ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 170 เติบโต(กลาง)

ตอนที่ 170 เติบโต(กลาง)

​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับมา​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​รีบ​ไป​ต้อนรับ​ ​หลังจาก​คำนับ​เสร็จ​ก็​พา​เขา​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน

​ไท่ฮู​หยิน​ไม่ทัน​รอ​ให้​เขา​ยืน​ตัวตรง​ ​ก็​รีบ​พูด​อย่าง​ร้อนรน​ว่า​ ​“​เหตุใด​จึง​ได้​กลับมา​ช้า​เช่นนี้​”​ ​แล้ว​ชี้​ไป​ยัง​ที่นั่ง​ฝั่ง​ตรงข้าม​เพื่อให้​เขา​นั่งลง

​“​ฝ่า​บาท​ทรง​ให้​ข้า​อยู่​พูดคุย​ต่อ​ ​พอดี​ขุนนาง​ฝ่ายใน​พึ่ง​กลับมา​จาก​เตรียม​พิธี​บวงสรวง​แรก​ของ​องค์​ชาย​ห้า​ ​จึง​นั่ง​อยู่​ต่อ​อีกหน่อย​”

​พิธีศพ​ของ​องค์​ชาย​ห้า​ได้​ทำการ​หารือ​ใน​ราชสำนัก​มาสาม​วัน​ ​ทำการ​ไว้อาลัย​ห้าวัน​ ​แล้ว​วันที่​สิบเอ็ด​เป็น​พิธี​บวงสรวง​แรก

​ไท่ฮู​หยิน​รีบ​ถาม​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​ฝ่า​บาท​ตรัส​ว่า​อย่างไรบ้าง​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​เจื่อน​ๆ​ ​“​กระดาษ​ทอง​หนึ่ง​หมื่น​แผ่น​ ​กระดาษ​เงิน​หนึ่ง​หมื่น​แผ่น​ ​โต๊ะ​อีก​สามสิบ​เอ็ด​โต๊ะ​ ​แกะ​สิบ​เก้า​ตัว​ ​สุรา​เก้า​จอก​ ​ยศ​ที่อยู่​ต่ำกว่า​เชื้อพระวงศ์​ลง​ไป​ ​ตำแหน่ง​ตั้งแต่​เครือญาติ​ของ​แม่ทัพ​ขึ้นไป​ ​ข้าราชการ​ขุนนาง​ระดับ​สี่​ขึ้นไป​ ​และ​บรรดาฮู​หยิน​จะ​มารวม​ตัว​กันที่​ปะรำ​พิธี​เพื่อ​สวดมนต์​ ​ดื่ม​สุรา​และ​คารวะ​”

​ทุกคน​ต่าง​ก็​ตกใจ

​“​กระดาษเงินกระดาษทอง​อย่าง​ละ​หนึ่ง​หมื่น​แผ่น​ ​โต๊ะ​อีก​สามสิบ​เอ็ด​โต๊ะ​”​ ฮู​หยิน​สอง​พึมพำ​ ​“​ดู​มากเกินไป​หรือไม่​…​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​“​ไม่เพียงแต่​ข้า​ ​แม้แต่​ขุนนาง​ฝ่ายใน​ก็​รู้สึก​ว่า​มากเกินไป​ ​แต่​ท่าที​ของ​ฮ่องเต้​นั้น​เด็ดเดี่ยว​มาก​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​ไม่กล้า​พูด​อะไร​มาก​ ​จึง​ตกลง​ตัดสินใจ​ตามนั้น​”

ฮู​หยิน​สอง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เล็กน้อย

​ทั้งสอง​คน​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก

​ไท่ฮู​หยิน​ก็​กำลัง​จม​อยู่​ใน​ห้วง​ความคิด​เช่นกัน

​สือ​อี​เหนียง​ส่งสายตา​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​แล้ว​ทั้งสอง​ก็​ถอย​ออก​ไป​อย่าง​เงียบๆ​

​ได้​เจอ​กับ​จุน​เกอ​ที่​ใบหน้า​แดงก่ำ​และ​เสี่ยว​เสา​สาวใช้​น้อย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ที่​กำลัง​เดิน​เข้ามา​อย่าง​อารมณ์ดี

​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เขา​ก็​พูด​ขึ้น​มา​เสียงดัง​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​วันนี้​ข้า​เตะ​ลูกขนไก่​ได้​สิบเอ็ด​ครั้ง​ ​มากกว่า​เสี่ยว​เสา​ตั้ง​สาม​ครั้ง​”

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​สาวใช้​น้อย​ที่​ห้อมล้อม​เขา​ถือ​ลูกขนไก่​อยู่​หลาย​ลูก​ ​จึง​ได้​รู้​ว่า​พวกเขา​เตะ​ลูกขนไก่​อยู่​ด้านหลัง​จวน​ ​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​ไป​ลูบ​หัว​เขา​ ​“​เตะ​ได้​ตั้ง​สิบเอ็ด​ครั้ง​แล้ว​ ​เก่ง​มาก​ ​เก่ง​มาก​!​”

​เขา​เงยหน้า​แล้ว​ยิ้ม​เล็กน้อย​ด้วย​ความภูมิใจ

​“​ท่าน​พ่อ​ของ​เจ้า​กำลัง​พูดคุย​อยู่​กับ​ท่าน​ย่า​อยู่​ด้านใน​ ​พวกเรา​คุย​กัน​เสียง​เบา​หน่อย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กำชับ​เขา​เสียง​เบา

​จุน​เกอ​รีบ​พยักหน้า​ทันที​ ​พูด​กับ​เสี่ยว​เสา​ด้วย​เสียง​ที่​เบา​ราว​กระซิบ​ว่า​ ​“​พรุ่งนี้​พวกเรา​ค่อย​มา​เตะ​กัน​อีก​”

​เสี่ยว​เสา​ตอบรับ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​สาวใช้​และ​บรรดา​ท่าน​ป้า​ที่​ตาม​จุน​เกอ​เข้ามา​ ​ทยอย​กัน​เข้ามา​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​พึ่ง​จะ​ยืน​ขึ้น​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​และ​สวี​ซื่อ​เจี่ย​นก​็​มา​พอดี

​จุน​เกอ​รีบ​กระซิบ​บอก​กับ​พวกเขา​ทันที​ ​“​ท่าน​พ่อ​กำลัง​พูดคุย​กับ​ท่าน​ย่า​อยู่​ด้านใน​ ​เรา​ต้อง​พูดเสี​ยง​เบา​ๆ​”

​หลาย​วัน​มานี​้​บรรยากาศ​ใน​บ้าน​ค่อนข้าง​ตึงเครียด​ ​เด็ก​ๆ​ ​ต่าง​ก็​รู้ดี​ ​เมื่อ​ได้ยิน​จุน​เกอ​พูด​เช่นนี้​ ​แววตา​ก็​เผย​ให้​เห็น​ความไม่สบายใจ​เล็กน้อย​ ​เดิน​เข้าไป​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​อย่างระมัดระวัง​ ​แต่​ใน​ห้อง​กลับ​มีเสียง​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ดัง​ออกมา​ ​“​ฉิน​เกอ​ ​อวี​้​เกอ​และ​คนอื่นๆ​ ​มากัน​แล้ว​หรือ​”

​“​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​รีบ​ตอบรับ​เสียงดัง​ทันที

​“​เข้ามา​เถิด​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​ต่อว่า​ ​“​อา​สี่​ของ​เจ้า​ก็​อยู่​ที่นี่​”

​สวี​ซื่อ​ฉิน​และ​อีก​สาม​คน​จัดการ​เครื่องแต่งกาย​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ที่​ห้อง​ด้านใน

​สือ​อี​เหนียง​จูงมือ​จุน​เกอ​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตาม​เข้าไป​ด้วย

​เมื่อ​เด็ก​ๆ​ ​ทำความเคารพ​ผู้อาวุโส​เรียบร้อย​ ​คุณชาย​สาม​และฮู​หยิน​สาม​ก็​มาถึง​พอดี

​พวกเขา​ดู​เศร้าหมอง​ ​ผิดแปลก​จาก​ปกติ​ที่​มักจะ​ยิ้ม​อย่าง​ร่าเริง​ด้วย​ใบหน้า​ที่​มีความสุข

​คุณชาย​สาม​เอ่ย​ถาม​เกี่ยวกับ​พิธี​บวงสรวง​แรก​ของ​องค์​ชาย​ห้า​ด้วย​ความเป็นห่วง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เล่า​ให้​ฟัง​เพียง​สั้น​ๆ​ ​ทั้งสอง​คน​อ้าปากค้าง​ ฮู​หยิน​สาม​หัวเราะ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ในเมื่อ​ฝ่า​บาท​ทรง​เมตตา​ถึงขนาด​นี้​ ​แสดงว่า​ยังคง​มี​ความ​โปรดปราน​ต่อ​ฮองเฮา​ของ​พวกเรา​”

​ไท่ฮู​หยิน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​และฮู​หยิน​สอง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ ​บรรยากาศ​ใน​ห้องมืด​ครึ้ม​ลง​ทันที

​คุณชาย​สาม​ตักเตือนฮู​หยิน​สาม​ด้วย​สายตา

ฮู​หยิน​สาม​ถาม​อย่าง​อึดอัด​ว่า​ ​“​สิ่ง​ที่​ข้า​พูดไม่ถูก​ต้อง​หรือ​”

​เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ดังนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ดูเหมือนว่า​จะ​เป็น​เช่นนั้น​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​หันไป​ถาม​สาวใช้​น้อย​ข้าง​กาย​ว่า​ ​“​เจ้า​ไปดู​สิว​่า​อาหาร​เตรียม​เสร็จ​แล้ว​หรือยัง​”

​สีหน้า​ของ​ไท่ฮู​หยิน​และ​อีก​สาม​คน​ผ่อนคลาย​ลง​เล็กน้อย

​เมื่อ​ทุกคน​เห็น​ดังนั้น​ก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

​สาวใช้​น้อย​ตอบรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ ​จากนั้น​คุณชาย​ห้า​กับฮู​หยิน​ห้า​ก็​เดิน​เข้ามา​ด้วย​รอยยิ้ม

​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เหตุใด​พวก​เจ้า​ถึง​ได้มา​กัน​ล่ะ​”

​คุณชาย​ห้า​คำนับ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​ได้​ยกเว้น​การ​มาคา​รวะ​ของฮู​หยิน​ห้า​ไป​นาน​แล้ว

​“​นานๆ​ ​ที​จะ​ว่าง​เช่นนี้​จึง​อยาก​จะ​มาดู​ความ​ครึกครื้น​ที่นี่​ขอรับ​”

​ขณะที่​กำลัง​พูด​สาวใช้​น้อย​ก็​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“​ป้า​ๆ​ ​บอกว่า​พร้อม​ตั้งโต๊ะ​จัด​สำรับ​ได้​ทุกเมื่อ​เจ้าค่ะ​”

​“​เช่นนั้น​ก็​ยก​มา​เลย​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​แล้ว​ลุกขึ้น​ ฮู​หยิน​สอง​รีบ​เข้าไป​พยุง​ ​ทุกคน​พากัน​ย้าย​ไป​ที่​ห้อง​ปีก​ตะวันออก

​หลังจาก​ทานข้าว​เสร็จ​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ไม่ได้​เรียก​ให้​ใคร​อยู่​ต่อ​ ​ให้​ทุกคน​รีบ​กลับ​ไป​พักผ่อน​ ​“​เดี๋ยว​ก็​จะ​ตรุษจีน​แล้ว​ ​แล้ว​ไหน​ยัง​ต้อง​ไปร​่วม​พิธี​บวงสรวง​แรก​กับ​พิธี​บวงสรวง​ใหญ่​อีก​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบรับ​อย่างนอบน้อม​ ​“​ขอรับ​”​ ​ทุกคน​ต่าง​แยกย้าย​กัน​กลับ​เรือน

​เมื่อ​กลับมา​ถึง​เรือน​สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ดู​หม่นหมอง​ ​หลังจาก​ล้างหน้าล้างตา​เสร็จ​ทั้งสอง​ก็​เข้านอน​ ​เขา​นอนหงาย​มอง​ยอด​มุ้ง​พลาง​ถอนหายใจ​ยาว​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​วันนี้​กรม​พิธีการ​มาป​รึก​ษา​เรื่อง​องค์​ชาย​ห้า​ ​ท่าทาง​ของ​ฮ่องเต้​ไม่ได้​ดู​อ่อนโยน​เหมือนปกติ​ ​วันนี้​พระองค์​ทรง​ดื้อรั้น​เป็นอย่างมาก​…​ราวกับว่า​ทุกคน​ต้อง​ฟัง​ข้า​ ​หาก​ต่อต้าน​ก็​จะ​ต้อง​ลิ้มรส​ความตาย​!​”

​เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​ขนลุกซู่​ ​ลุกขึ้น​มานั​่ง​ ​“​ทุกคน​ต้อง​ฟัง​ข้า​ ​หาก​ต่อต้าน​จะ​ต้องตา​ยอย​่าง​นั้น​หรือ​เจ้า​คะ​”

​สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดู​สับสน​เล็กน้อย​ ​ก่อนที่จะ​นึก​ขึ้น​ได้​ ​“​ก็​คง​ไม่​ถึงขนาด​นั้น​…​เพียงแต่ว่า​พระองค์​ทรง​หัวแข็ง​เป็นอย่างมาก​ ​กรม​พิธีการ​เพียงแค่​บอกว่า​ ​‘​ถึงแม้​จะ​จัด​พิธี​ตามธรรม​เนียม​ของ​ราชวงศ์​ ​แต่​กระดาษ​เงิน​กับ​กระดาษ​ทอง​นั้น​ก็​ยัง​ถือว่า​เยอะ​ไป​หน่อย​’​ ​ฮ่องเต้​ก็​ลุกขึ้น​แล้ว​ขว้าง​แท่ง​ฝน​หมึก​ทันที​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​เฮ่อ​กง​กง​ขวาง​ไว้​เกรง​ว่า​ขุนนาง​กรม​พิธีการ​คงจะ​กระอัก​เลือด​สาด​กระเด็น​ไป​ห้า​ฉื่อ[1]แล้ว​…​ข้า​รู้จัก​พระองค์​มานาน​แต่​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เห็น​พระองค์​ทรง​ไม่พอ​พระทัย​ขนาด​นี้​…​ข้า​เห็น​ว่า​พระองค์​อารมณ์ไม่ดี​ ​เมื่อ​ขุนนาง​กรม​พิธีการ​ออก​ไป​แล้วจึง​นั่ง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​เตรียมตัว​จะ​ทูล​ลา​…​ฮ่องเต้​กลับ​เรียก​พบ​ข้า​ตามลำพัง​…​แต่​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​นั่ง​เฉยๆ​ ​อยู่​ใน​ตำหนัก​หน​่​วน​เก๋​ออยู​่​ตั้ง​นาน​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ข้า​ถอย​ออก​ไป​…​”​

​คนที​่​อยู่​ใน​เกม​มักจะ​มอง​ไม่​ออก​ ​แต่​คนที​่​อยู่​ข้างนอก​มักจะ​มองเห็น​ชัดเจน

ฮ่องเต้​เรียกตัว​เขา​ไป​แต่กลับ​นั่ง​เงียบ​ไม่พูดไม่จา​…

​สือ​อี​เหนียง​พยายาม​วิเคราะห์

พระองค์​ทรง​เป็น​ฮ่องเต้​ ​มี​อะไร​ที่​พูด​ไม่ได้​บ้าง

เขา​เป็น​ถึง​โอรส​มังกร​ผู้​ครองแผ่นดิน​…​ย่อม​สามารถ​พูด​อะไร​ก็ได้​ ​แต่​หาก​นับ​ใน​ฐานะ​พระราช​บิดา​ ​การ​ที่​องค์​ชาย​ห้า​ได้​สิ้นพระชนม์​ก็​เข้าใจ​ได้​หาก​เขา​จะ​ซึมเศร้า​เช่นนี้​

​สือ​อี​เหนียง​ถาม​อย่างระมัดระวัง​ว่า​ ​“​แล้ว​ท่าน​โหว​ไม่ได้​พูด​อะไร​กับ​ฝ่า​บาท​เช่นกัน​หรือ​เจ้า​คะ​”

​“​จะ​ไม่​พูด​ได้​อย่างไร​!​ ​แต่​ก็​เป็น​เพียง​คำพูด​ที่​ไม่เกี่ยว​ข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​เท่านั้น​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เบะ​ปาก​อย่าง​จนปัญญา​ ​แววตา​เผย​ให้​เห็น​ความ​ดูถูก​ตัวเอง​ ​“​เจ้า​เอง​ก็​รู้​ท่าที​ของ​อาจารย์​เติ้ง​เป็น​อย่างดี​ ​เขา​อยู่​ที่​สำนัก​ศึกษา​ฮั่น​หลินย​่​วน​มาสา​มสิ​บก​ว่า​ปี​ ​แต่กลับ​ไม่มี​อาจารย์​ที่​เก่ง​พอ​จะ​แนะนำ​ให้​พวกเรา​ ​ดูเหมือน​รีบร้อน​อยาก​จะ​ตัดขาด​ความสัมพันธ์​ ​ข้า​กลัว​เพียงแต่ว่า​หาก​ข้า​พูดมาก​ไป​ก็​จะ​พูด​ผิด​เอา​ได้​!​”​ ​คำพูด​ใน​ตอนท้าย​สะท้อน​ถึง​ความ​โศกเศร้า

การ​ที่​อาจารย์​เติ้ง​รีบ​ตัดความสัมพันธ์​นั้น​หมายความว่า​อย่างไร​กัน​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​

สถานการณ์​ใน​ยาม​นี้​ช่าง​ซับซ้อน​ ​แม้แต่​อาจารย์​เติ้ง​ที่​เป็น​ราชครู​ก็​ไม่​อยาก​เข้าไป​ยุ่ง​ด้วย​อย่างนั้น​หรือ​ ​หรือ​อาจารย์​เติ้ง​คิด​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​ทรง​กำจัด​คนที​่​หมด​ผลประโยชน์​ ​เขา​จึง​ไม่​อยาก​เข้าใกล้​สกุล​สวี​มากเกินไป​?​ ​หรือ​เพราะ​ตอนนี้​เขา​มีเกียรติ​ยศ​เป็น​ราชครู​แล้วจึง​อยาก​จะ​ปลีก​วิเวก​ก็​เท่านั้น​?

​สือ​อี​เหนียง​ตัดสินใจ​พูด​ออก​ไป​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ท่าน​เคย​พูดว่า​หลัง​ตรุษจีน​นี้​จะ​ลาออก​จาก​ราชการ​ไม่ใช่​หรือ​ ​ข้า​คิด​ว่า​เหตุใด​จึง​ไม่​ออก​ตั้งแต่​ตอนนี้​เสีย​เลย​ล่ะ​เจ้า​คะ​…​”

​นาง​คิดถึง​การ​เปลี่ยนไป​ของ​คุณชาย​สาม​และฮู​หยิน​สาม​ใน​ช่วงเวลา​นี้

เมื่อ​รู้​ว่า​จะ​ได้​ออก​ไป​อยู่​นอก​จวน​ ​สอง​สามีภรรยา​ก็​ยิ้มแย้มแจ่มใส​ทั้งวัน​ ฮู​หยิน​สาม​ก็​รีบ​ไป​บอก​ผู้ดูแล​ว่า​ตนเอง​ดูแล​จัดการ​เรือน​อย่างไรบ้าง​ราวกับ​เผือก​ร้อนใน​มือ​ ​สุดท้าย​แล้วก็​เป็นเพราะว่า​มีความหวัง​ที่จะ​ได้​มีชีวิต​ใหม่​จึง​ได้​เปลี่ยนไป​เช่นนี้​ ​หาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ผิดคำพูด​ ​แน่นอน​ว่า​เรื่อง​นั้น​ย่อม​มีเหตุผล​ของ​มัน​ ​และ​ย่อม​ผิดหวัง​เป็นอย่างมาก​ ​เป็นไปไม่ได้​ที่สอง​สามีภรรยา​จะ​ไม่มี​ความคับแค้นใจ​แม้แต่น้อย​ ​จะ​ได้​เป็น​ผู้ดูแล​จวน​หรือไม่​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​ร้องขอ​ ​สถานการณ์​ใน​ตอนนี้​นาง​รู้สึก​ว่า​ผ่อนคลาย​ยิ่งกว่า​การ​ได้​เป็น​ผู้ดูแล​จวน​เสียอีก​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ถึงแม้ว่าฮู​หยิน​สาม​จะ​มี​ความโลภ​อยู่​บ้าง​แต่​ ​‘​น้ำ​ใสสะอาด​เกินไป​…​ย่อม​ไร้​ปลา​ ​คนที​่​เข้มงวด​เกินไป​…​ย่อม​ไร้​ซึ่ง​บริวาร​’​ ​ไม่ว่า​ใคร​จะ​นั่ง​ตำแหน่ง​นั้น​ผลลัพธ์​ก็​เหมือนกัน​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ที่ฮู​หยิน​สาม​ทำ​ก็​ถือว่า​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว​ ​ตัด​บุคลากร​ออก​ไป​ไม่น้อย​ ​ค่าใช้จ่าย​ใน​เรือน​ก็​น้อยกว่า​ตอนที่​หยวน​เหนียง​เป็น​ผู้ดูแล​…

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​เจื่อน​ๆ​ ​“​ทำไม​ข้า​จะ​ไม่​อยาก​ทำ​เช่นนั้น​ ​แต่​ในเวลานี้​เกรง​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​คิด​ว่าการ​ที่​ข้า​ถอย​ออกมา​นั้น​ก็​เพื่อที่จะ​บุก​ ​ทำให้​มี​ช่องว่าง​เกิดขึ้น​”

​เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​“​ท่าน​แม่​บอกว่า​ตอนที่​ท่าน​ยัง​เด็ก​ท่าน​มักจะ​เข้า​วัง​ไป​เยี่ยม​ฮ่องเต้​อยู่​บ่อยๆ​ ​ฮ่องเต้​ทรง​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน​โหว​เหมือน​พี่น้อง​แท้ๆ​ ​ตอนที่​ท่าน​ตี​หัว​ซุ่น​อ๋อง​ก็​เป็น​ฮ่องเต้​ที่​ช่วย​คิด​หาวิ​ธี​ปกปิด​ให้ท่าน​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​แววตา​หม่นหมอง​ ​“​นั้น​มัน​เรื่อง​ตั้งแต่​ตอน​เด็ก​ๆ​ ​แล้ว​…​”

​สือ​อี​เหนียง​กลับ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ถึง​จะ​อย่างนั้น​ก็ตาม​ ​แต่​ความรู้สึก​ใน​วัยเด็ก​ก็​ยังคง​อยู่​ ​เมื่อ​สอง​วันก่อน​ท่าน​ก็ได้​เล่า​ให้​ข้า​ฟัง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ตอน​เด็ก​ๆ​ ​ที่​ท่าน​ได้​อยู่​กับ​ฮองเฮา​ไม่ใช่​หรือ​ ​ก็​ใช่​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​จำ​เรื่อง​นั้น​ไม่ได้​แล้ว​”​ ​น้ำเสียง​ของ​นาง​ฟัง​ดู​สบาย​ๆ​ ​และ​ค่อนข้าง​เบา​ ​ใน​ค่ำคืน​เงียบสงัด​เช่นนี้​ ​เสียง​ของ​นาง​ราวกับ​ถ้วย​ชาร้อน​ที่​ให้ความรู้​สึก​อบอุ่น​ใน​หัวใจ​ของ​คนฟัง​ ​“​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ตอนนั้น​ท่าน​ก็​ยัง​เล็ก​ ​มี​อะไร​ที่​ไม่​อาจ​พูด​ได้​บ้าง​ ​แม้ว่า​จะ​เป็นการ​พึ่งพาอาศัย​หรือ​อึดอัด​ใจ​ก็​สามารถ​พูด​ประโยค​ที่​ลำบากใจ​ออกมา​ได้​…​”

ไม่ว่า​ฮ่องเต้​จะ​เป็นห่วง​หรือ​จะ​ห้าม​ ​แต่​อย่างไร​ก็​ต้อง​ห่วง​สกุล​สวี​อย่างแน่นอน​ ​เรื่อง​ใน​เรือน​ก็​ใช่​ว่า​จะ​ปิดบัง​สายตา​ของ​ฮ่องเต้​ได้​ ​ไม่​สู้​เล่น​บท​เศร้า​และ​ซื่อสัตย์​ต่อ​ฮ่องเต้​ ​เปิดเผย​เรื่อง​ใน​จวน​อย่าง​อ่อนน้อม​ ​ประการ​แรก​เพื่อที่จะ​สามารถ​หลีกเลี่ยง​ไม่​ให้​ฮ่องเต้​คิด​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​เล่นกล​อุบาย​เพื่อ​รุก​กลับ​ ​ประการ​ที่สอง​เพื่อ​ลด​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ฮ่องเต้​กับ​ขุนนาง​ให้​จาง​ลง​แล้ว​เน้น​ความสัมพันธ์​ของ​เครือญาติ​แทน​ ​ประการ​ที่สาม​เพื่อที่จะ​เปลี่ยน​ภาพลักษณ์​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สกุล​สวี​ให้​อ่อนแอ​ลง​ ​บุรุษ​มักจะ​ใช้​ประสบการณ์​เป็น​เกณฑ์​ใน​การ​วัด​ความสามารถ​ ​ใน​ด้าน​นี้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็นยอด​ฝีมือ​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ​หาก​ผู้​ที่​แข็งแกร่ง​เช่นนี้​มีปัญหา​ที่​ไม่​อาจ​แก้ไข​ได้​ ​ทำได้​เพียง​อดทน​ ​เชื่อ​ว่า​ฮ่องเต้​ต้อง​วัด​ความสามารถ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใหม่​ ​แม้กระทั่ง​ยินดี​ที่​เห็น​ความขัดแย้ง​ภายใน​สกุล​สวี​ ​และ​มี​ความเป็นไปได้​สูง​ที่​การเข้าสู่​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ของ​คุณชาย​สาม​จะ​ราบรื่น​ขึ้น

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไตร่ตรอง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก็​เข้าใจ​เจตนา​ของ​ภรรยา​ ​เขา​เงียบ​อยู่นาน

ถึงอย่างไร​เขา​ก็​เป็น​ทายาท​สกุล​สูงศักดิ์​ ​มี​ความภูมิใจ​ลึก​ลง​ไป​ใน​กระดูก​ ​การ​ให้​เขา​ออกจาก​ราชการ​เพราะ​เรื่อง​แบบนี้​ ​เกรง​ว่า​เขา​จะ​รับ​ไม่ได้​ใน​ระยะเวลา​หนึ่ง

​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​ตัวเอง​จะ​สามารถ​เปลี่ยนใจ​เขา​ได้​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​คนที​่​ประสบความสำเร็จ​มักจะ​ไม่​ยึดติด​กับ​เรื่องเล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​ผู้​ที่​ประสบความสำเร็จ​ย่อม​มี​คนรุ่นหลัง​พูดถึง​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ผู้ชนะ​ย่อม​ไม่มีใคร​ตำหนิ​ ​ส่วน​ผู้แพ้​นั้น​ยาก​ที่จะ​แก้ตัว​…​”

​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​ก็​อด​จ้องมอง​ภรรยา​ไม่ได้​ ​เขา​จมดิ่ง​สู่​ห้วง​ความคิด

​******

​วันที่​สิบเอ็ด​พิธี​บวงสรวง​แรก​ได้​จัด​ที่​ประตู​ซือ​ซ่าน​ ​วันที่​สิบสอง​ขุนนาง​ใน​กรมพระราชวัง​ทำพิธี​บวงสรวง​องค์​ชาย​ห้า​ ​จัดงาน​ยิ่งใหญ่​อลังการ​ ​กระดาษ​ทอง​และ​เงิน​อย่าง​ละ​สอง​พัน​แผ่น​ ​โต๊ะ​อีก​ห้า​โต๊ะ​ ​แกะ​ห้า​ตัว​ ​สุรา​ห้า​จอก​ ​วันที่​สิบ​สาม​จัด​พิธี​บวงสรวง​ใหญ่​ ​ฮ่องเต้​จะ​เสด็จ​มา​เคารพ​ศพ​ด้วย​พระองค์​เอง​ ​ทรง​เปลี่ยน​จาก​สุรา​เก้า​จอก​เป็น​สุรา​ห้า​จอก​ ​ในเวลานี้​ฮองเฮา​ทรงพระ​ประชวร​ ​ฮ่องเต้​จึง​มี​รับสั่ง​ให้​ไท่ฮู​หยิน​และฮู​หยิน​หย่ง​ผิง​โหว​เข้ามา​เยี่ยม​ใน​วัง​หลวง

​ไท่ฮู​หยิน​กังวลใจ​ ​ไม่ได้​นอน​ทั้งคืน​ ​เช้า​วันรุ่งขึ้น​นาง​พาสื​ออี​เหนียง​ไป​ที่​ตำหนัก​คุน​หนิง​ด้วย​สีหน้า​อ่อนเพลีย

​บรรยากาศ​ใน​ตำหนัก​คุน​หนิง​ค่อนข้าง​ตึงเครียด​ ​ไท​เฮา​มา​เยี่ยม​เร็ว​กว่า​พวก​นาง​หนึ่ง​ก้าว​ ​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สือ​อี​เหนียง​ยืน​รอ​อยู่​ข้างนอก​นาน​กว่า​สอง​ชั่ว​ยาม​ ​เมื่อถึง​ตอนกลางวัน​ไท​เฮา​จึง​ได้​ลุกขึ้น​แล้ว​กล่าว​ลา

​ฮองเฮา​ออกมา​ส่ง​ด้วยตัวเอง

​สือ​อี​เหนียง​สังเกตเห็น​ว่า​ถึงแม้นาง​จะ​แต่งหน้า​งดงาม​ ​แต่​แววตา​กลับ​เศร้าหมอง​ ​ความเหนื่อย​บน​ใบหน้า​ที่​ยาก​จะ​ปกปิด​ ​ใน​ใจ​จึง​อด​รู้สึก​เป็นกังวล​ไม่ได้

————–

[1]ฉื่อหน่วย​วัด​จีน​ โดย​ ​1​ ​ฉื่อ​ ​เท่ากับ​ ​10​ ​นิ้ว​ ​หรือ​ราวๆ​ ​1​ ​ฟุต

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท