมบัติวิญญาณจากการลงชื่อเข้าใช้

สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนิงฝานไม่รู้ว่าเขาเดินทางมาไกลแค่ไหนในฐานะปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้า

มิหนำซ้ำยังเริ่มเข้าใกล้ขอบเขตเทพยุทธ์ที่ไร้ขีดจำกัด

แน่นอนว่า เขารู้ว่าเมื่อเลื่อนขั้นเป็นปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้าแล้วจำต้องแสวงหาโอกาสของสวรรค์และโลก ยิ่งถ้าต้องการบรรลุสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ก็ต้องสัมผัสได้ถึงเค้าลางของขอบเขตเทพ!

ไม่เช่นนั้น ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ได้อีก

แต่ชัดเจนว่าหลังจากเขาเข้าใกล้ขอบเขตเทพยุทธ์ที่ไร้ขีดจำกัดแล้ว หนิงฝานก็สัมผัสได้ว่าโอกาสในขอบเขตเทพของเขานั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว

และอีกสิบปีต่อมา

ราชวงศ์เทพขนนกได้จัดในพิธีอันยิ่งใหญ่ของคัมภีร์ราชวงศ์ที่มีทุก ๆ พันปี

ในวันนี้ ราชวังเทพขนนกมีประกาศออกมาอย่างกะทันหัน

“งานเฉลิมฉลองความเจริญรุ่งเรืองแห่งราชวงศ์เทพขนนก วันเปิดคัมภีร์แห่งราชวงศ์เทพขนนก ในอีกสามเดือนข้างหน้าขอเชิญทุกท่านทั้งสี่สมุทรแปดดินแดนมาร่วมงานนี้!”

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

Status: Ongoing

หนิงฝาน' ชายหนุ่มผู้เดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลามาเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีก็คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้อ่อนแอและเกาะภรรยากินไปชั่วชีวิตเสียแล้ว ทว่าจู่ ๆ เขากลับเปิดใช้งานระบบสลากขั้นเทพได้...

นี่เองคือจุดเริ่มต้นใหม่ของผู้ที่ 'เคยอ่อนแอ' มาก่อน!

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ในพระราชวังจักรพรรดินีเสร็จสิ้น และได้ร่างกายของเซียนดาบ!]

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ยอดเขาสารพัดประโยชน์ได้สำเร็จ และได้รับเสื้อคลุมเร้นลับ!]

หนิงฝานเดินเล่นไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมระบบสลากขั้นเทพ ล็อกอินสถานที่อย่างเงียบ ๆ ในฐานะสามีผู้ไร้ค่าของจักรพรรดินี จนกระทั่งหลายปีต่อมา บรรพชนของปีศาจทั้งหลายถือกำเนิดขึ้นและยกกองทัพปีศาจนับล้านบุกแดนศักดิ์สิทธิ์!

จักรพรรดินีผู้เลอโฉมพ่ายแพ้ และทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในภยันตราย! หนิงฝานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจนับล้านพลันถูกกำจัด! แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มไม่ได้สนใจมากนัก... เพราะเขารู้เพียงว่าเขาได้กลายเป็นตัวตน 'อมตะ' ในโลกนี้แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท