เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “เจ้าก็ระวังตัว”
หนานกงมั่วแค่นยิ้ม สายตากวาดมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น เอ่ย “อย่าได้กังวล หากท่านเป็นอันใดไป ภรรยาเช่นข้าจะทำลายมันให้สิ้นทุกคนเพื่อล้างแค้นให้กับท่าน” แม้นางจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทว่าเซี่ยลี่ที่รู้จักนางเป็นอย่างดีนั้นอดสั่นสะท้านอยู่ในใจไม่ได้
คุณชายเว่ยสีหน้าเรียบนิ่ง พยักหน้าเอ่ย “ขอบคุณภรรยา”
หนานกงมั่วยิ้มร่า หันหัวม้ากระตุกบังเหียนและควบวิ่งออกไปทันที
“หากอู๋สยาเป็นอันใด พวกเจ้าก็ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก” เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้น เอ่ยกับคนเหล่านั้นเสียงเข้ม
“ขอรับ คุณชาย” ทุกคนเอ่ยตอบรับพร้อมเพรียง จากนั้นดึงบังเหียนและมุ่งหน้าตามหนานกงมั่วไป มองกลุ่มคนวิ่งออกไปแล้ว เว่ยจวินมั่วจึงหันกลับมายังเซี่ยลี่ เอ่ย “แม่ทัพเซี่ย ตอนนี้ไปได้แล้ว” เซี่ยลี่ไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด หมุนตัวพลันเดินออกไปทันที เพียงแต่เมื่อหันหลังให้กับเว่ยจวินมั่วมุมปากของเซี่ยลี่พลันกระตุกยิ้มขมขื่น เขาไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับเว่ยจวินมั่วและซิงเฉิงจวิ้นจู่ ยิ่งไม่อยากเผชิญหน้ากับเยี่ยนอ๋อง น่าเสียดาย…เพราะความจงรักภักดีต่อเจ้านายจึงไม่อาจเลือกอันใดได้
บ่ายวันนั้น หนานกงมั่วและคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงโยวโจว หนานกงมั่วไม่ได้พาทุกคนกลับเข้ามาในเมือง ทว่าแบ่งคนบางส่วนไปยังเขาชุ่ยเวย เขาชุ่ยเวยมีอาณาเขตกว้างขวาง พื้นที่ก็ไม่เลว จะซ่อนทหารนับพันก็ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นก็มีเพียงยอดฝีมือกี่สิบคน หนานกงมั่วจึงพาชวีเหลียนซิง หลิ่วหัน ซิงเวยและทหารองครักษ์ไม่กี่คนกลับเมืองเท่านั้น
กลับมาถึงเรือนชิงมั่ว บ่าวรับใช้รายงานว่าองค์หญิงไปจวนเยี่ยนอ๋องยังไม่กลับมา ดังนั้นหนานกงมั่วไม่ทันได้พักก็เปลี่ยนทิศทางตรงไปยังจวนเยี่ยนอ๋องทันใด
จวนเยี่ยนอ๋องยังคงเงียบสงบเคร่งขรึมดั่งที่เคยเป็นมา ทว่ายังมีบรรยากาศอึมครึมและกดดันเพิ่มเข้ามาด้วย บ่าวรับใช้เดินไปมาต่างก็ระมัดระวัง ราวกับเพียงหายใจก็ไม่กล้าทำเสียงดัง ถูกคนพาเข้ามาถึงเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ก็เห็นพระชายาเยี่ยนอ๋องลุกขึ้นเดินเข้ามาต้อนรับ เพิ่งห่างกันไม่นานทว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องกลับดูซูบผอมลงไปมาก ทำให้หนานกงมั่วเกิดความสงสัยว่าอาการป่วยของพระชายาเยี่ยนอ๋องยังไม่หายดีหรือไม่ องค์หญิงฉังผิงเองก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้วย ใบหน้ามีความเหนื่อยล้า ซุนเหยียนเอ๋อร์ประคองพระชายาเยี่ยนอ๋องอย่างระมัดระวัง หนานกงมั่วรีบยื่นมือไปรับประคองพระชายาเยี่ยนอ๋อง เอ่ย “เสด็จป้า เสด็จแม่ หม่อมฉันมาแล้วเพคะ”
“อู๋สยา…” มองดูนาง กระบอกตาพระชายาเยี่ยนอ๋องพลันแดงขึ้นมาโดยไม่อาจห้ามได้ พระชายาเยี่ยนอ๋องเข้มแข็ง ทำให้นางมีสีหน้าเช่นนี้ปรากฏออกมาได้แสดงว่าหลายวันมานี้คงแย่มากจริงๆ
“อู๋สยา ไยจวินมั่วจึงไม่กลับมาด้วยเล่า” องค์หญิงฉังผิงมองผ่านไปด้านหลังนางพลางเอ่ยถาม
หนานกงมั่วเอ่ย “มีความเคลื่อนไหวที่เขตชายแดน จวินมั่วไปออกรบเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก ตอนนี้เว่ยจวินมั่วไม่ได้อยากไปก็ต้องไป ไม่เหมือนตอนที่อยู่ในกองทัพของเยี่ยนอ๋องแล้ว ยามนี้หากเว่ยจวินมั่วคิดจะไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ ผู้บังคับบัญชาก็คงใช้ความผิดฝ่าฝืนต่อคำสั่งมาสังหารเขาเป็นแน่
หนานกงมั่วและซุนเหยียนเอ๋อร์ประคองพระชายาเยี่ยนอ๋องกลับมานั่งลง พระชายาเยี่ยนอ๋องฝืนยิ้ม เอ่ย “ดูข้าสิ…น่าละอายต่ออู๋สยาแล้ว”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ยถาม “เสด็จป้า เสด็จแม่ เกิดอันใดขึ้นกับเสด็จลุงหรือเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงมองพระชายาเยี่ยนอ๋อง เอ่ย “ให้ข้าเล่าเถิด คิดว่าเจ้าคงได้ยินเรื่องที่พี่สามพาสตรีนางนั้นกลับมาแล้ว เดิมสตรีเรือนหลังของพี่สามก็มีไม่มาก หากจะรับสนมเข้ามาสักคน มีประวัติสะอาดสะอ้านคงไม่เป็นไร เพียงแต่สตรีผู้นั้นมีที่มาไม่ชัดเจน นับตั้งแต่พานางเข้ามา ยังเอาอกเอาใจดูแลดีเสียยิ่งกว่าชายาเอก เชื่อวาจาของนางไม่พอ ยังจะจัดพิธีใหญ่โตให้คนทั่วทั้งโยวโจวได้รับรู้ นี่มันจริงๆ…”
หนานกงมั่วเข้าใจ นี่มันเป็นการตบหน้าพระชายาเยี่ยนอ๋องชัดๆ แม้พระชายาเยี่ยนอ๋องจะมีจิตใจงามและอ่อนโยน แต่ไม่มีทางรับเรื่องเช่นนี้ได้เป็นแน่
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยต่อ “ไม่เพียงเท่านี้ พี่สามยังให้ความสำคัญ วางตำแหน่งสำคัญให้แก่พี่น้องทั้งสองของนางอีกด้วย ตำแหน่งเหล่านั้นเดิมมีคนอยู่ ยามนี้มาทำเยี่ยงนี้มิใช่ทำให้คนที่จงรักภักดีมาตลอดต้องไม่พอใจหรือ ก่อนหน้านี้สตรีนางนั้นก็ไม่ไว้หน้าพี่สะใภ้สาม ซั่นจยาจวิ้นจู่เอ่ยเกลี้ยกล่อมไม่กี่ประโยค ก็สั่งให้คนโบยซั่นจยาจวิ้นจู่”
แม้องค์หญิงฉังผิงจะไม่ชื่นชอบซั่นจยาจวิ้นจู่นัก แต่สิ่งที่ซั่นจยาจวิ้นจู่เอ่ยก็ไม่ผิด นอกจากนี้ต่อให้ซั่นจยาจวิ้นจู่มีความผิดจริงก็ต้องเป็นหน้าที่ของพระชายาเยี่ยนอ๋องเป็นผู้ลงโทษ ไหนเลยจะมีพ่อสามีสั่งให้คนโบยลูกสะใภ้กัน ยิ่งไปกว่านั้นซั่นจยาจวิ้นจู่ยังมาจากจินหลิง อย่างไรก็ต้องไว้หน้าเซียวเชียนเยี่ยบ้าง
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ต่อให้เยี่ยนอ๋องจะตกหลุมรักสตรีสักคนก็ไม่น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงนี้
“เสด็จลุงเยี่ยนอ๋อง ช่วงนี้ยังมีอันใดเปลี่ยนแปลงไปอีกหรือไม่เพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
พระชายาเยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว “นับตั้งแต่สตรีนางนั้นมา ท่านอ๋องก็ไม่ใส่ใจกับการปกครองนัก ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องมีความมุ่งมั่นเคร่งครัด แต่ตอนนี้…มักโยนงานที่อยู่ในมือไปให้เบื้องล่าง โดยเฉพาะ…สองพี่น้องของสตรีนางนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่พอใจก็มาฟ้องข้า แต่ว่า…ข้าจะทำอันใดได้เล่า”
นางเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋อง เป็นรองเพียงเยี่ยนอ๋องผู้เดียวนั้นไม่ผิด แต่ต้องได้รับความยินยอมจากเยี่ยนอ๋องจึงจะมีอำนาจ เยี่ยนอ๋องไม่ยอมไว้หน้านาง นางในสายตาคนอื่นก็ย่อมไม่มีประโยชน์อันใด
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “อู๋สยา เจ้าว่า…พี่สามถูกคนใส่ยาอันใดหรือไม่”
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “ยาชนิดใดเล่าจะเปลี่ยนนิสัยของคนได้” พระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงก็จนวาจา หนานกงมั่วยังไม่รู้ พวกนางก็ยิ่งไม่รู้
หนานกงมั่วครุ่นคิด เอ่ย “หม่อมฉันขอพบเยี่ยนอ๋องก่อนได้หรือไม่เพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า ถอนหายใจ เอ่ย “เดี๋ยวข้าส่งคนไปรายงานท่านอ๋องสักหน่อย”
พระชายาเยี่ยนอ๋องรับสั่งให้คนไปรายงาน หนานกงมั่วจึงเอ่ยถาม “จริงสิ พระสนมใหม่ผู้นั้น…มีที่มาอย่างไร ชื่อแซ่อันใดเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องส่ายศีรษะ “ไม่มีใครรู้ที่มาของนาง รู้เพียงว่าท่านอ๋องช่วยเอาไว้ระหว่างทาง แซ่กง ชื่อเสี่ยวเตี๋ย”
กงหรือ คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น หัวใจหนักอึ้ง
ไม่นาน คนที่ไปเชิญเยี่ยนอ๋องก็กลับมารายงาน เยี่ยนอ๋องติดธุระไม่ว่างพบหนานกงมั่ว
พระชายาเยี่ยนอ๋องรีบลุกขึ้นทันใด กัดฟันเอ่ย “ข้าจะไปเชิญเอง” มองพระชายาเยี่ยนอ๋องที่เดินออกไปด้วยความโกรธ องค์หญิงฉังผิงจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “เสด็จแม่เพคะ พระองค์ยังมีอันใดอยากเอ่ยหรือเพคะ” เมื่อครู่นางสัมผัสได้ว่าองค์หญิงฉังผิงยังมีบางอย่างที่ยังเอ่ยไม่ทันจบ
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ เอ่ยเสียงเบา “พระสนมใหม่ผู้นั้น…หน้าตาคล้ายกับพี่สะใภ้สามมาก”
หนานกงมั่วชะงัก องค์หญิงฉังผิงรีบเอ่ย “หมายถึงอดีตพี่สะใภ้ที่จากไปแล้ว ชื่อของนางก็มีคำว่าเตี๋ยเหมือนกัน”
คิ้วสวยของหนานกงมั่วผูกกันเป็นปม ชัดเจนกว่านี้คงไม่มีแล้ว กงเสี่ยวเตี๋ยผู้นั้นเห็นชัดว่ามีคนตั้งใจส่งมาอยู่ตรงหน้าเยี่ยนอ๋อง และคนผู้นี้รู้จักอดีตพระชายาเยี่ยนอ๋องเป็นอย่างดี หรือรู้จักเยี่ยนอ๋องเป็นอย่างดี แต่ว่า…เยี่ยนอ๋องจะตกไปอยู่ในกับดักที่โจ้งแจ้งเช่นนี้ได้เยี่ยงไร