หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 639

ตอนที่ 639

บทที่ 639 กระจัดกระจาย!
ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่สามารถหลบฝูงงูเหลือมได้ทันจึงถูกเขมือบทั้งเป็น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจมหายไปท่ามกลางเสียงร้องคำรามลั่นของกองทัพศพ เหล่าผู้ฝึกตนไม่มีทางเลือกอื่น ต้องกระจายตัวกันออกไปเพื่อหลบการโจมตีของฝูงงูเหลือมยักษ์

หวังเป่าเล่อเองก็รีบถอยหนี งูเหลือมยักษ์พุ่งเข้ามาหาเขาจากทางขวาพร้อมกับร้องคำราม พยายามจะเขมือบชายหนุ่มทั้งเป็น แต่พลังของหวังเป่าเล่อนั้นทัดเทียมกับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ เกราะจักรพรรดิลักอัคคีปรากฏชึ้นทันใด ดวงตาของเขาฉายแสงเย็นเยียบขณะพุ่งไปข้างหน้า ไม่คิดถอยหนี ตรงเข้าไปประจันหน้ากับงูเหลือมยักษ์!

เสียงกัมปนาทดังกึกก้องทันใดที่แขนอาวุธเทพของชายหนุ่มเจาะทลวงร่างของงูเหลือมยักษ์ เขาถลาไปรอบๆ ก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้า ส่งศีรษะงูเหลือมยักษ์ร่วงลงพื้นเสียงดัง

ร่างของงูเหลือมยังดิ้นไปมา พยายามฟาดตัวใส่หวังเป่าเล่อแม้จะถูกตัดหัวไป ชายหนุ่มตั้งผนึกมือท่วงท่าต่างๆ เรียกกระบี่บินสามสีพุ่งขึ้นฟ้า ตรงเข้าไปหั่นงูเหลือมเป็นชิ้นๆ ก่อนจะพุ่งกลับมาฟาดฟันรอบตัวหวังเป่าเล่อ หั่นเหล่าศพที่ดาหน้าเข้ามาทิ้ง

ชายหนุ่มไม่สนใจกองทัพศพรอบตัว เขาหันมองรอบด้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ฝูงงูเหลือมยักษ์กองทัพผู้ฝึกตนออกเป็นกลุ่มย่อย เสียงปะทะกันดังกึกก้อง งูเหลือมหลายตัวโดนผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณสังหารเรียบร้อย แต่หายนะบนสนามรบก็ยังไม่หมดสิ้น ผู้ฝึกตนมากกว่าสิบคนถูกปลิดชีพไป

เกราะลักษณะคล้ายเกล็ดปลาปรากฏขึ้นบนตัวกงเต๋า เหมือนจะช่วยเสริมความเร็วและทำให้ร่างกายโปร่งใสไปเล็กน้อย เขาพุ่งไปช่วยผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนหนึ่งล้มงูเหลือมยักษ์ลงอีกตัว!

ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรสักอย่างต้องได้ตายกันหมดแน่! หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว เขาพุ่งไปหากลุ่มผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน ก่อนจะสังหารงูเหลือมยักษ์ทิ้งเพียงแค่ยกมือขึ้นโบก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองฟ้า

เฟิ่งชิวหรันและเจ้าเยี่ยเหมิงที่อยู่กลางอากาศกำลังถูกอสูรบินได้เข้าล้อม ทั้งสองเปล่งแสงเป็นประกายก่อนแสงจะสว่างแสบตาขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งชิวหรันยกไม้วัดในมือขึ้น ดวงตาของนางฉายแสงวาบขณะตะโกนลั่น “สามหมื่นเมตร!”

นางฟาดไม้วัดในมือลงอย่างรุนแรง เจ้าเยี่ยเหมิงตั้งผนึกมือสร้างวงแหวนปราณเก้าร้อยเก้าสิบเก้าวงที่สะสมไว้ขึ้นพร้อมๆ กัน!

สรวงสวรรค์สั่นคลอน ผืนดินสั่นไหว ลมพัดกรรโชก เมฆาหมุนวน ศพและอสูรทุกตน รวมถึงฝูงงูเหลือมและกลุ่มผีดิบชุดดำในระยะสามหมื่นเมตรสั่นเทิ้ม ราวกับมีพลังไร้เทียมทานส่งตรงลงมาบดขยี้จากเบื้องบน!

เกิดการระเบิดสนั่นหวั่นไหวทำลายทุกสิ่งในเขตสามหมื่นเมตรเป็นเถ้าธุลี เหล่าศัตรูถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง วงแหวนปราณของเจ้าเยี่ยเหมิงเสริมแรงให้กับการโจมตีพร้อมกับส่งคลื่นปะทะกระจายออกไปอีกหนึ่งหมื่นเมตรเหมือนดั่งมีหัตถ์ขนาดมหึมาโผล่พ้นดินมากวาดทุกสิ่งทิ้งไป!

อสูรบนฟ้าคือเป้าหมายหลักของเฟิ่งชิวหรันและเจ้าเยี่ยเหมิง พื้นที่บนฟ้าถูกกวาดล้างไปไกลกว่าบนดิน!

“เร็วเข้า!” ผืนดินสั่นไหว ทุกอย่างกลายเป็นเศษธุลี เฟิ่งชิวหรันคว้าเจ้าเยี่ยเหมิงพุ่งหายไปไกลขณะร้องบอกเสียงดัง

ไม่ต้องให้เฟิ่งชิวหรันบอกอีกครั้ง เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือเมื่อได้เห็นการโจมตีเมื่อครู่ก็ตื่นตัวพร้อมวิ่งหนี เมื่อหนทางเบื้องหน้าเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของทัพศัตรูชุดใหม่ถัดไปไกลกว่าหมื่นเมตร พวกเขาก็รีบพุ่งตัวออกไปในทันที

หวังเป่าเล่อคว้ากงเต๋าและทะยานขึ้นฟ้า กลุ่มผู้ฝึกตนกำลังจะใช้โอกาสที่มีหนีไปได้ ทันใดนั้น เสียงหอนก็หวีดขึ้นจากหลุมที่ฝูงงูเหลือมยักษ์โผล่ขึ้นมา

ผืนดินจมลึกลง ก่อนจะเกิดรอยปริแตกขนาดใหญ่ ตามมาด้วยเสียงร้องเห่าหอนดุดันสั่นคลอนจิตใจทุกคนที่ดังขึ้นจากใต้ดิน

เสียงร้องโหยหวนดังสอดประสานกับเสียงโซ่กระทบกัน หมาล่าเนื้อสีดำขนาดใหญ่ ตัวเน่าเปื่อยเป็นบางส่วน พลันกระโจนขึ้นไปบนอากาศจากรอยแตก พริบตาต่อมาก็อ้าปากเขมือบเอาผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนหนึ่งและผู้ฝึกฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอีกสามคนเข้าปาก!

ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้าทุกคน ฝันร้ายของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น รอยแตกคล้ายๆ กันเริ่มปรากฏขึ้นเพิ่ม หมาล่าเนื้อสีดำหลายตัวกระโจนขึ้นฟ้าพร้อมกับเห่าหอนเสียงดัง!

โชคดีที่พวกมันถูกล่ามไว้กับพื้นทำให้ไม่สามารถไปไหนได้ไกล ถึงกระนั้นหมาล่าเนื้อจำนวนหลายสิบตัวก็ถือเป็นภัยอันตรายร้ายแรง นอกจากนี้…ด้วยร่างกายพิเศษเฉพาะตัวของพวกมันทำให้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากคาถา เป็นเหมือนดั่งโยนหินลงมหาสมุทรกว้างใหญ่ มีเพียงการโจมตีกายภาพโดยตรงเท่านั้นถึงจะสร้างความเสียหายกับพวกมันได้!

“เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ กระจายตัวกันออกไป พวกขั้นกำเนิดแก่นในมารวมตัวกันรอบๆ ข้า เราจะหนีไปเจอกันที่ปลายท่อนไม้!” เฟิ่งชิวหรันหน้าซีดเผือดขณะร้องออกคำสั่งอย่างรีบร้อน นางอยากจะต่อสู้แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังร้ายกาจลึกลงไปเบื้องใต้กำลังมุ่งหน้าตรงมาหาอย่างรวดเร็ว!

พวกเขามีเวลาเพียงสามสิบวินาทีก่อนมันจะโผล่พ้นดิน!

นางไม่มีเวลาวางแผนอย่างละเอียดเพราะภัยอันตรายกำลังรุดหน้าเข้ามาใกล้ นางโยกมือขวาขึ้นโบก นำผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจำนวนหนึ่งมารวมตัวรอบๆ จากนั้นก็นำเจ้าเยี่ยเหมิงและคนอื่นๆ มุ่งหน้าหนีไปไกล!

ชี่หลินและผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนอื่นๆ ก็กระจายตัวออกไปพร้อมกับใบหน้าซีดเผือด หวังเป่าเล่อก็เช่นกัน เขาตั้งใจจะตามเฟิ่งชิวหรันไป แต่ก่อนจะทันได้ทำเช่นนั้น ผืนดินด้านล่างก็สั่นไหว หมาล่าเนื้อสีดำตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาขวางทาง หมายจะเขมือบเขาทั้งเป็น!

ดวงตาของชายหนุ่มฉายแสงดุดัน เกราะจักรพรรดิลักอัคคีปรากฏขึ้นทันใด พลังไร้เทียมทานไหลมารวมกันที่แขนอาวุธเทพ เขาปล่อยหมัดตรงไปยังหมาล่าเนื้อเบื้องหน้า!

หมัดหนักก่อให้เกิดพายุโหมเข้าใส่หัวของหมาล่าเนื้อจนเกิดเสียงดังกึกก้อง หมาล่าเนื้อกรีดร้องกระเด็นถอยหลัง หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มจากแรงสะท้อนกลับ เกราะส่งเสียงปริแตก ร่างของชายหนุ่มกระเด็นถอยไปไกลจากแรงปะทะจากหมัดเหมือนดั่งหุ่นเชิดถูกตัดออกจากสาย

ฟากฟ้าเต็มไปด้วยซากศพกลุ่มใหม่อีกครั้ง ฝูงอสูรร้ายโดนกระบี่บินเชือดทิ้งก่อนจะทันใดเข้าใกล้ หวังเป่าเล่อหายใจถี่หนักขณะพยายามทรงตัว เขาหันมองรอบๆ เห็นเพียงร่างไม่สมประกอบและเศษแขนขาของผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลจำนวนหนึ่ง ชี่หลินและคนอื่นๆ กระจายตัวออกไปสักพักแล้ว

กองทัพศพแยกกันตามเหล่าผู้ฝึกตนไป

เราไม่น่ามาเรือเฮงซวยนี่เลย! หวังเป่าเล่อกัดฟันแน่น เขาถอยหนีอย่างไม่ลังเลใจ ก่อนจะออกวิ่งไปตามทางที่เลือกมั่วๆ ขณะที่กำลังจะก้าวเท้า พื้นดินห่างออกไปสามหมื่นเมตรก็เริ่มสั่นไหว ปลาคุนนกเผิงขนาดใหญ่ยักษ์ ลำตัวเน่าเปื่อยเป็นบางส่วนก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินทะยานขึ้นฟ้าเหมือนดังปลาโผล่พ้นมหาสมุทร!

ปราณมืดแผ่พุ่งออกมาจากอสูรที่เพิ่งโผล่พ้นดิน คลื่นพลังจากร่างเน่าเปื่อยแผ่กระจายสร้างความกลัวให้กับชายหนุ่ม พลังปราณในกายเริ่มสั่นคลอน เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาได้เผชิญหน้ากับอสูรเขี้ยวดารา หวังเป่าเล่อรู้ว่าอสูรเบื้องหน้ามีขั้นการฝึกตน…อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์!

ระดับดาวพระเคราะห์! ชายหนุ่มตัวชาไปถึงหนังศีรษะ สังเกตเห็นว่าปลานกคุนเผิงก็ถูกโซ่ล่ามไว้เหมือนเหล่าหมาล่าเนื้อเพียงแต่โซ่ที่มันอยู่มีมากกว่า แต่ก็ไม่มีเวลามาใคร่ครวญอะไรมาก เขารีบวิ่งหนีโดยไม่หันกลับมามอง

หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังทุกอย่างที่มี ระฆังอาวุธเวทเข้าห้องล้อมเกราะจักรพรรดิ กระบี่บินสามสี่บินหมุนรอบตัวคอยคุ้มกัน หลังจากเสริมพลังป้องกันแล้ว ชายหนุ่มก็ปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัด แปรเปลี่ยนเป็นดาวหางทะยานแหวกท้องนภา พุ่งเข้าชนเหล่าอสูรบินได้ที่อาจดีมาขวางทาง!

ชายหนุ่มพุ่งตรงไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ทิ้งเถ้าธุลีและความตายไว้ตามเส้นทางที่เคลื่อนผ่าน จิตสัมผัสของหวังเป่าเล่อขยายเต็มพิกัด เขารีบเปลี่ยนทิศทางทันทีที่สัมผัสได้ถึงอะไรไม่ชอบมาพากล ส่งให้ตนรอดจากภัยอันตรายที่ซ่อนตัวอยู่ ละอองเกสรน่าจะหมดฤทธิ์ไปแล้วเนื่องจากเหล่าศพเริ่มตัวขัดแข็ง ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าลงจนหยุดนิ่งไป หวังเป่าเล่อหลบหนีออกมาจากหมอกสีแดงและดินแดนแห่งซากศพได้สำเร็จ!

ชายหนุ่มหอบหายใจถี่ ชุดคลุมโชกไปด้วยเหงื่อ เขารีบหยิบเอาโอสถจำนวนหนึ่งมากลืนลงท้อง จากนั้นก็หันกลับไปมองสนามรบเบื้องหลัง ความหวาดหวั่นยังคงไม่หายไปจากสายตา

ปลาคุนนกเผิงโดนล่ามไว้ หนีมาไกลขนาดนี้คงจะตามมาไม่ได้แน่ เจ้าเยี่ยเหมิงกับกงเต๋าอยู่กับเฟิ่งชิวหรัน น่าจะไม่เป็นไร หวังเป่าเล่อใจเต้นถี่รัว แต่ลึกๆ ก็รู้ว่ามัวแต่ตื่นกลัวไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ชายหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่หลายครั้งเพื่อกลบฝังความไม่สบายใจที่คุกรุ่นอยู่ภายใน จากนั้นก็หันมองรอบตัวด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง สายตาของเขาเลื่อนไปหยุดตรงทิศทางหนึ่ง ดินแดนเบื้องหน้าเหมือนจะไร้ซึ่งภัยอันตรายใดๆ หวังเป่าเล่อจึงออกวิ่งไปยังทิศทางนั้น

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท