พอลู่เจียวกล่าวจบ หลินต้ากับฮวาเสิ่นก็รีบผลักบุตรชายตนเองออกมา
ลูกๆ หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงก็ก้าวออกมา
ลู่เจียวมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ตรงนี้มีเด็กผู้ชายสี่คน พวกเจ้ามาเลือกไปคนละคนเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนเรียนพวกเจ้าแต่ละคน จำไว้ วันหน้าพวกเขาจะร่วมวาสนาร่วมภัยไปกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าทำผิด พวกเขาก็ต้องรับผิดโดนลงโทษด้วย”
ลู่เจียวกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็กวาดตาจ้องมองเด็กชายทั้งสี่ตรงหน้าพร้อมกัน
หลินซี เจ้าหนูน้อยที่ทั้งสี่คุ้นเคยแล้ว ที่เหลืออีกสามคน แฝดสี่ยังไม่คุ้น แต่ก็ไม่มีผลอะไรต่อความอยากรู้ของพวกเขา
ลู่เจียวมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ต้าเป่าก่อน”
ต้าเป่ารู้ความทันที “ท่านแม่ ข้าให้น้องๆ เลือกก่อน”
ลู่เจียวรีบปฏิเสธ “เจ้าเป็นพี่ใหญ่ ยอมให้น้องเป็นความใจกว้างของเจ้า แต่บ้านเราเจ้าเป็นบุตรชายคนโต พี่ชายคนโตราวบิดา มีสิทธิ์ได้เลือกก่อน”
เมื่อก่อนลู่เจียวเห็นว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อายุยังน้อย ดังนั้นจึงปล่อยพวกเขา แต่ตอนนี้ต้องเริ่มปลูกฝังความคิดปกติให้พวกเขาแล้ว
ไม่อาจเป็นเพราะต้าเป่ารู้ความ จึงปล่อยพวกเขาเช่นนี้ หากปล่อยไปเช่นนี้ พวกเขาก็จะไม่รู้ความ ไม่รู้น้ำใจพี่ชาย
พอลู่เจียวกล่าว เจ้าสามหนูน้อยก็รีบกล่าวกับต้าเป่าว่า “ต้าเป่า เจ้าเป็นพี่ชาย เลือกก่อน”
ต้าเป่ามองลู่เจียวแววตาเปล่งประกาย ในใจรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก เขาเลือกก่อนหรือไม่ไม่เป็นไร แต่ท่านแม่ทำเช่นนี้ ทำให้เขาดีใจมาก และการที่ท่านแม่จดจำได้เสมอว่าเขาดีกับน้องๆ นี้ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก เหมือนกับตนเองได้ทำเรื่องที่ดีมาก ทำให้คนยอมรับได้
ต้าเป่าหันไปมองเด็กสี่คน สุดท้ายเลือกหลินซี หลินซีดีใจมาก หันไปคว้ามือต้าเป่ายิ้มกล่าวว่า “คุณชายน้อย วันหน้าข้าจะดูแลท่านอย่างดี”
ต้าเป่ายิ้มกล่าวว่า “ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”
ทั้งสองคนสบตายิ้มให้กัน สานน้ำใจวาสนานายบ่าว
ต่อจากต้าเป่า เอ้อร์เป่าก็ก้าวออกมาเลือก เอ้อร์เป่าเลือกโจวฉางอานบุตรชายคนโตโจวเส้ากง โจว ฉางอานรูปร่างกำยำแข็งแรง เอ้อร์เป่าเห็นแล้วถูกใจ เขารู้สึกว่าวันหน้าโจวฉางอานฝึกยุทธ์เป็นเพื่อนเขาได้ เช่นนี้เขาก็จะได้มีเพื่อนฝึกยุทธกับเขาแล้ว
ต้าเป่า ซานเป่า ซื่อเป่า ความจริงต่างไม่ค่อยชอบฝึกยุทธ เขาคนเดียวก็รู้สึกเบื่อ ตอนนี้มีโจวฉางอาน เขาก็มีเพื่อนฝึกแล้ว ไม่เลวๆ
ซานเป่าเลือกหลี่จินเฉิง บุตรชายหลี่หนานเทียน ชื่อเล่น หยวนเป่า
หยวนเป่าเป็นเด็กผู้ชายรูปงาม ซานเป่าเป็นคนใส่ใจรูปร่างหน้าตา จึงถูกใจหยวนเป่า ดึงเขามากล่าวกับลู่เจียวว่า “ท่านแม่ ข้าเลือกหยวนเป่า”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยมองไปยังซื่อเป่าที่เล็กที่สุด ปกติทุกคนยอมให้ซื่อเป่า ส่วนใหญ่ซื่อเป่าจึงได้เลือกก่อน แต่ครั้งนี้เขาเป็นคนสุดท้าย ผู้อื่นเลือกเหลือแล้ว ลู่เจียวอยากดูว่าเขาจะโมโหหรือไม่
ในใจซื่อเป่ารู้สึกไม่ดีนักจริงๆ ดังนั้นจึงเอาแต่ยืนนิ่งไม่คิดพูดจา ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
โจวโย่วฉินบุตรชายคนรองโจวเส้ากงเป็นเด็กฉลาด เขามองออกว่าซื่อเป่าไม่พอใจ ก็รีบวิ่งเข้าไปดึงมือซื่อเป่ามากล่าวว่า
“คุณชายน้อย ข้าคือเสี่ยวสือโถว ท่านอย่าได้ไม่ต้องการข้า วันหน้าข้าจะดูแลท่านอย่างดี”
ซื่อเป่าได้ยินว่าชื่อเสี่ยวสือโถวก็ตกใจ ถามอย่างอยากรู้ว่า “ทำไมเจ้าก็ชื่อเสี่ยวสือโถว เมื่อก่อนในหมู่บ้านพวกเราก็มีพี่ชายชื่อสือโถว เขาเป็นคนดีมาก”
เสี่ยวสือโถวรีบบอกชื่อเขาออกมา ปรากฏเจ้าสองหนุ่มน้อยพูดกันถูกคอจนลืมคนรอบกายไปหมด
ลู่เจียวมองซื่อเป่าอย่างไร้วาจาจะกล่าว คนช่างเจรจาไปเจอกับคนช่างเจรจาอีกคน คงมีอะไรให้พูดไม่จบกันละ
ลู่เจียวไม่สนใจซื่อเป่าอีก หันหน้าไปมองคนที่เหลือกล่าวว่า “เอาละ วันหน้าก็ทำหน้าที่ที่ได้รับจัดสรรไปก็พอ ข้าไม่ต้องการให้ในบ้านเกิดความวุ่นวายอะไร”
ลู่เจียวกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ทุกคนที่ยืนอยู่ในลานพากันรับคำเสียงดังพร้อมเพรียงว่า “เหนียงจื่อวางใจ พวกเราจะทำงานในส่วนของพวกเราให้ดี”
ลู่เจียวโบกมือให้ทุกคนออกไป ไม่คิดว่านางเพิ่งจะโบกมือ ก็มีเสียงอ่อนแรงดังขึ้นเสียงหนึ่ง “เหนียงจื่อ ข้ายังไม่ได้รับจัดสรรงานเลย”
ลู่เจียวหันไปมองทันที พบว่าคนที่ส่งเสียงขึ้นถึงกับเป็นมารดาตาบอดหลี่หนานเทียน
แม้ว่ายายเฒ่าหลี่ตาบอด แต่ก็ไม่อยากกินข้าวเฉยๆ ดังนั้นจึงกล่าวน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “เหนียงจื่อ ข้าก็ทำงานได้ ท่านจัดสรรงานในห้องครัวให้ข้าทำ ข้าช่วยฮวาเสิ่นทำงานได้”
ลู่เจียวมองหลี่หนานเทียน แววตาหลี่หนานเทียนเต็มไปด้วยความขอร้อง หวังว่าลู่เจียวจะจัดสรรงานให้ท่านแม่เขา
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ รับคำกล่าวว่า “ได้ งั้นวันหน้าเจ้าช่วยฮวาเสิ่นติดเตา เก็บผัก”
ยายเฒ่าหลี่รีบรับคำอย่างกระปรี้กระเปร่า “เจ้าค่ะ วันหน้าข้าจะทำงานให้มากๆ”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย โบกมือให้ทุกคนถอยออกไปทำงานของตน
นางพาเฝิงจือกลับไปห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ตลอดทางมา นางกล่าวกับเฝิงจือว่า “วันหน้าเจ้าก็คือหัวหน้าสาวใช้ข้า ช่วยข้าจัดการงานประจำวัน หลิ่วอันกับหลิ่วฝูสองคนดูแลข้าก็พอ”
ตอนนี้ลู่เจียวดูออกแล้วว่าความสามารถเฝิงจือไม่เลวอย่างมาก
“เหนียงจื่อ ข้าทราบแล้ว”
ลู่เจียวเข้าไปในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น เล่าเรื่องจัดสรรงานคนรับใช้ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟังรอบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “วันหน้าหร่วนไค โจวเส้ากงสองคนก็ติดตามคุ้มกันเจ้า เจ้าก็จะไม่บาดเจ็บง่ายๆ อีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรเช่นนี้ของลู่เจียว เขามองลู่เจียวพร้อมกล่าวจริงจังว่า “เอาหร่วนไคไปคุ้มกันเจ้า ข้ามีโจวเส้ากงก็พอแล้ว หรือว่าหากเจ้าไม่วางใจ ตอนข้าออกไปไหน ค่อยพาหลี่หนานเทียนไปด้วย เช่นนี้ก็จะได้ให้ทั้งสองคนคุ้มกันข้าได้แล้ว”
ลู่เจียวกลับไม่สนใจเขา นางรู้ว่าที่ตัวนางมีเครื่องมือวิเศษแอบขี้โกงอย่างห้วงอากาศ ไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตตนเองแม้แต่น้อย
กลับกัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องการคนอารักขามากกว่า ตอนนี้คนสี่ตระกูลใหญ่ย่อมรู้เรื่องที่เขาไปเป็นที่ปรึกษาหลังม่านให้นายอำเภอหู คนพวกนั้นไม่อยากให้คนมาทำลายสายสัมพันธ์ของพวกเขากับรองนายอำเภอหยาง ย่อมต้องส่งคนมาสังหารเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไม่เสียดายเงินทอง ดังนั้นในตอนนี้ความปลอดภัยเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงสำคัญที่สุด
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว จัดการเช่นนี้แหละ ข้าไม่ได้ออกไปไหน ไม่จำเป็นต้องใช้งานคนเหล่านี้ มีหร่วนจู๋ติดตามก็พอแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ลุกขึ้นเตรียมกลับ
ด้านนอกห้อง ลู่กุ้ยพามือปราบจ้าวเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
พอมือปราบจ้าวเข้ามาก็กล่าวอย่างร้อนใจว่า “อวิ๋นจิ่น ไม่ได้การแล้ว หญิงคนสนิทหลัวซินซื่อที่พวกเราจับตัวมาก่อนหน้านี้ถูกคนฆ่าปิดปากแล้ว”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันแปรเปลี่ยน เขามองมือปราบจ้าวอย่างไม่พอใจ กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ท่านรับรองมาตลอดว่าจัดการดีแล้ว ยังบอกว่าไม่เกิดเหตุอย่างแน่นอน ปรากฏคนถูกลอบฆ่าอีกครั้งแล้ว นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอะไร แสดงให้เห็นชัดว่าที่ว่าการอำเภอท่านทุกคนถูกคนซื้อไปหมดแล้ว”
ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เห็นด้วยที่จะให้นำตัวหญิงคนสนิทหลัวซินซื่อไปขังที่คุกที่ว่าการอำเภอ เขาต้องการหาที่อื่นและหาคนมาเฝ้าไว้ มือปราบจ้าวกลับรู้สึกว่าจับไปเข้าคุกสะดวกกว่า เขาคิดว่าลูกน้องตนเองไว้ใจได้ แต่ตอนนี้ดูท่า พวกเขาก็เหมือนน่าจะถูกซื้อตัวไปแล้ว