ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 172 มาเยือน(ต้น)

ตอนที่ 172 มาเยือน(ต้น)

ออกจาก​พระราชวัง​ก็​ขึ้นรถ​ม้า​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ฮองเฮา​ตรัส​อะไร​กับ​เจ้า​”

สือ​อี​เหนียง​เล่า​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ฟัง​อย่างรวบรัด​ ​“​…​เรื่องใหญ่​เช่นนี้​ ​ไม่​แปลกที่​ฮองเฮา​จะ​ลังเล​ ​ท่าน​แม่​อย่า​ได้​โทษ​ที่​ข้า​ตัดสินใจ​เอง​”

นาง​มอง​ไท่ฮู​หยิน​ด้วย​ความไม่สบายใจ​

ไท่ฮู​หยิน​ถอนหายใจ​แล้ว​ตบมือ​นาง​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​พูด​ได้ดี​ ​แต่​ต้อง​จำ​เอาไว้​ว่า​ ​พูด​ไป​สอง​ไพ​เบี้ย​ ​นิ่ง​เสีย​ตำลึง​ทอง​ ​ต่อไป​อย่า​เสี่ยง​เช่นนี้​อีก​”

เพราะ​นางอายุ​แค่​สิบ​สี่​ปี​ ​แต่กลับ​โน้มน้าวใจ​ฮองเฮา​ได้​ ​ต่อไป​นาง​ก็​คงจะ​รู้สึก​เย่อหยิ่ง​ ​มัน​ไม่ดี​ต่อนาง​ในอนาคต

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​ไม่ได้​กล่าวโทษ​นาง​ ​นาง​ก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

เพราะ​การกระทำ​ครั้งนี้​ของ​ตัวเอง​ไม่ได้​รับ​การอนุญาต​…

ความคิด​วาบ​ขึ้น​มา​ ​รถม้า​ก็​มาถึง​หน้า​ประตู​ฉุย​ฮา​จวน​สกุล​สวี​แล้ว​ ​พวก​นาง​เปลี่ยนเป็น​รถลาก​แล้วไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​สาม​ ​คุณชาย​ห้า​ ฮู​หยิน​สอง​ ฮู​หยิน​สาม​และฮู​หยิน​ห้า​รอ​อยู่​ที่นั่น​อยู่​แล้ว​ ​เห็น​พวก​นาง​เข้ามา​พวกเขา​ก็​รีบ​เดิน​เข้าไป​ ฮู​หยิน​สาม​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​รีบร้อน​ ​“​ฮองเฮา​เป็น​เช่นไร​บ้าง​เจ้า​คะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ตอบ​ไม่​ตรง​คำถาม​ ​“​นั่งลง​พูดคุย​กัน​เถิด​”​ ​นาง​ก็​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เจ้า​ก็​กลับ​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​เสียเถิด​”​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ป้า​ตู้​ประคอง​เข้าไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ใน​ห้อง​ข้างใน

ทุกคน​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง

ไท่ฮู​หยิน​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​นาง​ก็​ไม่มี​สิทธิ์​พูด​อะไร

เวลานี้​ ​นาง​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ให้​นาง​กลับ​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​เพื่อ​จะ​ได้​ไม่​ถูก​พวกเขา​ถามถึง​สถานการณ์

สือ​อี​เหนียง​ย่อ​คำนับ​ให้​คนที​่​อยู่​ใน​ห้อง​ ​จากนั้น​ก็​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง

คิดไม่ถึง​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​รอนา​งอยู​่​ที่​ห้อง​

นาง​เล่าเรื่อง​ใน​พระราชวัง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​อย่างรวบรัด

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​เลิก​คิ้ว​ ​“​เจ้า​กล้า​เกินไป​แล้ว​ ​กล้า​บอก​ให้​ฮองเฮา​บอก​ให้​ข้า​ทำ​เช่นนั้น​ ​หาก​นาง​ให้​ข้า​ไป​ฆ่า​ไท​เฮา​จริงๆ​ ​ข้า​ก็​ต้อง​ไป​ฆ่า​เช่นนั้น​หรือ​”

ครอบครัว​ต้อง​สามัคคี​กัน​ ​สกุลก​สวี​มีฮู​หยิน​สอง​ที่​ชาญฉลาด​ ​มีฮู​หยิน​ห้า​ที่​มีไหวพริบ​ ​แล้วยัง​มีคุณ​ชาย​สาม​ที่​จงรักภักดี​ ​ตอนนี้​ก็​รักษาโรค​หัวใจ​ของ​ฮองเฮา​ได้​แล้ว​ ​หาก​ทุกคน​อยู่​ด้วยกัน​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​มี​ลม​ฝน​อะไร​ ​เชื่อ​ว่า​จวน​สกุล​สวี​ก็​จะ​สามารถ​ฝ่าฟัน​ไป​ได้

สือ​อี​เหนียง​อารมณ์ดี​เป็นอย่างมาก

ตัวนาง​ยัง​รู้​ ​แล้ว​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่รู้​ได้​เช่นไร

นาง​คิด​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​น่าจะ​อารมณ์ดี​ ​เขา​พูด​เช่นนี้​ ​ต้อง​เป็นการ​หยอกล้อ​กับ​นาง​แน่นอน​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​ยิ้ม​ ​“​ท่าน​โหว​มี​ความสามารถ​ ​แล้วยัง​มี​ศีลธรรม​ ​ข้า​คิด​ว่า​เรื่อง​แค่นี้​ไม่ยาก​สำหรับ​ท่าน​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​จากนั้น​เขา​ก็​หัวเราะ​ออกมา

คน​ผู้​นี้​ ​ทำ​หน้าตา​เคร่งขรึม​แล้ว​ช่าง​ดู​น่ากลัว​เสีย​จริง​!

โชคดี​ที่​ตัวเอง​ไม่​กลัว​…

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​อด​ยิ้ม​ไม่ได้

“​รีบ​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ภรรยา​ของ​ตัวเอง​ด้วย​สายตา​ที่​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เรา​ไปหา​ท่าน​แม่​ด้วยกัน​”

สือ​อี​เหนียง​ย่อ​คำนับ​ ​เข้าไป​ยัง​ห้อง​ชำระ​กับ​ปินจ​วี​๋​ ​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้วก็​ออก​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

ไท่ฮู​หยิน​พึ่ง​ออกมา​จาก​ห้อง​ชำระ​ ฮู​หยิน​สาม​กำลัง​รับใช้​นาง​ดื่ม​ชา​ ​เห็น​พวกเขา​เข้ามา​ ​นาง​ก็​เรียก​สาวใช้​ไป​ยก​เก้าอี้​มา​ ​ทุกคน​นั่งลง​ตามลำดับ​อีกครั้ง​ ​ตอนที่​สาวใช้​กำลัง​ยก​ชา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​ไท่ฮู​หยิน​ถึง​พูดว่า​ ​“​ทุกคน​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ ​ฮองเฮา​แค่​เป็นหวัด​ ​ตอนนี้​หาย​ดี​แล้ว​”

ทุกคน​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ล้วนแต่​เป็น​คนฉลาด​ ​ไม่มีใคร​เชื่อ​ ​ใบหน้า​ของ​พวกเขา​มี​ความตึงเครียด​

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถอนหายใจ​เบา​ๆ

ฮู​หยิน​สอง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ลุกขึ้น​ยืน​ ​“​ท่าน​แม่​ไปหา​ฮองเฮา​ใน​พระราชวัง​ตั้งแต่​เช้า​ ​ท่าน​คงจะ​เหนื่อย​แล้ว​ ​ในเมื่อ​ฮองเฮา​ไม่เป็นอะไร​ ​เช่นนั้น​เรา​ก็​กลับกัน​เถิด​!​”

ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​เบา​ๆ

ฮู​หยิน​สาม​เห็น​เช่นนี้​ก็​มีสี​หน้า​รีบร้อน​ ​นาง​ขยิบตา​ให้​คุณชาย​สาม​ ​คุณชาย​สาม​ขมวดคิ้ว​แล้ว​หันหน้า​ไป​มอง​คนอื่น​ ​คนอื่น​ล้วน​ลุกขึ้น​หมด​แล้ว​

นาง​กัดฟัน​พูดเสี​ยง​ดัง​ ​“​เดี๋ยวก่อน​”

ทุกคน​ใน​ห้อง​มอง​ไป​ที่ฮู​หยิน​สาม​ด้วย​ความตกใจ

คุณชาย​สาม​ส่ายหน้า​ให้ฮู​หยิน​สาม​

ฮู​หยิน​สาม​เห็น​อย่างชัดเจน​ ​แต่​ทุกคน​กำลัง​จ้องมอง​มาที​่​นาง​ ​นาง​จำเป็นต้อง​พูด​ออกมา​จริงๆ​ ​นาง​จึง​กัดฟัน​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​เจี่ยน​เกอ​เอ๋อร​์​จะ​อายุ​สิบสอง​แล้ว​ ​ข้า​คิด​ว่า​ ​เรา​ควรจะ​ให้​เขา​ออก​ไป​อยู่​ลาน​ข้างนอก​คนเดียว​ได้​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​มอง​ไป​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ด้วย​ความหวาดกลัว​ ​“​ปีนั​้น​เจี่ยน​เกอ​เอ๋อร​์​เป็น​อีสุกอีใส​ ​ข้า​สงสาร​เขา​จึง​ให้​เขา​อยู่​ลาน​ข้างใน​ปี​หนึ่ง​ ​ตอนนี้​เขา​โต​ขึ้น​แล้ว​ ​ลาน​ข้า​ใน​ก็​ยัง​มี​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​หาก​ให้​เขา​อยู่​ลาน​ข้างใน​ต่อไป​มัน​คงจะ​ไม่ดี​เจ้าค่ะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ครุ่นคิด​ ​“​เจ้า​พูด​ถูก​ ​เจี่ยน​เกอ​เอ๋อร​์​ไม่​เด็ก​แล้ว​ ​เขา​ควร​ออก​ไป​อยู่​คนเดียว​ได้​แล้ว​…​”

ฮู​หยิน​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​หน้าซีด

เกิด​อะไร​ขึ้น​ช่วงนี้​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่มีใคร​บอก​นาง​ ​แต่​นาง​ก็​คงจะ​เดา​ออก​ ​วันนี้​ไท่ฮู​หยิน​ไป​พระราชวัง​ ​นาง​ถือโอกาส​นี้​กลับ​สกุล​เดิม​ ​กลับ​ไป​เล่าเรื่อง​ใน​สกุล​ให้​พี่สะใภ้​ใหญ่​สกุล​เดิม​ฟัง​ ​พี่สะใภ้​ใหญ่​เล่าเรื่อง​ราว​ให้​นาง​ฟัง​ตั้ง​มากมาย​ ​นาง​จึง​เข้าใจ​สถานการณ์​ของ​สกุล​สวีต​อนนี​้​ ​เดิมที​นาง​อยาก​จะ​รอดู​ไป​ก่อน​ ​แต่​ตอนนี้​รอ​ไม่ได้​แล้ว​ ฮู​หยิน​สาม​พูด​เรื่อง​การ​ย้ายออก​ไป​ลาน​ข้างนอก​ของ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​แต่​ที่จริง​แล้ว​นาง​กำลัง​ถาม​ว่า​คุณชาย​สามแยก​ออก​ไป​อยู่​ข้างนอก​ได้​หรือไม่​ ​หาก​เขา​แยก​ไป​ตอน​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​ระดม​คน​หา​ลาน​ข้างนอก​ให้​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​แต่​หาก​แยก​ออก​ไป​ไม่ได้​ ​ด้วย​อายุ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​แน่นอน​ว่า​เขา​อยู่​ลาน​ข้างใน​ต่อไป​ไม่ได้​แล้ว​

แต่​ถาม​เรื่อง​นี้​ตอนนี้​…​มัน​ไม่ใช่​เวลา​…

ความคิด​นี้​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ความหมาย​ของฮู​หยิน​สาม​ทันที

นาง​รีบ​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยินฮู​หยิน​สาม​พูด​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​เข้าใจ​ว่านาง​หมายถึง​อะไร​ ​แต่ว่า​ไท่ฮู​หยิน​กำลัง​พูด​กับ​นาง​ ​เขา​ไม่​สะดวก​ที่จะ​พูดแทรก​ ​แต่​ตอนนี้​สือ​อี​เหนียง​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​เขา​ ​เขา​ก็​อด​ยิ้ม​ใน​ใจ​ไม่ได้

ดูเหมือนว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ฉลาด​ขึ้น​เรื่อยๆ​…

เขา​กำลัง​ครุ่นคิด​ ​จับมือ​ที่​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​ตัวเอง​เอาไว้

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​ ​จากนั้น​นาง​ก็​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เขา​หมายความว่า​อะไร

หาก​ไท่ฮู​หยิน​เห็น​เข้า​จะ​ทำ​เช่นไร

นาง​พยายาม​ดึง​มือ​กลับมา​

แต่​เขา​จับมือ​นาง​ไว้​แน่น​ ​ดึง​สอง​สาม​ที​ก็​ดึง​กลับมา​ไม่ได้​ ​นาง​กำลัง​กังวล​ ​ก็ได้​ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เรียบ​เฉย​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้าว​่า​เรื่อง​นี้​ถึง​เวลา​แล้ว​ค่อย​ปรึกษา​กัน​ดีกว่า​ขอรับ​ ​ประเดี๋ยว​ก็​จะ​ปีใหม่​แล้ว​ ​มีเรื่อง​ที่​ต้อง​จัดการ​อีก​มากมาย​”

ได้ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ ​ทุกคน​ก็​มอง​มาที​่​เขา

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​รีบ​ยิ้ม​ ​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่าง​สง่างาม​และ​ปล่อย​ให้​เขา​จับมือ​ตัวเอง

สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​บอก​พวกเขา​ว่า​ ​เรื่อง​นี้​จะ​มี​จุด​เปลี่ยน

ฮู​หยิน​สาม​และ​คุณชาย​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​สายตา​เป็นประกาย​ ฮู​หยิน​สาม​รีบ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​โหว​พูด​เช่นนี้​ ​ถ้าอย่างนั้น​เรา​ก็​ฟัง​ท่าน​โหว​เถิด​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​และ​ปล่อยมือ​สือ​อี​เหนียง​อย่างรวดเร็ว​ ​จากนั้น​ก็​ปัด​เสื้อ​และ​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ​ ​“​เรา​กลับกัน​เถิด​ ​ท่าน​แม่​จะ​ได้​พักผ่อน​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​เดิน​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​รีบ​ย่อ​ตัว​คำนับ​คนใน​ห้อง​แล้ว​เดินตาม​ออก​ไป

ระหว่างทาง​ ​ใบหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เย็นชา​ ​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​อด​สงสัย​ไม่ได้​ว่า​เมื่อ​ครู่​ตัวเอง​ทำ​อะไร​ผิด​ไป​หรือไม่​ ​แต่​นาง​กลับ​ไม่ได้​สังเกตว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​แอบ​ยิ้ม​มุม​ปาก​ใน​ตอนที่​นาง​ไม่รู้​ตัว

*****

เพราะว่า​แยกย้าย​กันทา​นข​้าว​ ​หลังจาก​ทานข้าว​เสร็จ​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​จุน​เกอ​ก็​มาคา​รวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​และ​อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​คน​ก็​มาคา​รวะ​พอดี​ ​ทุกคน​นั่งลง​ล้อมรอบ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ทดสอบ​สวี​ซื่อ​อวี​้​เหมือน​ครั้งก่อน​ ​เมื่อ​เขา​รู้​ว่า​ตั้งแต่​ปิดเทอม​หลังจาก​ช่วง​เทศกาล​ล่า​ปา​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​นั้น​ศึกษา​ตำรา​อยู่​ตลอด​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​พอใจ​

“​สอง​สาม​วันนี้​เจ้า​ก็​พัก​เสียหน่อย​เถิด​ ​อยู่​คุย​เป็นเพื่อน​ท่าน​ย่า​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ตอบรับ​ด้วย​ความเคารพ

สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ไป​ที่​จุน​เกอ

จุน​เกอ​หดตัว​แล้ว​ขยับ​เข้าไป​หา​สือ​อี​เหนียง

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​เช่นนี้​ก็​ถอนหายใจ​แล้ว​พูด​อย่าง​เอือมระอา​ ​“​ดึก​แล้ว​ ​ทุกคน​แยกย้าย​กัน​กลับ​ไป​เถิด​!​”

อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​และ​จุน​เกอ​ ​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​

สือ​อี​เหนียง​เล่าเรื่อง​ที่​จุน​เกอ​เตะ​ลูกขนไก่​ ​กระโดด​เชือก​กับ​สาวใช้​ทุกวัน​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ ​“​…​เขา​เป็นโรค​ขาดสารอาหาร​ตั้งแต่​เด็ก​ ​ได้​ขยับ​ร่าย​กาย​เช่นนี้​บ้าง​ ​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​จะ​ค่อยๆ​ ​แข็งแรง​ขึ้น​ ​ถึงแม้​จะ​บอกว่า​การศึกษา​เป็นเรื่อง​สำคัญ​สำหรับ​ลูกผู้ชาย​ ​แต่​สุขภาพ​ที่​แข็งแรง​ย่อม​สำคัญ​กว่า​ ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​จะ​รีบร้อน​ไม่ได้​เจ้าค่ะ​ ​ปีหน้า​หา​อาจารย์​มาสอน​เขา​ ​เขา​ก็​จะ​ค่อยๆ​ ​ดีขึ้น​เอง​”

“​คง​ต้อง​เป็น​เช่นนี้​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น

สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​ ​“​ท่าน​โหว​จะ​อาบน้ำ​ที่​เรือน​ของ​ข้า​ก่อน​หรือไม่​เจ้าค่ะ​”

ตามวัน​แล้ว​ ​วันนี้​เขา​ต้อง​ไป​นอน​ที่​เรือน​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง

สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ ​“​วันนี้​ข้า​จะ​นอน​ที่นี่​”

เรื่อง​ทั้ง​ใน​จวน​และ​นอก​จวน​มีตั​้​งมา​กมาย​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​ไม่มี​อารมณ์​ ​สอง​สาม​วันก่อน​เขา​ควร​นอน​ที่​เรือน​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​แต่​เขา​ไป​แค่​ครั้ง​เดียว​ ​วัน​อื่นๆ​ ​ก็​นอน​ที่นี่​ตลอด​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​วันนี้​นาง​เข้าไป​หา​ฮองเฮา​ใน​พระราชวัง​ ​นาง​คงมี​อะไร​จะ​พูด​กับ​ตัวเอง

สือ​อี​เหนียง​ส่ง​คน​ไป​บอก​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​บอกว่า​วันนี้​ท่าน​โหว​มีธุระ​ ​จากนั้น​ก็​จัด​เตียง​รับใช้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้านอน

สวี​ลิ่ง​อี๋​ซักถาม​เรื่อง​ของ​ฮองเฮา​อย่างละเอียด​ก่อน​ ​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​ฮองเฮา​ดีขึ้น​มาก​แล้ว​ ​เขา​ก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

อาจจะ​เป็น​เพราะ​ได้ยิน​ว่า​ฮองเฮา​ถามถึง​เรื่อง​ทาน​ยา​ของ​นาง​ ​เขา​จึง​ถาม​เรื่อง​ทาน​ยา​ของ​นางใน​ช่วงนี้​เช่นกัน

“​หมอ​หลวง​หลิว​บอกว่า​ต้อง​ทาน​สอง​สาม​เดือน​ถึง​จะ​เห็นผล​ ​ตอนนี้​ยัง​ไม่รู้​สึก​อะไร​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​นาง​ ​“​เจ้า​ต้อง​ทาน​ยาตา​มที​่​หมอ​หลวง​หลิว​บอก​ ​จะ​ประมาท​ไม่ได้​”

แน่นอน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่กล้า​ประมาท​อยู่​แล้ว​

ผู้ใด​เล่า​จะ​กล้า​รับประกัน​ว่า​จะ​ไม่​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​…​หาก​นาง​ตั้งครรภ์​ขึ้น​มา​จริงๆ​ ​ด้วย​วัย​และ​สถานการณ์​ตอนนี้​ล้วน​อันตราย​อย่างมาก​ ​หาก​สามารถ​ใช้​ยาบำรุง​สุขภาพ​ได้​ ​โอกาส​ที่จะ​อยู่รอด​นั้น​ก็​สูง​ขึ้น​ไม่น้อย​

นาง​พยักหน้า​อย่างจริงจัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​มีท​่า​ทาง​ลังเล​ ​พลัน​พูดว่า​ ​“​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​กลับมา​สาย​หน่อย​…​ข้า​จะ​ไป​พูด​กับ​ฮ่องเต้​”

ดูเหมือนว่า​เขา​ตัดสินใจ​ที่จะ​ทำตัว​น่าสงสาร​แล้ว​

แน่นอน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ต้อง​ให้กำลังใจ​เขา​ ​“​เช่นนั้น​ก่อน​ปีใหม่​ท่าน​โหวก​็​จะ​ได้​พักผ่อน​อยู่​ที่​จวน​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​ ​ข้า​จะ​ได้​ไม่ต้อง​ตื่น​ยาม​โฉ่​วทุก​วัน​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​อด​หัวเราะ​ออกมา​ไม่ได้​ ​“​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​ ​ต่อไป​ทำ​อะไร​ก็​คง​ไม่​สะดวก​เหมือน​ตอนนี้​”

หมายความว่า​ ​คนยัง​ไม่ทัน​หมดอำนาจ​แต่​ก็​จะ​ไม่มีใคร​สนใจ​แล้ว​เช่นนั้น​หรือ​!

คนที​่​เคย​ลิ้มรส​ของ​อำนาจ​ ​จู่ๆ​ ​ก็​ยอม​ปล่อยวาง​ ​เขา​คงจะ​รู้สึก​เสียใจ​อย่างแน่นอน

สือ​อี​เหนียง​จงใจ​พูด​หยอกเย้า​ ​“​ตอนนี้​ท่าน​ได้รับ​ตำแหน่ง​ ​ข้า​ก็​ไม่เห็น​ว่า​เรา​จะ​ทำ​สิ่งใด​ได้​สะดวก​ ​แต่กลับ​รู้สึก​ว่า​มัน​ไม่​สะดวก​เอา​เสีย​เลย​ ​ข้า​อยาก​จะ​จัด​ลาน​ตอนต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​แล้วยัง​อยาก​ปลูก​ต้น​ทับทิม​และ​ต้น​ดอก​กล้วยไม้​หยก​ตรงหน้า​ศาลา​…​หาก​ท่าน​อยู่​ที่​เรือน​ ​จะ​สะดวก​ข้ามาก​เลย​เจ้าค่ะ​”

เชิญ​คน​มาซ​่​อม​แซม​ลาน​ ​นาง​ต้อง​หลบ​ออก​ไป​ ​ถึง​ตอนนั้น​หาก​มีเรื่อง​อะไร​ก็​ต้อง​บอก​ช่าง​ผ่าน​ทาง​ผู้ดูแล​ ​มัน​ไม่​สะดวกสบาย​เท่ากับ​บอก​ผ่าน​สวี​ลิ่ง​อี๋​โดยตรง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ฟังออก​ ​เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้มหัว​เราะ​ ​“​เจ้า​ให้​ข้า​ลาออก​เพราะ​เรื่อง​นี้​เช่นนั้น​หรือ​!​”

สือ​อี​เหนียง​พูดจา​เหลวไหล​กับ​เขา​ต่อ​ ​“​ใช่​เจ้าค่ะ​ ​ข้า​คิดดู​แล้ว​ ​เห็น​ว่าการ​เป็น​ขุนนาง​คือ​เรื่อง​ที่​เสีย​ต้นทุน​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ต้อง​ตื่น​เช้า​ทุกวัน​ ​โรง​ครัว​ก็​ต้อง​ทำอาหาร​เช้า​สองครั​้ง​ ​แค่​เรื่อง​เงินเดือน​และ​รายจ่าย​…​”​ ​นาง​คิดบัญชี​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​แค่​แขก​ไป​ใคร​มาก​็​ไม่​สะดวก​ ​แต่​หาก​ลาออก​ ​มี​งาน​สังสรรค์​อะไร​ท่าน​จะ​ไป​ก็ได้​ไม่​ไป​ก็ได้​…​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ภรรยา​ของ​ตน​พูดจา​เหลวไหล​ ​ความรู้สึก​กังวล​ที่จะ​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​ก็​ลดลง​ไป​ไม่น้อย​!

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท