ตอนที่ 911 เช่นนั้นก็ป่าวประกาศ
ซ่งอิงเข้าใจเช่นกัน เทพเซียนน่ะ ถือตนสูงส่งเหนือใครๆ เพื่อสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากทุกคน ย่อมต้องยกธรณีประตูไว้สูงหน่อยเป็นธรรมดา
นางพอมีความทรงจำอยู่รางๆ ตอนช่วงยุคโบราณกาล พวกมนุษย์อยากเป็นอมตะไม่ใช่เรื่องยากขนาดนี้
หากมีต้นทุนความเป็นเซียนและจังหวะโอกาสก็ยังพอแสวงหาความอายุยืนได้
อีกทั้งอย่าว่าแต่เรื่องของการแสวงหาความเป็นอมตะที่ว่านี้เลย ลำพังเรื่องปีศาจพระชายาในราชวงศ์ก่อน…
ซ่งอิงยังถึงกับรู้สึกสงสารอีกฝ่าย
แม้ว่าลั่วเจินกลับชาติมาเกิด แต่วิญญาณของลั่วเจินหลับลึกอยู่ตลอด พระชายาผู้นี้ก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กลับถูกพรากชีวิตไปทั้งอย่างนี้ นางยังเคยค้นคว้าประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ก่อนอีกด้วย พระชายาผู้นั้นไม่เคยกระทำเรื่องอย่างการรังแกผู้ใดมาก่อนจริงๆ
ดูอย่างกู้หมิงเป่าเป็นตัวอย่างก็รู้แล้ว กู้หมิงเป่าที่ไม่มีวิญาณปีศาจก็คือแม่นางน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่ง นางทำเรื่องชั่วช้าอะไรแล้วหรือ
เทพเซียนที่ว่านี้ปราบปีศาจก็เพื่อชื่อเสียงอย่างที่พวกมนุษย์คิด ซ่งอิงไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดเช่นกัน
เพียงแต่นึกถึงเรื่องที่โลกเทพเคยทำไว้ สิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันจึงดูปลอมอยู่เล็กน้อย
สรุปแล้วทำร้ายปีศาจเพื่อช่วยมวลมนุษย์ หรือว่า…เพื่อเลี่ยงการที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะรุ่งเรืองอีกครั้งกันแน่
ในเวลานี้ ซ่งอิงมองปีศาจจิ้งจอกตนนี้แล้วกล่าว “พรุ่งนี้ เจ้าแอบเข้าไปในพระราชวัง นำคำพูดที่เอ่ยเมื่อครู่บอกกล่าวกับฮ่องเต้เฒ่าให้หมดเปลือก นอกจากนี้ยังต้องอธิบายถึงสถานการณ์หลักๆ ทั้งหมดที่เจ้าทำร้ายผู้คนเมื่อตอนที่ติดตามนักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นั้นเดินธุดงค์ พวกเขาจะได้ไล่ตรวจสอบสะดวก”
“นอกจากนี้ หากฮ่องเต้ถามเจ้าว่าเหตุใดจึงกลับคำ เจ้าก็บอกกล่าวไปตามจริงว่าตนเองเจอใคร และทำไมจึงเป็นเช่นนี้” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
“เช่นนั้น เช่นนั้นไม่เท่ากับนำท่าน…”
“ถูกต้อง ก็บอกเขาไปว่าเป็นข้าให้เจ้าทำอย่างนี้” ซ่งอิงพยักหน้า
นางรู้สึกว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องตรงไปตรงมาหน่อย
ในเมื่อคิดจะแก้ไขกระดานชะตาชีวิต ก็ต้องเริ่มจากกำจัดความเสี่ยงทั้งหมด
นางและฮั่วเจ้ายวนมีความสามารถ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดยังต้องซ่อนเอาไว้อีกด้วย แทนที่จะกังวลใจว่าเทพเซียนจะใช้ราชวงศ์ฮ่องเต้มาก่อปัญหาให้พวกเขา ไม่สู้ทำให้ฮ่องเต้เฒ่าเกรงกลัวสักหน่อย ทำให้เขารู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
นางเป็นคนหนึ่งที่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
ปีศาจจิ้งจอกขานรับอย่างว่าง่าย ในคืนวันเดียวกันนั้นก็เข้าไปในพระราชวังผ่านรูสุนัข ในฐานะปีศาจจิ้งจอกตัวหนึ่ง นางมีทักษะที่แข็งแรงและปราดเปรียวนี้ติดตัวเช่นกัน
เมื่อช่วงเวลากลางวัน ฮ่องเต้ได้รับข่าวแล้วว่าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้หนีไปแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นผลให้เขาเกิดความกระวนกระวายใจ
นั่นเป็นถึงปีศาจจิ้งจอก ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หากเคียดแค้นถึงขั้นคิดช่วยฮั่วเจ้ายวนผู้นั้น คนพวกเขาเหล่านี้จะรับมือไหวได้อย่างไร
ขณะครุ่นคิด เรือนร่างขาวๆ ก็พุ่งเข้ามาในห้องหนังสือ จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นคนแล้วคุกเข่าลง “ปีศาจน้อยถวายบังคมฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงอย่าได้กลัว ข้ามา ข้ามาสารภาพเพคะ”
“…” ฮ่องเต้เบิกตาโตชั่ววูบด้วยความตกใจ
คำว่า ‘ช่วยด้วย’ ค้างอยู่ในปากไม่ยอมออกมา
แน่นอนว่าถึงแม้เขาไม่ได้อ้าปาก ในขณะนี้ขันทีและนางข้าหลวงที่อยู่ภายในห้องหนังสือก็พากันมาห้อมล้อมเขาเอาไว้แล้ว
ไม่รอให้ฮ่องเต้เอ่ยพูด ปีศาจจิ้งจอกก็รีบทำตามที่ซ่งอิงสั่งไว้ นำสิ่งที่ตนเองประสบตลอดหลายปีนี้บอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ฮ่องเต้เพคะ แม้ว่านักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นั้นมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ แต่กลับเป็นนักบวชสายทางปีศาจ เคยกินเลือดเนื้อของเด็กและสตรีนับสิบคน ฮ่องเต้อย่าได้หลงเชื่อคนผู้นี้นะเพคะ”
“…” ฮ่องเต้เบิกตาโตด้วยความตกใจ
เขารู้สึกว่าคำพูดของปีศาจไม่น่าเชื่อถือยิ่งกว่าอีก
ทว่าปีศาจตนนี้หนีไปแล้วแต่ย้อนกลับมา ออกจะแปลกไปหน่อยจริงๆ
“ถ้อยคำเจ้าเหล่านี้ล้วนเอ่ยพูดเพื่อแก้ต่างให้อ๋องอู่เฉินพ้นโทษหรือ” ฮ่องเต้ไม่โง่เขลาเช่นกัน
“ผู้อาวุโสกล่าวว่า…ว่า หากท่านคิดอย่างนี้ เช่นนั้นนางก็คงจะโกรธจริงๆ…หากนางโกรธ ก็อาจจะต้องมาพูดคุยขอเหตุผลกับท่าน…” ปีศาจจิ้งจอกรีบกล่าวอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสหรือ เป็นผู้ใดกัน”
“พระชายาอ๋องอู่เฉินเพคะ นางบอกว่าหากท่านอยากเจอนาง เช่นนั้นก็ประกาศเรียกเพคะ” ปีศาจจิ้งจอกกล่าวอีกครั้ง
ตอนที่ 912 ยากที่จะหยั่งรู้ได้
ฮ่องเต้เบิกตาโตชั่ววูบ โดยเฉพาะยามที่ได้ยินว่าเป็นพระชายาอ๋องอู่เฉิน เขารู้สึกโกรธเกรี้ยว แต่ในเวลาเดียวกันก็มึนงงไปหมดเสียมากกว่า
หากเขาจำไม่ผิด สตรีผู้นี้คล้ายกับเป็นบุตรสาวของเหยียนผิงโหว ไม่ได้รับความโปรดปรานและดูเหมือนว่าตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกันแล้ว หากไม่ใช่เพราะสตรีผู้นี้มีวาสนาต่อฮั่วเจ้ายวนอยู่บ้าง เขาก็คงจำสตรีผู้นี้ไม่ได้
“เจ้าเป็น…ปีศาจที่พระชายาอ๋องอู่เฉินเลี้ยงไว้หรือ” ฮ่องเต้โมโหอยู่ในใจ
อ๋องอู่เฉินเดิมทียังไม่ยอมรับว่าตนเองมีความเกี่ยวข้องกับปีศาจ หากเรื่องนี้เป็นฝีมือภรรยาเขา เช่นนั้นจะต่างอันใดกับเขากระทำ!
เขาสงสารวงศ์ตระกูลฮั่วที่จงรักภักดีอย่างแรงกล้าทว่าเสียชีวิตหมดสิ้น ดังนั้นจึงให้ความใจกว้างและอดทนต่อฮั่วเจ้ายวนมากเช่นกัน เขาอายุยังน้อยก็ได้รับการแต่งตั้งยศฐาบรรดาศักดิ์จนไม่รู้จะแต่งตั้งอะไรให้แล้ว กระทั่งได้รับแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นอ๋อง ไม่นึกเลยว่ายังไม่รู้จักพอ!
“ปีศาจน้อยไม่มีความเกี่ยวของอันใดกับอ๋องอู่เฉิน เพียงแต่เพิ่งถูกองค์ชายใหญ่ปล่อยตัวก็ถูกพระชายาอ๋องจับตัวเอาไว้ได้แล้วเพคะ” ปีศาจจิ้งจอกหมอบอยู่บนพื้น บอกกล่าวตามความจริง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกเข้าใจได้ยากเล็กน้อย
“เจ้ามีจุดประสงค์ใด หากพระชายาอ๋องอู่เฉินจับตัวเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้ายังถ่อมาถึงหน้าข้าอีก” ฮ่องเต้ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ปีศาจจิ้งจอกอึดอัดเล็กน้อย ฮ่องเต้ผู้นี้เป็นคนโง่เขลาใช่หรือไม่ ถ้อยคำที่ง่ายดายขนาดนี้ยังฟังไม่เข้าใจอีกหรือ
“ข้ากลัวพระชายาอ๋อง ดังนั้นจึงเชื่อฟังคำพูดของนาง นำเรื่องนี้มาอธิบายกับท่านให้กระจ่างก็เท่านั้นเพคะ” เมื่อพูดสิ่งเหล่านี้จบ ปีศาจจิ้งจอกสะบัดตัวเปลี่ยนเป็นร่างจิ้งจอกแล้ววิ่งหนีไป
“…” ฮ่องเต้กะพริบตาถี่ๆ รู้สึกได้ถึงการเหยียดหยามอันใหญ่หลวง
ภายในพระราชวัง ปีศาจเหล่านี้กลับนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป หากอยากเอาชีวิตของเขาไม่เท่ากับเป็นเรื่องง่ายดายหรือ!
“เรื่องในวันนี้จะให้แพร่งพรายออกไปมิได้เด็ดขาด!” ฮ่องเต้สีหน้าถมึงทึง “พรุ่งนี้รีบเรียกพระชายาอ๋องอู่เฉินเข้าวังแต่เช้าตรู่! นอกจากนี้ให้คนไปจวนอ๋องอวี เรียกอ๋องอวีมาหาเราเดี๋ยวนี้!”
ค่ำคืนนี้เขานอนไม่หลับแล้ว แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ก็ยังควบคุมไม่ได้แล้วยังคิดจะนอนหลับอีกหรือ!
อ๋องอวีเข้าวังมากลางดึก
ครั้นเห็นไคเต๋อฮ่องเต้สีหน้าบูดบึ้ง ก็คุกเข่าลงในทันที “ลูกรู้ผิดที่ไม่ได้ควบคุมปีศาจจิ้งจอกตนนั้นให้ดีๆ พะย่ะค่ะ”
“เจ้าข่าวสารฉับไวไม่น้อยนี่! เราให้เจ้าจัดการเรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังจัดการไม่สำเร็จ เจ้ายังจะทำอะไรได้อีก!” ไคเต๋อฮ่องเต้เผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้าจงใจปล่อยปีศาจจิ้งจอกตนนี้ออกไปหรือ!”
“เสด็จพ่อทรงพระปรีชาสามารถ ลูกมิได้จงใจพะย่ะค่ะ ปีศาจจิ้งจอกตนนี้ยากจะหยั่งรู้ได้ ลูกคิดไม่ถึงเช่นกันว่านางจะหลบหนีออกจากสถานที่ซึ่งมีการคุ้มกันขนาดนั้นได้!” อ๋องอวีกล่าวทันที
ไคเต๋อฮ่องเต้ในขณะนี้ไม่สนใจแล้วว่าบุตรชายจงใจ หรือไม่จงใจปล่อยปีศาจตนนี้ไป
เขารู้เพียงแค่ หากมิใช่เพราะบุตรชายไร้ความสามารถ เฝ้าดูเพื่อป้องกันไว้ไม่ได้ ค่ำคืนนี้ก็คงไม่ทำให้ปีศาจตนนี้เข้าวังมาทำให้เขาตื่นตกใจกลัวเพียงนี้ได้!
ดีที่ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ไม่ได้ลอบสังหารตน มิเช่นนั้นบัดนี้บัลลังก์ฮ่องเต้ก็จะเป็นของเขามิใช่หรือ!
เพียงแต่ว่าเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ไคเต๋อฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าเล็กน้อย
หลายปีมานี้เขาเข้าใจในตัวฮั่วเจ้ายวน ตามจริงยังโอบกอดความหวังกับคนผู้นี้อีกด้วยเล็กน้อย เขาส่งคนตรวจสอบฮั่วเจ้ายวนทั้งในแง่ลับและเปิดเผย ผลลัพธ์ที่ได้มาล้วนมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นตลอด นั่นก็คือคนผู้นี้แม้ไม่ถือว่าจงรักภักดีท่วมท้น แต่ไม่ใช่คนกระหายสงคราม
หากเขาสนใจในบัลลังก์ฮ่องเต้ก็น่าจะไม่รอจนถึงบัดนี้แล้วเพิ่งลงมือ นึกถึงตอนนั้นยามที่เขายกทัพกลับเมืองหลวงอีกครั้งแล้วพลิกคดีความ ผู้คนทั่วหล้าต่างก็ตระหนกตกใจ ตอนนั้นเขากุมอำนาจการทหารไว้ในมือ มีสหายร่วมงานเก่าแก่ของตระกูลฮั่วไม่น้อยที่สาบานว่าจะติดตามเขาจนวันตาย ทั่วหล้าล้วนซาบซึ้งในทุกเรื่องที่ตระกูลฮั่วทำไว้ และทุกคนในราชวงศ์ต่างก็รู้สึกละอายใจอย่างสุดซึ้งเช่นกัน
หากตอนนั้นฮั่วเจ้ายวนก่อกบฏ ไม่ว่าสำเร็จหรือไม่ ผู้คนทั่วหล้านี้ล้วนไม่ด่าว่าเขาสักประโยค
บัดนี้เวลาล่วงเลยไปตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว ฮั่วเจ้ายวนกลับมีใจคิดไม่ซื่อเช่นนั้นหรือ
ที่จริงไคเต๋อฮ่องเต้ไม่เชื่อ เพียงแต่ด้วยความที่เป็นฮ่องเต้ ตัวเขานอกจากแบกรับภาระจากประชาราษฎร์แล้ว ยังมีราชวงศ์ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างอีกด้วย เขาจึงจำเป็นต้องแข็งแกร่งและเย็นชาสักเล็กน้อย