องค์หญิงจินเหยาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง
“ตอนแรกหม่อมฉันไม่อยากให้พี่อาเสวียนก่อเรื่อง แต่เมื่อทำเช่นนี้ไปแล้ว หม่อมฉันก็รู้สึกสนุก” นางพูดอย่างจริงจัง “ดังนั้นจึงไม่ใช่การตีกัน ถึงแม้จะเป็นการตีกัน หม่อมฉันก็มีความสนุกมาก ไม่มีผู้ใดละเมิดผู้ใด ดังนั้นหม่อมฉันจึงมาทูลเสด็จพ่อไว้ก่อน…”
ฮ่องเต้ถามด้วยสีหน้าเย็นชา “จากนั้น?”
องค์หญิงจินเหยาไม่เกรงกลัวต่อใบหน้าเย็นชาของเขา เขย่าแขนเสื้อของเขาเบาๆ “จากนั้นตอนที่เสด็จพ่อโกรธคิดจะลงโทษเฉินตันจู พระองค์ต้องยับยั้งเอาไว้เพคะ”
ฮ่องเต้ทั้งโกรธทั้งขบขัน “เจ้ากลับมาไม่ไปเข้าเฝ้าฮองเฮาแต่วิ่งมาหาข้า ไม่ได้มาเพื่อให้ข้าจัดการกับเฉินตันจู หากแต่ให้ข้าจัดการกับฮองเฮา?”
องค์หญิงจินเหยารีบปฏิเสธ “เหตุใดจึงเป็นการจัดการกัน หม่อมฉันรู้ว่าเสด็จแม่หวังดี จึงไม่อยากเกิดการโต้เถียงกับเสด็จแม่ ทำให้เสด็จแม่เสียใจ คำพูดของเด็กไม่สำคัญนัก ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จแม่ได้ มีเพียงขอให้เสด็จพ่อช่วยเพคะ”
ฮ่องเต้ตอบรับ “จึงให้ข้าเป็นผู้ทำร้ายจิตใจของฮองเฮา”
องค์หญิงจินเหยากระทืบเท้าเรียกขานเสด็จพ่อ
ฮ่องเต้หัวเราะ ไม่กลั่นแกล้งนางอีก จากนั้นมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าปกป้องเฉินตันจูถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่นางทำร้ายเจ้า เจ้าเป็นถึงองค์หญิงแท้ๆ เฮ้อ เจ้าโตเพียงนี้ พ่อยังไม่เคยตีเจ้าแม้แต่น้อย”
“เรียกว่าการประลอง” องค์หญิงจินเหยาแก้ไข “นางไม่ได้ทำร้ายหม่อมฉัน หากแต่ฝีมือหม่อมฉันสู้ผู้อื่นไม่ได้”
ฮ่องเต้มององค์หญิงจินเหยา “ข้ายังคงไม่เข้าใจ”
องค์หญิงจินเหยาครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มออกมา “อันที่จริงหม่อมฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ เพียงแต่รู้สึกสบายที่ได้พูดกับนาง นางเปิดเผย…”
“รับมืออย่างเปิดเผยกับการซักถามของเจ้า อีกทั้งขอให้เจ้าช่วยบอกพี่หกของเจ้าให้ดูแลตระกูลของ
เฉินเลี่ยหู่อย่างเปิดเผย?” ฮ่องเต้ถาม “ช่างเป็นการไขว่คว้าโอกาสไม่ปล่อยมืออย่างเปิดเผยเสียจริง”
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “คงจะเป็นเพราะความดื้อรั้นในการไขว่คว้าโอกาสนี้ ทำให้นางเร่าร้อนดุจเปลวเพลิง ถึงแม้จะรู้ว่านางอยากขอความช่วยเหลือ แต่ก็ยังอดที่จะฟังนางพูดไม่ได้”
เช่นนี้หรือ ฮ่องเต้เงียบไปสักพัก ครุ่นคิดไปถึงตอนที่พบหน้าหญิงสาว หญิงสาวนั้นไม่ถือว่างดงาม แต่ความแปลกประหลาดของนางดึงดูดผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ผู้อื่นอยากรู้ลึกมากไปกว่านั้น...
บุตรสาวเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงไว้ในพระราชวัง อยู่ต่อหน้านางหากมิใช่นางในหรือนางสนม ก็เป็นหญิงชนชั้นสูงผู้มีกิริยาดีงาม เคยพบเห็นผู้ที่ดุจดั่งเปลวเพลิงที่ใดกัน
โชคดีที่เป็นบุตรสาว หากเป็นบุตรชาย วันนี้บุตรสาวคงไม่ได้มาขอให้เขาปกป้องเฉินตันจูนี้ หากแต่เป็นการขอให้พระราชทานงานแต่งแล้ว…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ก็ตัวสั่นเทา ทันใดนั้นรู้สึกว่าผลลัพธ์นี้ไม่เลวร้ายขึ้นมา
เขามองไปยังบุตรสาวอีกครั้ง ขมวดคิ้ว “บาดเจ็บที่ใดหรือไม่”
องค์หญิงจินเหยาผงะ ก่อนจะส่งเสียงได้ใจออกมา “ไม่มี ไม่มี หม่อมฉันไม่เสียเปรียบมาก ก่อนหน้านี้ประลองกับสาวรับใช้ของอาเสวียน หม่อมฉันชนะ ต่อมาประลองกับเฉินตันจู พวกหม่อมฉันตัดสินแพ้ชนะภายในกระบวนท่าเดียว”
ฮ่องเต้ไม่เชื่อ เขาลุกขึ้น “ไปๆ ไปหาฮองเฮา นางต้องเตรียมหมอหลวงเอาไว้รอเจ้าอย่างแน่นอน ถึงเวลาให้นางดูว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใด”
องค์หญิงจินเหยาดึงแขนเสื้อของฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ ไม่ได้สาหัสเพียงนั้น คงจะพอๆ กับตอนที่หม่อมฉันเรียนขี่ม้าแล้วตกลงมาเพคะ”
อย่างไรก็กลิ้งอยู่บนพื้น อีกทั้งใช้แขนขาสะบัดไปทั่ว ย่อมต้องมีรอยช้ำบ้าง
ฮ่องเต้โกรธ “พูดเหลวไหล เจ้าเรียนขี่ม้า ผู้ใดกล้าให้เจ้าร่วงลงมา”
องค์หญิงเรียนขี่ม้า มีอาจารย์ นางใน ขันทีและองครักษ์มากน้อยเพียงใดอยู่รอบด้าน ไม่ให้องค์หญิงได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน
เฉินตันจูนี้บังอาจตีบุตรสาวอันเป็นดวงใจของข้า อีกทั้งยังมีอาเสวียน…
“เรียกโจวเสวียนมาให้ข้าบัดนี้!”
…
ภายในพระราชวังยามค่ำของวันนี้ราวกับคึกคักเล็กน้อย เหยาฝูยืนอยู่ด้านนอกที่พักของพระชายาองค์รัชทายาท มองดูนางในและขันทีเดินเข้าเดินออกตำหนักของฮองเฮาอย่างไม่ขาดสาย สีหน้าของพวกเขาทั้งกังวลและตื่นตระหนก มองเล็ดลอดเข้าไปภายในประตูที่เปิดอ้าไว้ เหยาฝูสามารถเห็นพระชายาที่นั่งอย่างเป็นกังวลอยู่ด้านใน อีกทั้งยังได้ยินเสียงของพระชายาที่ดังขึ้นจากด้านในเป็นบางครั้ง “ฮองเฮาโกรธ ฝ่าบาทก็อยู่ โจวเสวียน….”
เรื่องอันใดกัน ฝ่าบาททะเลาะกับฮองเฮาอีกแล้วหรือ ฝ่าบาทไม่ชอบฮองเฮามานานแล้ว ทั้งชราทั้งอัปลักษณ์…ไม่สำคัญว่าฮ่องเต้ชอบฮองเฮาหรือไม่ หากแต่จะกระทบต่อองค์รัชทายาทหรือไม่
เหยาฝูคิดไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะเห็นองค์ชายห้านำขันทีและนางในเดินทางมาถึง ขันทีทั้งสองคนถือม้วนเอกสารอยู่ในมือ เหยาฝูโน้มตัวคารวะ สัมผัสได้ว่าองค์ชายห้าเหลือบมองนางหนึ่งที จากนั้นเดินเข้าไป ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงตกตะลึงของพระชายาลอยออกมาจากด้านใน “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น? เฉินตันจู…”
เฉินตันจู? เหยาฝูยืดตัวตรงขึ้นมาทันที นางเอื้อมมือรั้งนางในคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านไปเอาไว้ แย่งจานขนมที่อยู่ในมือของนางมา “ข้านำเข้าไปเอง”
ไม่รอนางในนั้นตั้งตัว นางก็ถือจานขนมเดินเข้าไปด้านในตำหนักอย่างเงียบๆ ช่างเถิด คุณหนูสี่นี้ก็เป็นแค่สาวรับใช้เมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายา นางในนั้นจึงยืนรอรับใช้อยู่ด้านนอก
“เป็นเรื่องจริง เฉินตันจูทำร้ายจินเหยา” องค์ชายห้ากำลังสนทนากับพระชายาด้วยท่าทางตื่นเต้น “เรื่องนี้เกิดจากโจวเสวียน เสด็จแม่กำลังโกรธอย่างมาก”
แต่ว่าไม่เกี่ยวกับเขา คนที่โชคร้าย คนที่ก่อเรื่องล้วนเป็นคนอื่น เขาย่อมยินดีที่จะดูความสนุก
เหยาหมิ่นเหลือบมองเหยาฝูที่เดินเข้ามา ไม่ได้พูดสิ่งใด นางถามต่อ “เฉินตันจูตีองค์หญิง ยังไม่ถูกลงโทษอีกหรือ เฮ้อ ทั้งงานเลี้ยง ทั้งเฉินตันจู อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าตระกูลใหญ่จำนวนมาก”
องค์ชายห้าพูด “ไม่รู้ เสด็จพ่อกำลังโต้เถียงกับเสด็จแม่ ย่อมต้องลงโทษอยู่แล้ว อย่าพูดเรื่องเหล่านี้เลย พี่สะใภ้วางใจ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ไม่ต้องสนใจ” เขาให้ขันทีกางม้วนเอกสารออก “องค์รัชทายาทกำลังจะมา ข้าให้คนเลือกจวนไว้หลายหลัง พี่สะใภ้ท่านดูว่าหลังใดดี”
พระชายาพูดด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อเลือกวังรัชทายาทไว้แล้ว ไม่ต้องเตรียมจวนแล้ว”
องค์ชายห้าโบกมือ “ไม่เหมือนกัน วังรัชทายาทคือวังรัชทายาท แต่องค์รัชทายาทย่อมต้องมีจวนแห่งอื่น ไม่ใช้เองก็มอบให้ผู้อื่น”
เวลานี้สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดคือจวน องค์รัชทายาทมอบจวนให้ขุนนางใหญ่คนใดคนหนึ่ง คนเหล่านั้นย่อมต้องรู้สึกประทับใจต่อองค์รัชทายาท
พระชายาจึงพินิจดูจวนเหล่านี้ จวนเหล่านี้ล้วนถูกวาดลงเป็นภาพ มองได้อย่างชัดเจน…
“สวนจินเถานี้ไม่ดีนัก ถึงจะดูงดงาม แต่อันที่จริงที่พักคับแคบอย่างยิ่ง”
เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
องค์ชายห้าและพระชายามองไป เห็นว่าเป็นเหยาฝูที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง
องค์ชายห้าฉงน “เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าเคยไปหรือ?”
เดิมทีพระชายาคิดจะขับไล่เหยาฝูออกไป แต่เมื่อนึกบางอย่างได้จึงชะงักลง นางมองภาพ ก่อนจะมองเหยาฝู
เมื่อเห็นพระชายาไม่ได้ห้ามปราม เหยาฝูจึงก้มหัวลงพูดเสียงเบา “หลายวันก่อนหม่อมฉันออกไปเที่ยวเล่นกับพี่น้องคนอื่น มีโอกาสได้ไปครั้งหนึ่งเพคะ”
องค์ชายห้าตอบรับ จ้องมองภาพนี้ ก่อนจะให้ขันทีเก็บไป “คนส่งภาพมาให้ข้า ข้าก็ไม่มีเวลาไม่ได้ไปดู…ท่าทางดูแค่ภาพคงจะไม่ได้”
เหยาฝูยื่นนิ้วเรียวยาวชี้ไปที่ภาพหนึ่งในนั้น “สวนซีนี้ดีมาก งดงามเสียงยิ่งกว่าในภาพ”
องค์ชายห้าสงสัย “เจ้าเคยไปมาก่อน?”
เหยาฝูตอบรับ แต่ไม่ได้พูดสิ่งใดมาก
องค์ชายห้าพินิจนาง ก่อนจะพูด “น้องสาวท่านนี้คุ้นเคยกับเมืองอู๋มาก”
ไม่เพียงแค่คุ้นเคย หากแต่นางใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้สามปีกว่า พระชายาคิดภายในใจ ตัวตนของเหยาฝูเป็นความลับอย่างมาก แม้แต่องค์ชายห้าก็ไม่รู้ เหยาฝูอาจทำเรื่องอื่นได้ไม่สำเร็จ แต่ดูจวนนางคงจะทำได้บ้าง
“หลังจากนางเดินทางมาก็เที่ยวเล่นไปทั่ว ล้วนเป็นเหล่าหญิงสาว สถานที่ไปล้วนเป็นจวนในเมืองหรือสวน ดังนั้นจึงคุ้นเคย” พระชายาพูดขึ้นในที่สุด
องค์ชายห้าจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หากเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่สะดวกไปดูทุกที่ เรื่องเลือกจวนต้องขอให้คุณหนูสี่ช่วยแล้ว”
พระชายาเหลือบมองเหยาฝู เหยาฝูก็กำลังมองนางอย่างตระหนก พูดขึ้น “หม่อมฉัน หม่อมฉัน ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย…”
“ไม่รู้ถามไม่เป็นหรือ” พระชายาพูด “ให้เจ้าดู ไม่ได้ให้เจ้าตัดสินใจเอง”
แสดงว่าตกลงหรือ เหยาฝูดีใจอย่างยิ่ง รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
องค์ชายห้าเรียกขานขันทีคนหนึ่ง “เจ้าแนะนำคุณชายเหวินให้แก่คุณหนูสี่ บอกเขา ต่อจากนี้มีจวนดีหลังใดส่งให้คุณหนูสี่ผ่านตา”
ขันทีนั้นตอบรับ เหยาฝูคารวะอีกครั้ง
วันนี้ช่างเป็นข่าวดีที่ไม่มีมานาน หนึ่งคือโจวเสวียนไปหาเรื่องเฉินตันจูในงานเลี้ยงตามคาดหมาย สองคือนางสามารถออกไปได้แล้ว ถูกหญิงโง่อย่างพระชายาขังไว้ในนี้ นางไม่อาจทำเรื่องใดได้เลย…
หลิวเวยไปหาบิดา องค์หญิงจินเหยาก็ไปหาบิดา เฉินตันจูกลับขึ้นภูเขาโดยไม่หาผู้ใดทั้งนั้น บิดาของนางอยู่ในพื้นที่ห่างไกลอย่างมากแล้ว
แต่ว่าเฉินตันจูไม่เสียใจ นางนั่งอยู่ภายในห้องอย่างดีใจ มองดูอาเถียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้คนอื่นฟัง ถึงแม้เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อจะตามไป แต่ต่อมาไม่อาจปรนนิบัติอยู่ข้างตัวของเฉินตันจูได้ มีเพียงอาเถียนที่อยู่เคียงข้างตลอดเวลา เวลานี้ได้ยินอาเถียนเล่าเหตุการณ์ ทุกคนต่างตื่นเต้นและกังวล…
เฉินตันจูก็ฟังอย่างออกรสออกชาติ ราวกับกำลังฟังเรื่องของผู้อื่น จนกระทั่งจู๋หลินยืนกวักมือเรียกนางอยู่หน้าประตู
เหตุการณ์ประหลาด จู๋หลินเอาแต่หลบนางทั้งวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายมาหานางก่อน
เฉินตันจูเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ถามเสียงเบา “เรื่องอันใด…ข้ายังไม่มีเงินคืนเจ้า”
อันใดกัน จู๋หลินกระอักเล็กน้อย ก่อนจะมองดวงตาหยีของเฉินตันจูด้วยความระอา
คุณหนูตันจูมักจะหยอกล้อเขา หรือว่าท่าทางของเขาดูโง่เขลามาก?
“มีเรื่องหนึ่ง ต้องการบอกคุณหนู” เขาเงียบไปสักพัก นึกถึงเรื่องที่ต้องการพูดก็เหลือเชื่อเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือกุมหน้าอกเอาไว้ จดหมายอยู่ตรงนี้ สัมผัสที่แท้จริง ไม่ได้ฝันไป
เฉินตันจูมองสีหน้าของเขา ก่อนจะแสดงท่าทางตกใจออกมา “เรื่องอันใด เจ้าจะไปแล้วหรือ ข้าไม่เชื่อ…”
จู๋หลินกระตุกที่มุมปากเล็กน้อย แต่นี้เรื่องสำคัญอย่างมาก เขาจึงข่มความอยากกลอกตาเอาไว้ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “หญิงสาวนั้นชื่อเหยาฝู นางเป็นน้องสาวของพระชายาองค์รัชทายาท ถูกเรียกว่าคุณหนูสี่ตระกูลเหยา เวลานี้อยู่ในพระราชวัง”
เฉินตันจูผงะไป ความตกตะลึงบนใบหน้าหายไป ก่อนจะเหลือเพียงความเรียบเฉย