ตอนที่ 105 บารมีของจวินซ่าง ผู้ปกครองของสามราชวงศ์ใหญ่
สิ้นเสียงนั้น ผู้พิทักษ์สุสานก้าวเดินไปเบื้องหน้า เพียงแต่อารมณ์ของเขาในยามนี้กลับเปลี่ยนไปจากช่วงก่อนหน้ามาก
แววตาคู่นั้นดูเปล่งประกายภายใต้สีหน้าที่สงบนิ่ง ทว่านี่กลับดึงดูดสายตาผู้คนนับไม่ถ้วนให้มองมา และไม่รู้ว่ากลิ่นอายทั่วทั้งร่างกายนั้นรุนแรงขึ้นไปกี่ส่วน
“หืม”
เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าคนของราชวงศ์ใหญ่ทั้งสามเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่แข็งแกร่งจากร่างของ ‘ผู้พิทักษ์สุสาน’
พวกเขารู้ได้ทันทีว่า ผู้พิทักษ์สุสานตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดียวกันกับคนเมื่อครู่
ขณะที่ฝ่ายปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนกพลันมีสีหน้าใจชื้นขึ้นมา
เพราะพวกเขารู้ว่าผู้พิทักษ์สุสานในตอนนี้คือ จวินซ่าง!
“ช่างโอ้อวดยิ่งนัก!”
“เจ้าเป็นใคร!? ถึงกล้ามาสั่งสอนอาวุธเทพปราบศักดาของพวกเรา!”
หยางเทียน กู่หวง และชิงซือจากสามราชวงศ์ต่างเอ่ยตะโกนเสียงเย็นชาออกมาพร้อมกัน
“ข้าคือจวินซ่าง”
หนิงฝานในร่างของผู้พิทักษ์สุสานเอ่ยพูดเสียงนิ่งเรียบ ฝีเท้ายังคงก้าวเดินไปด้านหน้าต่อจนคนจากสามราชวงศ์ใหญ่ต้องเป็นผู้ก้าวถอยหลังออกไปเอง
“จวินซ่างงั้นหรือ? เจ้าคือผู้แข็งแกร่งที่ชอบทำตัวลึกลับของราชวงศ์เทพขนนกในช่วงหลายปีมานี้หรือ!?”
“หึ! จวินซ่างอันใดกัน ก็แค่พวกหนูโสโครกที่ชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ”
“หากมีความสามารถจริงก็จงเผยตัวตนออกมาเสีย แล้วพวกเราจะส่งเจ้าไปตายเอง!”
เมื่อเห็นว่าจวินซ่างยังคงเดินเข้ามา หยางเทียน กู่หวง ชิงซือ และคนอื่น ๆ ต่างพากันหัวเราะเย้ยหยัน แววตาปรากฏความอาฆาตมาดร้ายออกมา
บัดนี้เทพมังกรประทานโชคของราชวงศ์เทพขนนกได้ตายตกไปแล้ว หากสามารถฆ่าจวินซ่างผู้ลึกลับนี้ตายไปอีกคน ราชวงศ์เทพขนนกคงถึงคราวล่มสลายอย่างแท้จริงเป็นแน่
“ไม่จำเป็นต้องเผยร่างจริง เพียงกระบี่เดียวของข้าก็สามารถกวาดล้างพวกกระจอกอย่างเจ้าได้”
หนิงฝานยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ขณะที่ร่างของเขารุดเข้าไปใกล้คนของสามราชวงศ์ใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ช่างกล้ายิ่งนัก!”
“จองหอง!”
“ตายเสียเถอะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนทั้งสามราชวงศ์หยางเทียน กู่หวง และชิงซือพลันตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างฮึกเหิม พวกเขารวมตัวกับเหล่าปราชญ์ยุทธ์จากสามราชวงศ์ใหญ่ และใช้อาวุธเทพปราบศักดาแห่งสามราชวงศ์อีกครั้ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้น พลานุภาพอันน่าเกรงขามบังเกิดขึ้น และอาวุธเทพปราบศักดาของทั้งสามราชวงศ์ก็ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้เทียมทานออกมาอีกครั้ง
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่รวมตัวกันพลันสะบั้นความว่างเปล่าออกในพริบตา!
“นายท่านจวินซ่าง พวกเรามาช่วยท่านแล้ว!”
ฉากสัประยุทธ์ตรงหน้าทำเอาสีหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปทันที แล้วปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนก จักรพรรดิทั้งเจ็ด บรรพชนทั้งสิบ และผู้นำจากร้อยอาณาจักรต่างก็พุ่งตัวเข้าไปเสริมกำลังอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าปราชญ์ทั้งสองแห่งโลกันต์และจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่ภายใต้สามราชวงศ์ใหญ่จะอยากออกโรงช่วยเหลือหนิงฝาน
ทว่าชายหนุ่มกลับโบกมือและเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า
“หาใช่เรื่องใหญ่อันใด”
สิ้นเสียงเอ่ย เขาก็ชี้นิ้วไปตรงกลางหน้าอก
พรึ่บ!
พลานุภาพสะท้านพิภพของปราณกระบี่ควบแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะฉีกกระชากอากาศธาตุทั่วทั้งพิภพแยกออกจากกัน!
ตู้ม!
หลังจากนั้นภายใต้สายตาตกตะลึงของคนจำนวนมาก ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ของสามราชวงศ์ใหญ่ที่กวาดไปทางปราณกระบี่ จู่ ๆ พลานุภาพที่ไร้เทียมทานของพลังก็ระเบิดออกอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางความว่างเปล่า
ปราณกระบี่และแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งชนกันอย่างรุนแรง ก่อเกิดเป็นปรากฏการณ์ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย!
ปัง! ปัง! ปัง!
ชั่วอึดใจพลันเกิดเสียงแตกเป็นเสี่ยง ๆ เห็นเพียงแสงศักดิ์สิทธิ์แตกดับทีละดวง ซ้ำแล้วภายในพลังที่บ้าคลั่งไร้สิ้นสุดนี้ ปราณศัสตราของกระบี่ทะยานโค้งเข้ามาราวกับสายรุ้งที่สดใส สับฟันเข้าใส่ร่างคนของสามราชวงศ์ใหญ่เสียงดัง ‘ตู้ม!’
“หา!?”
“อันใดกัน!?”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?”
เมื่อเห็นฉากนี้ คนของสามราชวงศ์ใหญ่ที่นำโดยหยางเทียน กู่หวง ชิงซือต่างพากันตื่นตกใจ
อาวุธเทพปราบศักดานับเป็นสุดยอดอาวุธที่แข็งแกร่งเพียงหนึ่งเดียวของสามราชวงศ์ใหญ่ เมื่อถูกใช้โดยพวกเขา พลานุภาพของมันสามารถสังหารปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเจ็ดหรือขั้นแปดได้ และปราชญ์สามสวรรค์ขั้นสูงเช่นนี้ แม้แต่ปราชญ์สวรรค์ขั้นเก้าก็ยังไม่กล้าที่จะต่อกรด้วยหากไม่มีอาวุธที่อยู่ในระดับเดียวกัน
มาตอนนี้ แม้จวินซ่างผู้นี้จะไม่ได้ใช้ร่างจริง ทว่าเพียงกระบี่เดียวกลับสามารถทำลายแสงศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสามราชวงศ์ได้อย่างง่ายดาย
ถึงกับแข็งแกร่งปานนี้ นับว่าทำให้พวกเขาประหลาดใจมากจริง ๆ
เมื่อเห็นปราณกระบี่เริ่มสลายหายไป คนของสามราชวงศ์ใหญ่ย่อมมิอาจนั่งนิ่งได้อีก คลื่นพลังหลายสิบสายระเบิดออก แล้วอาวุธเทพปราบศักดาทั้งสามราชวงศ์ก็ปะทุขึ้นพร้อมแสงพร่างพราวอีกครั้ง
ชิ้ง!
ปราณกระบี่สับฟันลงตรงกลางอาวุธเทพปราบศักดาอย่างเหี้ยมหาญ ทันใดนั้น แว่วเสียงโลหะกระทบกันก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พลานุภาพที่สั่นสะเทือนทั้งปฐพีดังออกมากลางอากาศ!
ปัง!
ปราณกระบี่ระเบิดออกหากแต่ไม่ได้สลายหายไป มันกลับกลายเป็นสายนทีปราณกระบี่ซัดเข้าใส่เหล่าปราชญ์ยุทธ์ทั้งสามราชวงศ์ใหญ่แทน
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังลั่นไปทั้งลานจตุรัส ปราชญ์ยุทธ์ของสามราชวงศ์ใหญ่ต่างพากันถอยหนี บนท้องนภาบังเกิดโลหิตหลั่งออกเป็นสายไม่รู้จบ และเมื่อพลังสลายหายไป ปราชญ์ยุทธ์แห่งสามราชวงศ์ใหญ่ที่หยิ่งผยองเมื่อครู่ ชั่วพริบตาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว มิหนำซ้ำ กลิ่นอายของพวกเขายังเริ่มแผ่วเบาลงไปเรื่อย ๆ
แน่นอนว่า ปราชญ์ทั้งสองแห่งโลกันต์และจิ้งจอกเก้าหางไม่ได้รับบาดเจ็บจากปราณกระบี่ เพียงแต่รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้หาได้มีผู้ใดคิดให้สนใจยามนี้
“สุดยอด!”
“พลังของจวินซ่างนับว่าเกรียงไกรโดยแท้!”
เมื่อเห็นว่าปราณกระบี่ของจวินซ่างทำให้ปราชญ์ยุทธ์ของทั้งสามราชวงศ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้คนของราชวงศ์เทพขนนกล้วนแต่ตกตะลึงกันถ้วนหน้า
กลับกัน แม้ว่าจะสามารถกวาดล้างคนของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ได้ในกระบี่เดียว แต่สีหน้าของหนิงฝานหาได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่
ยามนี้ สายตาของชายหนุ่มเพียงจ้องไปที่อาวุธเทพปราบศักดาของสามราชวงศ์ใหญ่เท่านั้น
‘อาวุธเทพ… นับว่าสมควรแล้วที่เป็นอาวุธเทพ!’
ดวงตาหนิงฝานส่องประกายอย่างเงียบงัน
ถึงพลังของเขาในยามนี้จะนับว่าแข็งแกร่งแล้ว เพราะแม้แต่อาวุธเทพขั้นสูงสุดในปฐพีก็ยังมิอาจสามารถเอาชนะเขาได้ ทว่า…
“มานี่”
พริบตาต่อมา ราวกับได้ล่าสัตว์แล้วจิตใจเบิกบาน*[1] หนิงฝานยื่นมือออกไปและมือก็กลายเป็นกลุ่มก้อนพลังงานขนาดใหญ่ในอากาศ มือยักษ์นี้มาพร้อมกับพลังสยบโลกา มันคว้าจับอาวุธเทพของสามราชวงศ์ใหญ่ไว้อย่างรวดเร็ว
“เจ้ากล้าหรือ!?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หยางเทียน กู่หวง และชิงซือ ทั้งสามคนเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
สาเหตุที่อาวุธเทพปราบศักดาถูกเรียกว่า อาวุธเทพปราบศักดา ก็เพราะว่ามันมีพลังสยบโชคขัดขวางลาภยศ สิ่งนี้มีความสำคัญต่อราชวงศ์ยิ่ง หากถูกหนิงฝานเอาไป โชคของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ไม่แคล้วคงมลายหายไปในบัดดล
เพราะฉะนั้นมันคือสิ่งที่พวกเขาไม่อาจยอมให้เกิดขึ้นได้ แม้ว่าชีวาจักต้องวายสิ้นก็ตาม
ทั้งสามอดทนต่ออาการบาดเจ็บ เพราะต้องการที่จะนำอาวุธเทพปราบศักดาทั้งสามกลับมา
ทว่า…
ตู้ม!
เมื่อฝ่ามือยักษ์ของหนิงฝานคว้าจับอาวุธเทพปราบศักดาไว้ได้ พลังปราณของเขาก็ตัดสายสัมพันธ์ระหว่างอาวุธและคนทั้งสามจนขาดสะบั้นในทันที
อั่ก! อั่ก! อั่ก!
พอเมื่ออาวุธเทพปราบศักดาถูกแย่งชิงไป ทั้งสามคนก็กระอักเลือดออกมาทันที ร่างกายอ่อนแอลงยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็ทำได้เพียงจ้องมองฝ่ามือยักษ์ของหนิงฝานนำอาวุธเทพปราบศักดาไป
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง แสงศักดิ์สิทธิ์จากอาวุธเทพปราบศักดาของสามราชวงศ์ใหญ่พลันระเบิดออร่าแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมา มิหนำซ้ำยังทรงพลังมากราวกับราชสีห์ที่หลับใหลได้ตื่นขึ้น!
แล้วพลังศักดิ์สิทธิ์ของมันก็แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว!
ตู้ม!
พลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ทำลายฝ่ามือยักษ์ของหนิงฝานจนสลายหายไป
“หือ”
หนิงฝานที่เห็นเช่นนี้พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นดวงตาของเขาก็ทอประกายแสงขึ้นมา ชายหนุ่มจับจ้องไปยังอาวุธเทพของสามราชวงศ์ใหญ่ไม่วางตา
นี่เพราะสังเกตเห็นว่ามีออร่าที่ทรงพลังยิ่งปรากฏตัวขึ้น ณ จุดนั้น!
“หึ”
แล้วเพียงชั่วพริบตานั้นเอง เสียงเย้ยหยันก็ดังก้องกังวานไปทั่วฟ้า!
วูบ!
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้คนจำนวนมาก ร่างทั้งสามปรากฏตัวออกมาบนอาวุธเทพปราบศักดาของสามราชวงศ์ใหญ่
ร่างของทั้งสามถูกปกคลุมด้วยม่านหมอก ล้อมรอบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน ทว่าร่างของทั้งสามกลับปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมา!
โดยเฉพาะกับดวงตาทั้งสามคู่นั้น ล้วนแสดงถึงอำนาจที่อยู่เหนือผู้คนและทอดมองไปทั้งใต้หล้า!
“ผู้ปกครองของสามราชวงศ์ใหญ่!!!”
*[1] ได้ล่าสัตว์แล้วจิตใจเบิกบาน ใช้เปรียบเปรยว่า นิสัยหรือความเคยชินเดิม ๆ นั้นยากที่จะลืมได้ ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิม ๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว