ตอนที่ 108 มรดกแห่งจักรพรรดิ หลินไท่ซูสละบัลลังก์!
พระราชวังเทพขนนก วิหารทองคำ
หลังจากผ่านไปหลายทศวรรษ หลินไท่ซูก็หวนกลับมานั่งบนบัลลังก์เทพขนนกอีกครั้ง!
เวลานี้ทุกสิ่งภายในวิหารทองคำล้วนแปรเปลี่ยนไป
เพราะการล่มสลายของราชวงศ์เทพขนนก ทั้งเหล่าขุนนางและเหล่าทหารผู้จงรักภักดีมากมายหายไป ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยจักรพรรดิทั้งเจ็ดซึ่งไม่ใช่ผู้สัตย์ซื่อ ซ้ำยังมีบรรพชนทั้งสิบร่วมด้วย
“ฮึ่ม!”
“ต้นไม้ใหญ่ล้ม เหล่าวานรจึงแตกกระเจิง! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าราชวงศ์เทพขนนกจะมาถึงจุดนี้!”
หลินไท่ซูถอนหายใจหนัก ในเวลานี้ แม้เขาจะแข็งแกร่งและทรงพลัง มิหนำซ้ำยังอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ แต่ทั้งกายและโลหิตกำลังพังทลายลงทีละขั้น!
“พวกข้าจะขอติดตามองค์จักรพรรดิไปจนชั่วชีวิต และขอตายไปกับราชวงศ์เทพขนนก!” เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ ต่างรีบคุกเข่าลงก่อนจะเผยใบหน้าโศกเศร้า
หลินไท่ซูส่ายศีรษะ “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ การล่มสลายของราชวงศ์เทพขนนกถูกกำหนดโดยสวรรค์แล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก่อนที่ข้าจะตายตก สามราชวงศ์ยิ่งใหญ่ย่อมไม่กล้าส่งกองกำลังออกมา พวกเจ้าสามารถไปได้และจะไม่มีผู้ใดกล่าวตำหนิพวกเจ้า!”
“พวกเราสาบานว่าจะติดตามองค์จักรพรรดิไปจวบจนสิ้นชีพ และพวกเราเต็มใจที่จะอยู่หรือตายไปพร้อมกับราชวงศ์เทพขนนก!”
ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ กล่าวยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของหลินไท่ซูพลันผ่อนคลาย “เอาล่ะ เช่นนั้นหลังจากที่ข้าตายตก ความเป็นความตายของราชวงศ์เทพขนนกจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ ยิ่งโศกเศร้า ขณะที่กำลังจะกล่าว หลินไท่ซูกลับแทรกขึ้นว่า
“มังกรไม่อาจขาดผู้ปกครองได้ และราชวงศ์เทพขนนกไม่อาจขาดแคลนผู้นำได้ ทายาทของราชวงศ์ข้าอยู่ที่ใด?”
เมื่อได้ยินสุรเสียงเอ่ย องค์ชายมังกรทั้งห้ายืนขึ้นทันที
เมื่อมองทายาทของราชวงศ์ตรงหน้าแล้ว หลินไท่ซูจึงกล่าวต่อ “ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่การปิดด่านฝึกตน ข้าบอกกล่าวไว้ว่า หากผู้ใดประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดภายในราชวงศ์ ข้าจะส่งมอบตำแหน่งจักรพรรดิเทพขนนกให้ พวกเจ้าคิดว่าในกลุ่มของพวกเจ้า ใครกันที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะขึ้นครองบัลลังก์จักรพรรดิ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์ชายมังกรทั้งห้าก็เริ่มกล่าวคำตั้งแต่แผนการปราบปรามจักรพรรดิทั้งเจ็ด การเอาชนะบรรพชนทั้งสิบ และส่งปราชญ์ยุทธ์ลับไปสยบร้อยอาณาจักรเล็ก
พวกเขาออกค้นหาและต้องการสังหารจวินซ่างด้วยกระบี่ในมือ แต่เรื่องราวทั้งหมดอยู่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น ในเวลานี้ทั้งหมดยังคงพยายามที่จะแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิ!
ทว่าหลังจากที่พวกเขากล่าวคำ สายตาของหลินไท่ซูพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเกรี้ยวกราด
“ไอ้พวกบัดซบ!”
แน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้ว หลินไท่ซูกล่าวตำหนิอย่างรุนแรงแล้วโบกมือคราวเดียว องค์ชายมังกรทั้งห้าถึงกับกระเด็นไปไกล และเมื่อพวกเขาล้มลงกับพื้น ทั้งหมดก็ไม่ถือว่าเป็นองค์ชายอีกต่อไป!
“ท่านพ่อ!”
ทั้งห้ากรีดร้องอย่างหวาดกลัว
“พวกเจ้าทั้งห้าคิดว่าข้าโง่เขลางั้นหรือ? หากพวกเจ้าไม่ริษยาและเกรงกลัวว่าจวินซ่างจะแย่งชิงตำแหน่งของพวกเจ้า ราชวงศ์เทพขนนกของข้านี้จะตกต่ำได้อย่างไร!” หลินไท่ซูกล่าวพร้อมกัดฟันแน่น
“ท่านพ่อ… พวกเรา…” องค์ชายมังกรทั้งห้าเผยใบหน้าตื่นตระหนก
“หากไม่ใช่เพราะความรักระหว่างบิดาและบุตร ข้าย่อมกำจัดพวกเจ้าเพื่อชดใช้ให้กับผู้คนหลายร้อยล้านในราชวงศ์เทพขนนก!”
หลินไท่ซูถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะละสายตาจากองค์ชายทั้งห้า แล้วหันมองไปยังหลัวชิงเซียนกับหนิงฝาน
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากองค์ชายไร้ประโยชน์แล้ว น่าจะเป็นองค์หญิงหลัวชิงเซียนและราชบุตรเขยหนิงฝานที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจส่งต่อบัลลังก์จักรพรรดิเทพขนนกให้กับ… องค์หญิงหลัวชิงเซียน!”
“ท่านพ่อ… ข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หลัวชิงเซียนพลันตกตะลึง นางไม่คิดว่าหลินไท่ซูจะเลือกตนเอง และนางไม่เคยคิดหวังจะรับตำแหน่งผู้ปกครองเมืองเทพขนนก
“บุตรสาวเอ๋ย ราชวงศ์เทพขนนกกำลังประสบปัญหา ในฐานะองค์หญิงเพียงผู้เดียวของราชวงศ์เทพขนนก เจ้าจึงสมควรรับผิดชอบ!”
หลินไท่ซูพยักหน้าให้กับหลัวชิงเซียนพร้อมกล่าวอีกครั้งว่า “ยิ่งกว่านั้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เวลานี้เจ้าอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์แล้ว ย่อมเพียงพอที่จะรับมรดกแห่งจักรพรรดิ และด้วยวิธีนี้จะทำให้ราชวงศ์เทพขนนกมีโอกาสรอดพ้นจากภัยพิบัติ!”
“เรื่องนี้…” หลัวชิงเซียนอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่ไม่อาจทำได้
“อืม… หลินไท่ซู จักรพรรดิรุ่นที่เก้าแห่งราชวงศ์เทพขนนก ขอส่งต่อบัลลังก์จักรพรรดิให้กับองค์หญิงเพียงผู้เดียวแห่งราชวงศ์เทพขนนก หลัวชิงเซียน ให้เป็นจักรพรรดิรุ่นที่สิบแห่งราชวงศ์เทพขนนกสืบไป!”
“หลัวชิงเซียน เตรียมรับมรดกแห่งจักรพรรดิ”
หลังจากหลินไท่ซูกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน มรดกศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์เทพขนนกพุ่งทะยานออกเป็นลำแสงหายเข้าไประหว่างคิ้วของหลิวชิงเซียน
ตู้ม!
พริบตานั้น ร่างบอบบางของหลัวชิงเซียนพลันแข็งค้าง จากนั้นออร่าอันน่าหวาดหวั่นก็ปรากฏออกมา ขอบเขตการฝึกฝนของนางเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน!
ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สอง!
ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สาม!
ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สี่!
…
ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่แปด!
ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่เก้า!
เพียงชั่วอึดใจ ขอบเขตการฝึกฝนของหลัวชิงเซียนก็ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของสวรรค์ขั้นที่เก้าแห่งปราชญ์ยุทธ์… จากสวรรค์ขั้นแรกแห่งปราชญ์ยุทธ์!
การพัฒนาเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
“ลูกเอ๋ย พ่อขอโทษทุกสิ่งที่เคยกระทำกับแม่ของเจ้า หลังจากนี้พ่อขอส่งสมบัติสุดท้ายแก่เจ้า!”
เมื่อเห็นหลัวชิงเซียนก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่เก้า หลินไท่ซูถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะเอื้อมมือแตะระหว่างคิ้วของตนเอง ทันใดนั้นก็เกิดลำแสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายราวกับเขากำลังดึงบางสิ่งบางอย่างออกมา
พรึ่บ!
เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ออกจากร่างแล้ว หลินไท่ซูพลันตกลงจากขอบเขตเทพยุทธ์ทันที
“บุตรสาวของข้า นี่คือพลังเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกรวบรวมโดยจักรพรรดิผู้ที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ได้ ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ได้ในอนาคต แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสามารถนำพาราชวงศ์เทพขนนกให้รอดพ้นภัยพิบัติในอนาคตได้หรือไม่!”
ไป!
เมื่อหลินไท่ซูสะบัดมือ ต้นกำเนิดพลังเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายบนปลายนิ้วทะยานเข้าสู่ระหว่างคิ้วของหลัวชิงเซียนอีกครั้งทันที
หลังจากที่กระทำทุกสิ่งเสร็จสิ้นแล้ว หลินไท่ซูก็มาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เส้นผมของเขากลายเป็นสีขาวโพลน ร่างกายเริ่มห่อเหี่ยวลง แม้แต่พลังจิตวิญญาณยังลดลงอย่างรวดเร็ว!
“องค์จักรพรรดิ!”
“องค์จักรพรรดิ!”
“องค์จักรพรรดิ!”
“…”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้ว วิหารทองคำพลันเต็มไปด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
ท้ายที่สุดแล้ว หลินไท่ซูหันมองไปยังผู้พิทักษ์สุสาน
“ผู้พิทักษ์สุสาน… หรือจวินซ่าง?”
หืม!
ผู้พิทักษ์สุสานร่างกายสั่นสะท้านพร้อมกล่าวตอบอย่างติดขัด “เป็นข้า… จวินซ่าง!”
เมื่อเห็นท่าทีของผู้พิทักษ์สุสานแล้ว หลินไท่ซูพยักหน้ารับ “ขอบคุณที่ท่านคอยปกป้องข้ามานานหลายปี!”
“หามิได้ ทั้งหมดคือสิ่งที่ข้าสมควรทำ!” ผู้พิทักษ์สุสานว่า
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หลินไท่ซูลังเลที่จะเอ่ย เขาไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้ากำลังจะตายตกแล้ว จึงสงสัยว่าข้าผู้นี้มีโชคพอที่จะทราบถึงร่างที่แท้จริงของท่านหรือไม่?”
ผู้พิทักษ์สุสานเงียบไป
เมื่อหลินไท่ซูคิดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะพูด เขาจึงคิดยอมแพ้
ทว่าเสียงที่ทำให้เขาแทบจะไม่เชื่อหูกลับดังขึ้น
“ท่านพ่อตา… ข้าคือจวินซ่าง!”
ตามเสียงนั้น หลินไท่ซูหันมองอย่างกะทันหัน ก่อนจะเห็นว่าเป็นหนิงฝานที่ยืนอยู่เคียงข้างหลัวชิงเซียน
“เจ้า! เป็นเจ้าเอง!”
หลินไท่ซูตกตะลึง
สำหรับหนิงฝาน เขามีความประทับใจต่ออีกฝ่ายอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นี้เข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ตั้งแต่อายุสามสิบ พรสวรรค์นับว่าไร้ผู้ใดเทียบ
แต่หลังจากได้ทราบว่าหนิงฝานตกอยู่ภายใต้คำสาปอมตะ เขาจึงไม่คิดสนใจเรื่องนี้อีก
เวลานี้ไม่คิดถึงเลยว่าจวินซ่างผู้ลึกลับซึ่งคอยช่วยเหลือราชวงศ์เทพขนนกมาตลอดคือ หนิงฝาน!
“ขอบเขตการฝึกฝนของเจ้า?” หลินไท่ซูถามต่อ น้ำเสียงของเขาแหบแห้งลงอย่างรวดเร็ว
หนิงฝานตอบกลับอย่างลับ ๆ ว่า “ข้าต้องขอบคุณท่านพ่อตาที่ให้ข้าอยู่ภายในราชวงศ์เทพขนนก ข้าได้รับโอกาสที่ยอดเยี่ยม อีกไม่นานข้าจะเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์แล้ว!”
“อะไรกัน!!!”
หลินไท่ซูลอบหวาดกลัวอยู่ในใจ แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าจะแสดงท่าทีได้
“ท่านพ่อตา หากข้ายังอยู่ ราชวงศ์เทพขนนก… ย่อมไม่มีวันถูกทำลาย!” หนิงฝานกล่าวคำสัญญา
หลินไท่ซูไม่อาจกล่าวคำใดได้อีก และไม่มีใครทราบถึงอารมณ์ของเขาในเวลานี้ เขาเพียงเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าและราวกับว่ามองเป็นสามราชวงศ์ยิ่งใหญ่ ราชวงศ์ผานอู่ เทพเร้นลับทั้งแปด และราชวงศ์เทพหมื่นอสูร
“ฮ่า ๆๆ”
เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งหมดล้วนแต่แฝงด้วยรอยยิ้ม ความผ่อนคลาย และโล่งใจในแววตา…
พรึ่บ!
ในที่สุด ขณะที่กำลังหัวเราะ ลมหายใจแห่งชีวิตของเขาพลันดับสูญโดยสมบูรณ์
ราชวงศ์เทพขนนกปีที่ 17,999 ของการก่อตั้งราชวงศ์ หลินไท่ซู จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทพขนนกสวรรคต!