มือปราบจ้าวคิดถึงว่าหลายปีมานี้ตนเองไม่เคยรู้เรื่องภายในที่ว่าการอำเภอเลย ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนข้างกายตนเองที่ปิดหูปิดตาเขาเอาไว้ จึงทำให้เขาไม่รับรู้เรื่องราวอะไรในอำเภอชิงเหอเลยสักนิด
มือปราบจ้าวเงียบไปเป็นนานก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ว่า “ครั้งนี้เป็นความผิดข้าเอง”
เขากล่าวจบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ตอนนี้ทำอย่างไรดี”
ลู่เจียวนึกถึงคนที่หลบซ่อนอยู่ในตระกูลสวี่ขึ้นมาได้ จึงรีบกล่าวว่า “ข้าไปตระกูลสวี่สักครั้ง ช่วยพวกเจ้าสืบหาคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ได้นะ ดูว่าจะจับตัวคนผู้นั้นได้หรือไม่ อาจจะได้ความอะไรจากปากคนผู้นั้นบ้าง”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ห้ามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าไม่เห็นด้วยที่เจ้าจะไปเสี่ยงอันตราย ข้าจะคิดหาทางอื่น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็เงยหน้ามองไปยังลู่กุ้ยในห้อง ลู่กุ้ยหัวไวรับรู้ได้ทันที รีบเดินออกไป พี่เขยต้องมีความลับที่ไม่อยากให้เขาได้ยิน
เขาเองก็ไม่อยากได้ยิน อย่างไรเรื่องของพวกเขา เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แม้แต่ฟังก็ฟังไม่เข้าใจ
ลู่กุ้ยออกไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองมือปราบจ้าวกับลู่เจียวกล่าวว่า “แม้ว่าคนถูกฆ่าไปแล้ว แต่พวกเราก็รู้ได้เรื่องหนึ่งจากเหตุการณ์นี้ ที่ทำการอำเภอชิงเหอ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้จริง ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่อาจสังหารคนในคุกที่ว่าการอำเภออย่างราบรื่นเช่นนี้ได้”
“รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ควบคุมที่ว่าการอำเภอ ซื้อตัวทุกคนในที่ว่าการอำเภอไว้ น่าจะใช้เงินก้อนใหญ่มาก เงินทองพวกเขามาจากไหนกัน หากไม่เหนือความคาดหมาย พ่อค้าอำเภอชิงเหอมอบเงินเหล่านั้นให้พวกเขา พวกเขาซ่อนเงินไว้ที่ไหน ขอเพียงพวกเราหาเงินก้อนนั้นเจอ ก็จะเอาผิดพวกเขารับสินบนได้ หลายปีมานี้เงินที่พวกเขารับมา ย่อมต้องตัดสินโทษตายให้พวกเขาได้แล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ แววตามือปราบจ้าวก็ส่องประกายทันที กล่าวขึ้นว่า “ไม่เลว นี่คือช่องทางโจมตีที่ดีมาก ขอเพียงหาเงินที่ตระกูลหยางกับตระกูลเผิงซ่อนไว้เจอก็พอ และข้าสงสัยว่าเงินพวกนั้นไม่ใช่ตั๋วแลกเงิน เพราะตั๋วแลกเงินไม่มีทางเอาไปขึ้นเงินที่ร้านแลกเงินได้ ทันทีที่ขึ้นเงินก็จะเผยความจริงที่พวกเขารับเงิน ดังนั้นเป็นไปได้มากว่าที่พ่อค้าพวกนี้ให้พวกเขาจะเป็นทองก้อนหรือเงินก้อน”
พอมือปราบจ้าวกล่าวจบ ลู่เจียวก็คิดถึงการตายของหลัวซินซื่อ รีบกล่าวว่า “พวกเจ้าว่าหลัวซินซื่อค้นพบเรื่องรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้รับเงินหรือไม่ หรือรู้สถานที่ซ่อนเงินทองของพวกเขา จึงเอาไปข่มขู่พวกเขา”
พอลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับมือปราบจ้าวในห้องก็สบตากัน พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย “มีความเป็นไปได้นี้จริง”
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้าเรียน ก็พาเพื่อนร่วมเรียนทั้งสี่คนของพวกเขาไปด้วย
เดิมห้องเรียนที่เงียบเหงาก็พลันครึกครื้นขึ้นมาทันที จ้าวอวี้หลัวเองก็มา
ประเด็นคือนางมาก็มาไป ยังพาเพื่อนหญิงร่วมเรียนของนางมาด้วย ท่านพ่อนางเลือกหาให้นางทั้งคืน แต่จ้าวอวี้หลัวเป็นเด็กที่มีแผนการในใจมาก นางเลือกเด็กผู้หญิงที่รูปร่างเหมือนถั่วงอก ไม่มีทางมาแข่งสวยกับนางอย่างแน่นอน
จ้าวอวี้หลัวเชิดหน้าราวกับไก่ตัวผู้ พาเด็กหญิงเดินมาหน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ พร้อมกับเดินไปเดินมา
“เห็นหรือยัง พวกเจ้ามี ข้าก็มี นี่คือเพื่อนร่วมเรียนข้า ติงติง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ค้อนขวับใส่นาง นางถูกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ค้อนจนชินแล้วจึงไม่โกรธ ยังถามเอ้อร์เป่าอย่างอยากรู้ว่า “เอ้อร์เป่า เจ้าว่าข้าสวยหรือติงติงสวย”
เอ้อร์เป่าเงยหน้ามองพวกนางนายบ่าวแล้วก็ตอบว่า “น่าเกลียดพอกัน”
จ้าวอวี้หลัวมีสีหน้าตกใจ หันหน้าไปมองติงติง นางถึงกับน่าเกลียดเหมือนติงติง?
จ้าวอวี้หลัวทนความรู้สึกสะเทือนใจนี้ไม่ไหว แผดเสียงร้องไห้ทันที หันหลังวิ่งออกไปเรือนด้านหลัง ฟ้องลู่เจียว
ลู่เจียวกำลังครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่ในเรือนบุปผาของเรือนด้านหลัง ก่อนหน้านี้ตอนกินอาหารเช้า นางคิดถึงเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกลอบสังหาร แท้จริงเป็นผู้ใดแพร่งพรายเรื่องที่เขาเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหูออกไปกันแน่
ทันใดนั้นลู่เจียวก็คิดถึงสวี่ชิงอินตระกูลสวี่ที่จู่ๆๆ ก็มาสนใจคอยตามเซี่ยอวิ๋นจิ่น หากสองเรื่องนี้เกิดขึ้นเดี่ยวๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ตอนนี้พอมาเชื่อมต่อกัน สองเรื่องนี้เห็นชัดว่ามุ่งมาทางเขาและนาง
ลู่เจียวรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ธรรมดา ตระกูลสวี่เหมือนมีคนคิดให้ร้ายเขาและนาง
ไม่ได้การแล้ว นางต้องไปตระกูลสวี่สักครั้ง หาตัวคนผู้นี้ออกมาให้ได้
ลู่เจียวหันหน้าไปมองเฝิงจือกับหร่วนจู๋ จะให้เป็นเพื่อนนางไปตระกูลสวี่
ไม่คิดว่าจ้าวอวี้หลัววิ่งร้องไห้เข้ามาราวกับระเบิดลูกน้อยๆ
“ท่านน้าลู่ เอ้อร์เป่ารังแกข้า”
ลู่เจียวแอบปวดหัว เด็กนี่วันๆ มีแต่เรื่อง
แต่ลู่เจียวไม่คิดอบรมนางตอนนี้ นางกวักมือเรียกนางมาถามว่า “เขารังแกเจ้าอย่างไร”
จ้าวอวี้หลัวรีบปาดน้ำตาทิ้ง ลากติงติงด้านหลังมา “เขาว่าข้าน่าเกลียดเหมือนติงติง”
ลู่เจียวมองติงติง ใบหน้าผอมไม่มีเนื้อหนัง ท่าทางเหมือนไม่ได้รับสารอาหารที่ดีแม้แต่น้อย ดูแล้วไม่สวยจริง ๆ
จ้าวอวี้หลัวเป็นเด็กที่รักสวยรักงามมาก พอเอ้อร์เป่าเอานางไปเปรียบกับติงติง มิน่านางจึงโมโหจนร้องไห้
ลู่เจียวดึงจ้าวอวี้หลัวมาปลอบว่า “ท่านน้าลู่บอกเจ้านะ เด็กผู้ชายแยกความสวยกับน่าเกลียดไม่ออก พวกเขารู้แต่ใครดีกับพวกเขา คนนั้นก็สวย ส่วนหน้าตาดีหรือไม่ พวกเขายังเล็ก แยกแยะไม่ออก ดังนั้นเจ้าอยากให้พวกเขาชมว่าเจ้าสวย ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาให้ดีๆ”
จ้าวอวี้หลัวกะพริบตาปริบๆ มองลู่เจียว “เป็นอย่างนี้เองหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า นางกล่าวตามความเป็นจริง เด็กผู้ชายตอนเด็กไม่ได้มีความคิดเรื่องสวยหรือน่าเกลียดมากนัก รู้แต่ใครดีกับพวกเขา ใครไม่ดีกับพวกเขา
แต่ซานเป่าเป็นข้อยกเว้น เจ้าหมอนี่แต่เล็กชอบคนหน้าตาดีและของสวยงาม
แน่นอนลู่เจียวไม่คิดบอกเรื่องนี้กับจ้าวอวี้หลัว จะได้ไม่ทำให้นางโวยวายไม่จบไม่สิ้น
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็เบนความสนใจไปเรื่องอื่นทันที
“หากกล่าวเช่นนี้ ที่พวกเขาชมเสี้ยวเสี้ยวว่าสวย ก็เพราะเสี้ยวเสี้ยวดีกับพวกเขา ไม่ใช่นางสวย ดังนั้นข้าสวยกว่าเสี้ยวเสี้ยวล่ะสินะ”
จ้าวอวี้หลัวกล่าวจบก็ดีอกดีใจลากติงติงออกไป ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน มองจ้าวอวี้หลัวที่วิ่งออกไป นี่มันอะไรกันเนี่ย
ณ เรือนบุปผา เฝิงจือหัวเราะขำ “เด็กน้อยคิดอะไรก็ว่าอย่างนั้น”
หร่วนจู๋ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “แต่นางหน้าตาสวยจริงนะ”
ลู่เจียวมองหร่วนจู๋ แม้ว่านางเพิ่งรู้จักกับหร่วนจู๋ แต่กลับรู้ว่าหร่วนจู๋เป็นพวกชอบคนหน้าตาดี ชอบของสวยงาม ทั้งยังชอบกิน ที่สำคัญที่สุดก็คือนิสัยนางบริสุทธิ์เปิดเผยมาก
คนเช่นนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ลู่เจียวชอบนางมาก
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ลุกขึ้นสั่งการเฝิงจือว่า “เจ้าแอบไปบอกหลินต้าให้ลากรถม้าไปรอทางประตูข้างตะวันตก ข้าจะไปตระกูลสวี่สักหน่อย”
พอเฝิงจือได้ฟังก็ไม่เห็นด้วย “เหนียงจื่อ ก่อนหน้านี้คุณชายบอกแล้วว่า ยามนี้ท่านกับคุณชายน้อยทั้งสี่ไม่ควรออกไปข้างนอก”
เฝิงจือกล่าวจบ หร่วนจู๋ข้างๆ ก็ยกมือตบกระบี่อ่อนที่เอวกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ รับรองพวกเขามาได้กลับไม่ได้”
ลู่เจียวเหลือบมองหร่วนจู๋แวบหนึ่ง นางยังไม่รู้วิชายุทธ์เด็กสาวผู้นี้ว่าเป็นอย่างไรเลย
แต่ตระกูลเถียนส่งเด็กสาวผู้นี้มาให้ ฝีมือน่าจะไม่เลวกระมัง
ลู่เจียวคิดไปพลางหันไปมองเฝิงจือด้วยสีหน้าจริงจัง “เฝิงจือ เจ้าเป็นสาวใช้ข้าหรือสาวใช้คุณชาย”
เฝิงจือเข้าใจทันทีว่าทำผิดใหญ่หลวงแล้ว ก้มศีรษะกล่าวรับผิดว่า “เหนียงจื่อ ข้าผิดไปแล้ว”
ลู่เจียวมองนางแล้วก็อบรมอย่างไม่เกรงใจ “ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจเรื่องหนึ่ง เจ้าเป็นหัวหน้าสาวใช้ข้า ไม่ว่าตอนไหนก็ต้องฟังคำสั่งข้าปฏิบัติงาน หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าก็ไม่อาจรับเจ้าไว้ต่อไปได้ หากเจ้าอยากจะฟังคำสั่งคุณชายมากกว่า งั้นก็ไปทำงานกับเขา”