หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 660

ตอนที่ 660

บทที่ 660 หมดเวลาเล่นแล้ว!
พลังปราณในช่วงที่สมบูรณ์แบบที่สุดของโยวหรัน หรืออันที่จริงแล้วอาจจะต้องพูดว่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่ใช้ร่างของโยวหรันอยู่ เลยระดับเชื่อมวิญญาณไปแล้ว!

โดยอาจจะอยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณอมตะหรือขั้นดาวพระเคราะห์ก็เป็นได้ สงครามในอดีตทำให้เขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง จนทำให้การฟื้นฟูร่างกายนั้นเป็นได้ช้าเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้พลังปราณของเขาจึงแสดงออกมาในรูปแบบของขั้นเชื่อมวิญญาณแทนนั่นเอง

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะได้โอกาสเล็กๆ ในการเผด็จศึกจากการใช้หัตถ์สื่อวิญญาณ นิมิตหมุนวน หมื่นภัยพิบัติ และพันชีวิต แต่เขาก็ไม่อาจประมาทสัญชาตญาณการรบโยวหรันได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

ดวงตาของโยวหรันเริ่มเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อลืมตาตื่นขึ้น ทำให้ความเด็ดขาดในดวงตาของหวังเป่าเล่อยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เขาไม่คิดหนี หากแต่เพิ่มความเร็วของตนให้มากขึ้นเพื่อเผด็จศึก พลังปราณของชายหนุ่มทำงานมากขึ้น จนปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น เขาเปรียบเสมือนดาวตกที่ห้อมล้อมโดยกระแสสายฟ้า ที่กำลังพุ่งเข้าใส่โยวหรันกลางอากาศ!

ภายในพริบตาเดียว หวังเป่าเล่อและกระบี่เหาะเหินคู่ใจก็ปรากฏขึ้นข้างกายโยวหรัน หมัดอัฐิเกราะจักรพรรดิกำลังจะพุ่งเข้าใส่ศีรษะของเป้าหมาย ในตอนนั้นเอง ที่ร่างนิ่งนั้นระเบิดออกเสียก่อน!

เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นในอากาศ กระบี่ของหวังเป่าเล่อปักเข้าที่จุดตันเถียนของโยวหรันจากข้างหลัง เลือดสดๆ สาดกระจายไปทั่วบริเวณ!

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ดีใจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม สีหน้าเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจ จิตใจสัมผัสได้ถึงอันตรายที่คืบเข้ามาใกล้ ร่างทั้งร่างบอกกับตนเองว่าให้รีบหนีไปโดยเร็วที่สุด เขากัดฟันและรีบยกหมัดขึ้นอีกครั้ง พลังปราณพวยพุ่งระเบิดออก ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะต่อยโยวหรันอีกครั้งหนึ่ง!

แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว…อาจดูเหมือนว่าหมัดแรกของหวังเป่าเล่อพุ่งลงที่ศีรษะของโยวหรันพอดิบพอดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศีรษะของเขาระเบิดออกเองต่างหาก ในตอนที่หมัดของเขาอยู่ห่างออกไปเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น!

หวังเป่าเล่อไม่ได้ทำให้ศีรษะของโยวหรันระเบิดออก หากแต่เป็นตัวโยวหรันเองต่างหาก ที่ระเบิดศีรษะของตนเองทิ้ง!

โยวหรันที่ปลุกตนเองให้ตื่นไม่ทัน ตัดสินใจระเบิดชิ้นส่วนร่างกายของร่างที่ตนเองอาศัยอยู่ทิ้งไปแทน!

เขาตั้งใจทำลายศีรษะของตนเองทิ้ง เพื่อป้องกันตนเองจากการโจมตีของหวังเป่าเล่อที่อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ กระบี่บินนี้เหาะมาจากไหนก็ไม่ทราบได้ โดยที่ตัวโยวหรันเองไม่ทันได้คาดคิด ใครกันเล่าจะไปรู้ว่าจะมีกระบี่บินพุ่งออกจากเสาค้ำในวินาทีชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้…แม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดไปกับการป้องกันตนเองจากหมัดของหวังเป่าเล่อ แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากกระบี่เหาะเหิน ที่ปักเข้ากลางจุดตันเถียนของเขาจากทางด้านหลัง

ทว่า…แม้อาการบาดเจ็บจะดูร้ายแรง แต่สำหรับหวังเป่าเล่อนั้น นี่ยังรุนแรงไม่พอ ความรู้สึกได้ถึงอันตรายทวีความรุนแรงขึ้นในจิตใจ เขาต้องการโจมตีต่อเป็นครั้งที่สอง แต่ก้อนเนื้อสามก้อนก็ปรากฏขึ้นจากกองเลือดกองมันสมองที่เคยเป็นศีรษะของโยวหรันเสียก่อน!

ก้อนเนื้อทั้งสองที่ขนาบอยู่นั้นไม่มีเครื่องหน้า ดูเหมือนก้อนเนื้อไร้รูปร่างที่ดูทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยง ส่วนก้อนเนื้อตรงกลางดูปกติกว่าตรงที่มีดวงตาอยู่คู่หนึ่ง กระนั้นก็ยังไร้ซึ่งเนื้อหนัง ปากเป็นเพียงซากกระดูกเท่านั้น อันทำให้ดูน่ากลัวไม่ต่างกันเท่าใดนัก

นี่คือร่างที่แท้จริงของโยวหรัน แขนสี่ข้างแทงออกจากลำตัวในตอนเดียวกับที่ก้อนเนื้อทั้งสามปรากฏขึ้น แขนข้างหนึ่งพุ่งออกมาอย่างเร็วจนเห็นเป็นภาพเลือน คว้าเอากระบี่บินของหวังเป่าเล่อเอาไว้ ส่วนมือที่เหลือก็สร้างผนึกมือก่อนพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!

พลังทำลายล้างของผู้ฝึกตนระดับเชื่อมวิญญาณอุบัติขึ้นในตอนนั้นเอง แปรเปลี่ยนเป็นพายุที่โหมกระหน่ำทรงพลังเสียจนน่าจะทำลายได้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า พายุร้ายพัดเข้าใส่หวังเป่าเล่อในทันที

พายุของโยวหรันดูเหมือนแท่งทรงกระบอกสีดำที่หมุนวนรวดเร็ว มันขยายใหญ่ขึ้นจนเท่าเกราะจักรพรรดิลักอัคคีในพริบตาเดียว และดูเหมือนว่ากำลังจะกลืนกินเกราะจักรพรรดิเข้าไปทั้งตัว

ชายหนุ่มเบลอไปชั่วขณะ จิตใจว่างเปล่า เขาไม่กล้าปล่อยให้มีสิ่งใดเข้ามาในจิตใจของตน ความคิดแรกของเขาที่มาจากสัญชาตญาณภายในคือการสลับที่กลับร่างอวตารของตน

แต่นั่นก็ทำได้เพียงชะลอความตายออกไปเท่านั้น และอาจไม่ได้ให้เวลาแก่เขามากมายเสียขนาดนั้นด้วยซ้ำไป เขามีเวลาอีกเพียงสิบวินาทีเท่านั้นก่อนที่ชีวิตจะถูกพรากออกจากร่าง นอกจากนี้ยังจะเสียโอกาสการเคลื่อนย้ายกลับไปอีกด้วย หากทำเช่นนั้นโยวหรันก็จะกลับมาควบคุมทุกสิ่งได้อีกครั้ง และแผนชั่วร้ายก็จะเดินหน้าต่อไป

เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว…ดวงตาของหวังเป่าเล่อกลายเป็นสีแดงก่ำ พายุร้ายสีดำกำลังจะทำลายชุดเกราะจักรพรรดิของเขาเสียหมดสิ้น รวมถึงร่างของเขาเองก็กำลังจะถูกบีบจนระเบิดออกจากภายในด้วย หวังเป่าเล่อกู่ร้อง ก่อนปล่อยกระบวนเวททำลายตนเองออกมา!

นี่คือการดูดซึมพลังปราณแบบย้อนกลับเพื่อเผาผลาญไขมันวิญญาณในกายของเขา โดยปกติแล้วหวังเป่าเล่อจะไม่ใช้วิชานี้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ แต่ในเมื่อไม่มีเวลาคิดหาทางออกอื่น เขาก็จำเป็นต้องทำ ในขณะที่ชายหนุ่มกู่ร้อง ไขมันของเขาสั่นสะเทือนและสลายหายไปหมดสิ้นในพริบตา พลังปราณที่สะสมไว้ภายในกายระเบิดออก พวยพุ่งเข้าใส่เกราะจักรพรรดิ เขาถอนหมัดออกมา ก่อนยกมืออีกข้างขึ้นปัดป้องการโจมตีของโยวหรัน!

พายุทรงกระบอกพุ่งไปข้างหน้าเหมือนคลื่นยักษ์ พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อและปล่อยพลังทั้งหมดเข้าใส่เขา ชุดเกราะของชายหนุ่มเกิดรอยร้าวในทันที ก่อนแตกสลายพร้อมเสื้อผ้าป้องกันที่อยู่ภายใน ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ล่าถอยไปข้างหลัง แต่…เขาก็รอดชีวิตจากพลังโจมตีของพายุมาได้!

เกราะจักรพรรดิแตกไปมากกว่าครึ่ง เสื้อผ้าป้องกันภายในถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ส่วนร่างกายก็ได้รับบากเจ็บหนัก กระนั้นเขาก็ยังปล่อยพลังปราณของตนออก พร้อมยังใช้อาวุธเทพในการปัดป้องการโจมตีนั้นเอาไว้ได้ นอกจากนี้โยวหรันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบี่บินของเขา และพายุนี้ก็สร้างขึ้นเฉพาะกิจจึงทำให้ไม่ใช่พลังที่ร้ายกาจที่สุด

ร่างของหวังเป่าเล่อปลิวไปข้างหลัง ชายหนุ่มตกไปอยู่ข้างชุดคลุมออกศึกกลางทะเลสอบอีกครั้ง เลือดกบปาก แม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่เขาทำได้ คือการสลับร่างกับร่างอวตารของตน หากทำเช่นนั้นเขาก็จะยื้อชีวิตตนเองต่อไปได้อีกนิด!

ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองนั้นมากเกินไป การที่เขารอดมาได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว โยวหรันระเบิดร่างของตนเองออก ส่วนหวังเป่าเล่อก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยกระบี่บินของตนเอง…หากมีใครทราบเรื่องนี้เข้าคงจะตกใจเป็นอันมาก จนแทบไม่อยากเชื่อเลยทีเดียวว่าเป็นเรื่องจริง!

การที่โยวหรันโกรธมากจนคุมสติไม่ได้นั้น ไม่ได้เกินกว่าเหตุไปแม้แต่น้อย เนื่องจากแผนการที่เขาวางมานานถูกหวังเป่าเล่อทำลายเสียแทบป่นปี้ ชุดคลุมของเขาถูกดูดพลังเสียจนแขนหายไปหนึ่งข้าง ส่วนร่างที่ตนเองแฝงกายอยู่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเขาดึงจิตตนเองกลับมาได้อีกครั้ง ดวงตาของโยวหรันก็เต็มไปด้วยโทสะที่รุนแรงเสียจนไม่อาจมีสิ่งใดเทียบเทียม เขาตะโกนขู่อาฆาตหวังเป่าเล่อพร้อมยื่นมือมาหมายจับตัวชายหนุ่ม

“ไอ้หวังเป่าเล่อ เจ้าไม่ตายดีแน่ ข้าจะดึงวิญญาณของเจ้าออกมา และให้เจ้าดูการล่มสลายของอารยธรรมชั้นต่ำของเจ้าด้วยตาของตนเอง ข้าจะ…” โยวหรันกล่าวบรรยายถึงความชั่วร้ายที่ตนเองจะทำ ขณะที่จับเอาตัวหวังเป่าเล่อมาได้ ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มที่ถูกจับตะโกนออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ ทั้งๆ ที่ยังหอบสั่นและเลือดกบปากอยู่

“เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ”

“ศิษย์พี่ของข้ามีนามว่าเฉินชิง ราชันสวรรค์ลำดับแรกแห่งตระกูลไม่รู้สิ้น ข้าคือศิษย์น้องคนเดียวของเขา ศิษย์พี่ของข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่หากเจ้าสังหารข้า ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปแห่งหนใด เขาก็จะตามหาเจ้าจนเจอ และเมื่อเขาเจอเจ้า ก็เตรียมตัวตายเอาไว้ได้เลย!”

เสียงของหวังเป่าเล่อเย็นเยียบ ชายหนุ่มไม่ได้เล่นละคร เขาไม่ได้นึกถึงคำพูดในแบบเดียวกันที่ออกมาจากปากผู้คนที่เขาเคยสังหารเสียด้วยซ้ำ ราวกับว่าอำนาจนี้ฝังอยู่ภายในใจเบื้องลึกของเขาตลอดมา จนทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่าการเสแสร้ง

“โยวหรัน ข้ามายืนอยู่ตรงนี้เพราะศิษย์พี่ของข้าต้องการให้ข้ามาเข้ารายการฝึกวิชางี่เง่านี่ ใครจะมาคิดว่าคนสำคัญอย่างข้าจะต้องมาโดนไอ้ขี้คร้านอย่างเจ้าอัด หมดเวลาเล่นแล้ว ข้าเป็นถึงศิษย์น้องแห่นราชันสวรรค์ จะให้มาสู้จนตัวตายถวายชีวิตกับคนอย่างเจ้า ข้าไม่เอาด้วยหรอก!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท