ยังจะประลองอีก?
นางในแทบจะคุกเข่าลง องค์หญิงของข้าเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้
“ย่อมต้องประลอง” องค์หญิงจินเหยาร่าเริง “ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าจะประลองกับทั้งสองคน ผู้ใดชนะข้า ผู้นั้นฝีมือดีที่สุด เวลานี้จื่อเย่ว์ประลองแล้ว ถึงคราวของตันจูแล้ว”
เฉินตันจูตอบรับ พลางถลกแขนเสื้อพลางพูด “หม่อมฉันย่อมต้องประลองกับองค์หญิงสักครั้ง มิฉะนั้นก่อนหน้านี้คงไม่ให้อาเถียนไปสอนองค์หญิง หม่อมฉันยังต้องเอาชนะองค์หญิง คงจะไม่สอนสิ่งที่หม่อมฉันเป็นให้องค์หญิง”
ที่แท้ก็เช่นนี้หรือ องค์หญิงจินเหยาหัวเราะ “มา มา ดูให้ดีผู้ใดจะชนะ”
เฉินตันจูชะงักฝีเท้าลง พินิจองค์หญิงจินเหยา ส่ายหัว “ไม่ได้ ไม่ได้ องค์หญิงประลองกับแม่นางจื่อเย่ว์ก่อนหน้านี้แล้ว เวลานี้หม่อมฉันประลองกับองค์หญิงจะไม่เป็นธรรม”
ดังนั้น ประลองวันหลังหรือ โจวเสวียนยิ้มอยู่ด้านข้าง หากเป็นเช่นนี้เรื่องนี้นางสามารถข้ามผ่านไปอย่างไม่เสียแรง ช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์เสียจริง
หลิวเวยและเหล่านางในต่างโล่งอก เช่นนี้ย่อมดีที่สุด
องค์หญิงจินเหยาขมวดคิ้ว “ข้าไม่เหนื่อย” สายตาที่มองไปยังเฉินตันจูไม่พึงพอใจนัก ไม่ว่าจะเพื่อปกป้องเกียรติยศขององค์หญิงหรือไม่ต้องการดึงตนเองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่การกระทำนี้นางชอบใจยิ่งนัก
เฉินตันจูพูดอย่างตั้งใจ “องค์หญิงไม่รู้สึกเหนื่อยก็ไม่ได้ อย่างไรท่านประลองไปแล้ว เพื่อความยุติธรรม…หม่อมฉันตัดสินใจว่าหากหม่อมฉันทำให้องค์หญิงแพ้ภายในหนึ่งกระบวนท่าไม่ได้ หม่อมฉันขอยอมแพ้”
เอ๊ะ? หลิวเวยและเหล่านางในผงะไป ดังนั้นยังคงประลองต่อ?!
คิ้วขององค์หญิงจินเหยาคลายออก ยิ้มขึ้น “หนึ่งกระบวนท่า ไม่ยุติธรรมต่อเจ้าหรือไม่”
“ไม่เพคะ” เฉินตันจูยื่นนิ้วออกมาด้วยรอยยิ้ม “การประลองหนึ่งกระบวนท่า วิธีการสำคัญกว่ากำลัง หากสามารถชนะด้วยวิธีนี้ ย่อมสามารถพิสูจน์ว่าหม่อมฉันฝีมือดี อีกทั้งไม่เป็นการเอาเปรียบองค์หญิงที่ไม่มีกำลัง”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะ “เจ้าน่ะ อย่าได้มั่นใจถึงเพียงนี้ ทำราวกับว่าเจ้าจะเอาชนะได้เพียงหนึ่งกระบวนท่าเสียจริง มาๆ ดูว่าผู้ใดจะเอาชนะได้ในหนึ่งกระบวนท่า!”
เหล่านางในระอา ส่วนอาเถียนมัดเสื้อให้เฉินตันจูอย่างตื่นเต้น
“ตันจู” หลิวเวยพูดเสียงเบากับนาง “เจ้าระวังเสียหน่อย อย่าได้ทำให้องค์หญิงบาดเจ็บ”
ไม่ว่าอย่างไร การประลองก็คือการประลอง หากทำให้องค์หญิงบาดเจ็บ องค์หญิงไม่สนใจ แต่ด้านหลังองค์หญิงยังมีฮ่องเต้และฮองเฮา
“เหมือนดั่งจื่อเย่ว์ เสมอก็พอแล้ว” นางพูดเสียงเบา “เช่นนี้เจ้าดี ข้าดี ทุกคนดี”
นางไม่ได้ขุ่นเคือง เสียใจหรือเกรงกลัวที่ถูกเฉินตันจูลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องขององค์หญิง แต่ยังกังวลและเป็นห่วงนางด้วยความจริงใจ เฉินตันจูจับมือของหลิวเวย กล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง “พี่เวยเวย พี่เป็นแม่หญิงที่ดีมากเสียจริง”
หลิวเวยหน้าแดง สะบัดมือของนางออก “เวลานี้แล้วเจ้าพูดเรื่องนี้ทำอันใด!”
เฉินตันจูยิ้ม หันหลังเดินมาทางองค์หญิงจินเหยา “หม่อมฉันมาแล้ว…”
องค์หญิงจินเหยายิ้มพร้อมยืนนิ่ง “มา…”
ส่วนระยะไกลออกไป เมื่อเห็นทางนี้ องค์หญิงจินเหยาถูกคนดึงขึ้นมาจากพื้น ทุกคนกำลังสนทนาบางอย่างกัน ไม่ได้มีการลงมืออีก อีกทั้งไม่มีคนถูกลงโทษ เหล่าฮูหยินตระกูลฉางและคนอื่นต่างวางใจลง นางถามนางในคนนั้น “ไม่มีอันใดแล้วหรือไม่ องค์หญิงทางนั้นไม่ต้องการคนปรนนิบัติหรือ พวกเรารีบพยุงกลับเข้าด้านในเถิด”
นางในรั้งคนเหล่านี้เอาไว้ แต่จิตใจอยู่ทางองค์หญิง มองดูเหตุการณ์ทางนั้น ก่อนจะมองเฉินตันจูส่ายหัว จากนั้นเห็นสีหน้าดีใจของนางในคนอื่น…
“คงจะไม่มีเรื่องแล้ว…เหล่าฮูหยินท่านคิดมากแล้ว เดิมทีก็ไม่มีเรื่องอันใด!” นางในพูด ก่อนจะมองเหล่าฮูหยินตระกูลฉางด้วยสีหน้าเย็นชา
เหล่าฮูหยินตระกูลฉางรีบตอบรับ “ใช่ ใช่ ไม่มีเรื่องใด ไม่…อ้า!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางร้องตะโกนเสียงดังออกมา สายตามองข้ามผ่านนางในไปทางนั้นด้วยความตกตะลึง
ฮูหยินด้านข้างและด้านหลังของนาง รวมไปถึงเหล่าคุณหนูต่างร้องเสียงหลงออกมา
นางในตกใจกับเสียงร้องอย่างพร้อมเพรียงนี้ เมื่อหันหน้ามองไปด้านหลัง เห็นเพียงเฉินตันจูพุ่งตรงไปทางองค์หญิงจินเหยาราวกับกระทิง ยังไม่ทันได้มองอย่างชัดเจนว่าเกิดเรื่องใดขึ้น องค์หญิงจินเหยาก็ถูกชนล้มลงกับพื้น จากนั้นถูกเฉินตันจูทับไว้บนตัว…
“อ้า…เช่นนี้!” คุณหนูคนหนึ่งในกลุ่มคนกรีดร้องออกมา คุณหนูคนนี้เคยดูเฉินตันจูตีคุณหนูเกิ่งเสวี่ย “นางตีคนเช่นนี้ ทำให้คนล้มภายในครั้งเดียว!”
ดังนั้น เฉินตันจูตีคนอีกแล้ว ไม่ใช่บนภูเขาดอกท้อ หากแต่เป็นในงานเลี้ยงของตระกูลฉาง อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง…บางที ตระกูลฉางก็ต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว เหล่าฮูหยินตระกูลฉางรู้สึกหูอื้อขึ้นมา ขาของนางอ่อนระทวย โชคดีที่สะใภ้สองคนด้านข้างพยุงเอาไว้จึงไม่ได้ล้มลง
องค์หญิงจินเหยารู้สึกเพียงวิงเวียน จากนั้นหูทั้งสองข้างมีแต่เสียงอื้อ หายใจลำบาก…มือข้างหนึ่งบีบคอของเฉินตันจูเอาไว้
นางมองดูหญิงสาวด้านบน ดวงตาดุจดั่งดาวในยามค่ำคืน
ความเจ็บปวดที่ถูกกระแทกล้มลงกับพื้นอย่างกะทันหันส่งมา ทำให้องค์หญิงจินเหยาตั้งสติได้ นางสามารถรับรู้ได้ว่าลำคอ หัวไหล่ เอวและขาถูกกดทับเอาไว้…
“อ้า องค์หญิง!”
“คุณหนู คุณหนู อดทนไว้!”
ด้านข้างมีเสียงตะโกนของนางในและอาเถียนดังขึ้น
กระบวนท่าของเฉินตันจูนี้เพียงแค่แรงไปบ้าง แต่อันที่จริงเป็นวิธีเดียวกับจื่อเย่ว์ก่อนหน้านี้ เพียงแค่ใช้แรงขาและเอวออกแรง…
องค์หญิงจินเหยาเริ่มออกแรง แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร หัวไหล่และขาที่ถูกกดทับเอาไว้ก็ยากที่จะขยับเขยื้อน
“นับถึงเท่าใดแล้ว” เฉินตันจูตะโกนเสียงดัง “คุณชายโจว ท่านนับหรือไม่”
โจวเสวียนเข้าใกล้ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เขามองนางจากด้านบน ก่อนจะยกมือขึ้นช้าๆ “นับอยู่…”
องค์หญิงจินเหยาดิ้นแรงมากขึ้น นางในด้านข้างคุกเข่าอยู่ข้างตัว มองดูใบหน้าแดงก่ำขององค์หญิง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ก่อนจะอดร้องไห้ออกมาไม่ได้ “รีบปล่อยออก รีบปล่อยองค์หญิงของพวกเรา!”
เฉินตันจูมองดูองค์หญิงจินเหยา หางตาเหลือบเห็นโจวเสวียน ลมหายใจของนางแทบจะชะงักไป ในที่สุดก็เห็นมือของโจวเสวียนวางลง
“หมดเวลา!” เสียงของเขาดังชัด
เฉินตันจูปล่อยมือโถมตัวเข้ากอดองค์หญิงจินเหยาเอาไว้ พร้อมทั้งร้องไห้ขึ้นมา “ขออภัยเพคะองค์หญิง ขออภัยเพคะองค์หญิง หม่อมฉันทำให้ท่านเจ็บ”
องค์หญิงจินเหยาที่หลั่งน้ำตาในเดิมทีร้องไห้ไม่ออกเมื่อเห็นนางร้องไห้ พลางไอพลางตบหลังนางเบาๆ “เจ้าร้องไห้อันใด ข้าควรจะเป็นคนร้องไห้ถึงจะถูก”
หลิวเวยที่อยู่ด้านข้างก็คุกเข่าร้องไห้ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ทันใดนั้นหญิงสาวรอบด้านล้วนร้องไห้ ทำให้โจวเสวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างแปลกประหลาด
“นี่” เขาพูด “ทำอย่างกับข้าตีพวกเจ้าเสียอย่างนั้น”
เฉินตันจูกอดองค์หญิงจินเหยาพร้อมหันหน้ามามองเขา น้ำตาหลั่งไหลดุจสายฝน “คุณชายโจว หากไม่ใช่ท่าน พวกข้าก็ไม่ต้องทำเช่นนี้”
โจวเสวียนก้มตัวจับนางเอาไว้ กระซิบข้างหูนาง “เฉินตันจู หากเจ้ายอมถูกตีดีๆ ก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
การกระทำของเขารวดเร็วเกินไปจนคนอื่นมองไม่ทัน ยิ่งไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูด เห็นเพียงแต่โจวเสวียนดึงเฉินตันจูและองค์หญิงจินเหยาลุกขึ้นมาด้วยมือละคน ก่อนที่มือจะพยุงคนทั้งสองให้ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง
โจวเสวียนชักมือกลับ ก่อนจะเดินถอยออกมา “การประลองจบแล้ว องค์หญิงประกาศผู้ชนะได้”
องค์หญิงจินเหยาเช็ดน้ำตา จับมือเฉินตันจูด้วยรอยยิ้ม “ย่อมต้องเป็นเฉินตันจูที่ชนะ” นางมองไปยังสาวรับใช้จื่อเย่ว์อีกครั้ง “จื่อเย่ว์กับข้าเสมอกัน เฉินตันจูชนะข้า นางย่อมชนะเจ้า เจ้ายอมแพ้หรือไม่”
จื่อเย่ว์หลุบตาต่ำตอบรับ “จื่อเย่ว์ยอมแพ้”
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “ดี เรื่องนี้จบสิ้นแล้ว”
หลิวเวยเดินขึ้นหน้า “องค์หญิง ถึงแม้จะไม่เหมาะสม แต่เชิญองค์หญิงอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเถิด”
องค์หญิงจินเหยานึกสภาพของตนเองขึ้นมาได้ ถึงแม้จะไม่เห็นหน้า แต่ก้มหน้าเห็นเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายก็พอรู้ว่าอนาถเพียงใด
“ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม ข้านำเสื้อผ้าเครื่องประดับมาด้วย” องค์หญิงสั่งนางใน “ไปหยิบมาเถิด”
หลิวเวยเรียกขานชุนเหมียว “เร็ว เตรียมพื้นที่อาบน้ำให้องค์หญิง”
ชุนเหมียวตกใจอย่างมาก เวลานี้ถูกเรียกสติกลับมา จึงนำสาวรับใช้จากไปอย่างโซซัดโซเซ ไม่เห็นเหล่าฮูหยินตระกูลฉางและคนอื่นที่ถูกรั้งเอาไว้ในระยะไกล
สภาพของเหล่าหญิงสาวไม่งามเพียงนี้ โจวเสวียนขอตัวจากไป จื่อเย่ว์เดินตามไป ก่อนจากไปนางมองเฉินตันจูด้วยสายตาโกรธแค้น
เฉินตันจูเห็นสายตานั้น มองไปยังนาง จื่อเย่ว์เบนสายตากลับมาย่างเท้าเดินไปด้านหน้า
“หยุดก่อน” เฉินตันจูตะโกน
จื่อเย่ว์หยุดยืนแต่ไม่ได้หันกลับไป โจวเสวียนหันกลับไปมอง
“เหตุใด” เขาถามด้วยรอยยิ้มมีนัย “คุณหนูตันจูชนะแล้วยังไม่ยอมอีกหรือ”
เฉินตันจูพูด “ข้ามีบางอย่างอยากถามจื่อเย่ว์” นางเดินมาถึงด้านหลังจื่อเย่ว์
จื่อเย่ว์หันหลังกลับมามองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าไม่ยอมใช่หรือไม่” เฉินตันจูถาม “คิดว่าข้าไม่เก่งเท่าเจ้าใช่หรือไม่”
บางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้อยู่ต่อหน้าองค์หญิง หรือบางทีอาจเพราะการท้าทายของเฉินตันจู ความแค้นภายในใจของจื่อเย่ว์ปิดบังไม่อยู่อีกต่อไป ไม่รอโจวเสวียนสั่ง นางก็พูดขึ้น “เฉินตันจู เจ้าชนะได้อย่างไรเจ้ารู้ดีอยู่ภายในใจ”
เฉินตันจูยิ้มตาหยี “สาเหตุที่เจ้าชนะได้แต่ไม่ชนะเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะขี้ขลาดหรือ”
“ข้าไม่ได้ขี้ขลาด” จื่อเย่ว์กัดฟันพูด “ความเก่งที่เจ้าว่า เพียงแค่เพราะมีองค์หญิงปกป้องเจ้า”
เฉินตันจูยิ้มบาง ถามขึ้น “แม่นางจื่อเย่ว์ คุณชายโจวบอกว่าเจ้าติดตามบิดาโจมตีเมืองโจว หากบิดาของเจ้าจงรักภักดีต่อเมืองโจว เจ้ายังกล้าบุกรุกเมืองโจวหรือไม่”
จื่อเย่ว์ผงะ เช่นนั้นย่อม…
“เจ้าไม่กล้า แต่ข้ากล้า แม้แต่ท่านพ่อข้ายังกล้าทรยศ ตีองค์หญิงข้าจะไม่กล้าได้อย่างไร แม่นางจื่อเย่ว์ เพื่อชัยชนะ ข้าไม่มีเรื่องใดที่ไม่กล้าทำ” เฉินตันจูเข้าใกล้นาง สายตาลึกซึ้ง “ดังนั้น ข้าเก่งกว่าเจ้า”