เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าทำได้ถูกต้องแล้ว”
ลู่เจียวไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่ไปพูดเรื่องอื่นแทน
“พรุ่งนี้ข้าจะไปหอยาเป่าเหอรักษาผู้ป่วยแล้ว”
ระยะนี้เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บ นางจึงไม่ได้ไปหอยาเป่าเหอเลยสักครั้ง หากเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้
นับประสาอันใดกับคนบงการจะลงมือตอนไหน พวกเขาเองก็ไม่รู้ พวกนางคงไม่อาจเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนตลอดไปเช่นนี้ได้
บนโต๊ะอาหาร เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวเอ่ยขึ้นก็รีบคัดค้าน
“สองสามวันนี้อย่าออกไปดีกว่า รออีกสองสามวัน”
ลู่เจียวเลิกคิ้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าบอกท่านจ้าวหอยาเป่าเหอไปแล้ว ทุกวันที่ห้าและสิบก็จะไปนั่งตรวจที่หอยาเป่าเหอ ระยะนี้เพราะเจ้าบาดเจ็บ ข้าก็เลยไม่ได้ไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดี นับประสาอันใดกับก็ยังไม่รู้ว่าคนบงการอยู่เบื้องหลังจะลงมือเมื่อไร”
ความจริงลู่เจียวไม่เป็นห่วงว่าตนเองจะเจอกับศัตรูลอบทำร้าย นางมีเครื่องมือขี้โกง แม้ตกในมือศัตรู นางก็ปกป้องตนเองได้
เพียงแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้เรื่องนี้ ได้ฟังคำพูดนางแล้วก็ยังดึงดันกล่าวว่า “รออีกสองสามวันแล้วกัน ขอเพียงหาหลักฐานรับสินบนของรองนายอำเภอหยางและเผิงจู่ปู้เจอ ลากตัวทั้งสองคนลงมาแล้ว พ่อค้าในอำเภอชิงเหอก็จะลงมือไม่ได้ง่ายๆ อีก”
ตอนนี้ที่พวกเขาลงมือก็เพราะคิดปกป้องเส้นทางนี้ไว้ แต่รอให้รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ร่วงจากตำแหน่งจริง พ่อค้าอำเภอชิงเหอก็คงไม่ลงมือแล้ว หากป้องกันตนเองจะโดนไปด้วย
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น คิดแล้วก็รู้สึกว่าเขาพูดได้มีเหตุผล แต่ตอนนี้ต้องการหาหลักฐานรับสินบนรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ เกรงว่าจะไม่ง่าย
หลัวซินซื่อแหวกหญ้าให้งูตื่นไปแล้ว ตอนนี้รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ต้องระวังตัวเองมากอย่างแน่นอน พวกเขาคิดหาทองก้อนหรือเงินก้อนที่พวกเขาซ่อนไว้ย่อมยากมาก หากอย่างไรก็หาไม่เจออยู่อย่างนี้ พวกเขาจะหาหลักฐานความผิดของทั้งสองคนชิ้นนี้ไม่เจออยู่อย่างนี้หรือ
ลู่เจียวส่งสายตาวาวกระจ่างใสมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “ไม่มีหลักฐาน งั้นพวกเราก็สร้างหลักฐานความผิดให้พวกเขาสักหน่อยดีไหม”
ลู่เจียวกล่าวจบก็รู้สึกว่าตนเองคิดได้ไม่เลว
“คนบงการเบื้องหลังไม่ได้คิดจับพวกเราหรอกหรือ พวกเราก็ทำเป็นหลงกลให้พวกเขาจับ จากนั้นก็หาจากคนพวกนี้ว่ามีใครบงการอยู่เบื้องหลัง แม้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้บงการมา พวกเราก็หาคนสักคนแฝงตัวเข้าไปปะปนในหมู่คนพวกนั้น ยืนยันหนักแน่นว่ารองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้บงการพวกเขาให้ฆ่าคน เช่นนั้นพวกเราก็จะไปจับตัวรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ได้อย่างสมเหตุสมผล จากนั้นก็พวกเราก็จะพาคนไปตรวจค้นตระกูลหยางกับตระกูลเผิง ไม่เชื่อว่าจะหาเงินทองที่พวกเขารับสินบนไม่เจอ”
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะได้ กล่าวจบก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างดีใจ “เจ้ารู้สึกว่าวิธีที่ข้าว่ามา เป็นอย่างไรบ้าง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็นึกอยากลองดู วิธีของลู่เจียวเป็นวิธีที่ดีไม่น้อยจริงๆ แต่หากต้องให้นางไปเสี่ยงภัยเป็นตัวล่อคนชั่วพวกนั้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่เห็นด้วย
“ก็ไม่เป็นอย่างไรทั้งนั้น เอาละ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง เจ้าก็อยู่บ้านไปดีๆ อย่างมากที่สุดสามถึงห้าวันนี้ข้าต้องจับตัวรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ได้แน่ ถึงตอนนั้นเจ้าอยากไปไหนก็ไปได้ ข้ารับรองว่าจะไม่พูดอะไรสักคำ”
ลู่เจียวฮึดฮัดไม่พอใจใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น “ข้าไปหอยาเป่าเหอก็แต่งกายเป็นชายไป คนบงการพวกนั้นไม่มีทางรู้ว่าข้าคือลู่เจียวไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วกล่าวว่า “คนเราไม่กลัวอะไร กลัวแค่เกิดเหตุไม่คาดฝัน หากเกิดพวกเขารู้ว่าเป็นเจ้าล่ะ ข้าสงสัยว่าตอนนี้รอบๆ บ้านเรามีแต่คนคอยจับจ้อง ขอเพียงบ้านเรามีคนออกไป ก็ย่อมมีคนตามไปตรวจสอบ”
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ก็อาจเป็นไปได้ จึงไม่พูดอีก
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นบรรยากาศระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเข้าไปพูดจาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเบิกบานใจ
“ท่านพ่อ ท่านรู้ไหมว่าวันนี้พวกเราเรียนนับเลขได้เท่าไรแล้ว ตัวเลขต่ำกว่าร้อยพวกเรานับได้หมดแล้ว”
“ท่านพ่อให้พวกเรานับให้ท่านพ่อดูไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างนึกสนใจขึ้นทันทีว่า “ดีเลย พวกเจ้าสอนพ่อแล้วกัน”
ต้าเป่ากับซื่อเป่าวิ่งไปข้างกายลู่เจียว ดึงมือนางมาออดอ้อนกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ไปหอยาเป่าเหอได้ไหม อยู่บ้านเป็นเพื่อนพวกเรา”
“ท่านแม่ข้าดีที่สุด เป็นท่านแม่ที่ดีที่สุดในโลก ท่านแม่ทำใจให้บุตรชายตนเองเสียใจไม่ได้อย่างแน่นอน ใช่ไหมท่านแม่”
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว มองซื่อเป่าออกโรงเอง “ลูกแม่ ลูกพูดผิดแล้ว ข้าเป็นแม่ที่ทำใจให้บุตรชายตนเองเสียใจได้”
ซื่อเป่าเขย่าแขนนางอย่างไม่ยอมแพ้ “ท่านแม่ ท่านก็รับปากอยู่บ้านสอนพวกเราเถอะนะ ท่านแม่สอนเลขสนุกมาก ข้าคิดอยากเรียนอยู่ตลอดเลยนะ”
เอ้อร์เป่าข้าง ๆ ก็เอ่ยกับลู่เจียวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้บอกว่าจะเขียนนิทานเรื่องแม่ทัพให้ข้าเล่นหรือ ระยะนี้ท่านแม่ไม่ได้เขียนเลยนะ”
ลู่เจียวได้ฟังเอ้อร์เป่าก็แอบรู้สึกผิด เพราะเรื่องที่ประสบพบเจอมาในระยะนี้ นางจึงสอนเด็ก ๆ แสดงแต่ในเรื่องการป้องกันเป็นหลักว่าจะรับมือคนเลวอย่างไร ลืมเรื่องที่จะให้เอ้อร์เป่าเป็นแม่ทัพไปเสียสนิทเลย
ตอนนี้ได้ยินเอ้อร์เป่าเอ่ยทวงขึ้น ลู่เจียวรีบกล่าวคำรับรองว่า “ไว้แม่จะเขียนนิทานแม่ทัพให้เจ้านะ”
เอ้อร์เป่ารีบถามว่า “งั้นพรุ่งนี้แม่ไม่ออกไปแล้วใช่ไหม”
ลู่เจียวปวดหัวไร้หนทางรับมือ ได้แต่กล่าวว่า “ไม่ออกไปแล้ว จนใจกับพวกเจ้าจริงๆ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจขึ้นมาทันที จากนั้นทั้งสี่คนก็เหล่มองไปทางท่านพ่อพร้อมกัน
เป็นอย่างไร พวกเราร้ายกาจใช่ไหม พวกเราออกโรง ท่านแม่ก็ไม่ออกไปแล้ว ท่านพ่อพูดไปไม่ได้เรื่องเลย ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรก็คงต้องพึ่งพาพวกเราแล้วนะ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบบ่นอุบในใจ ดูท่าสถานะเขาในใจลู่เจียวจะสู้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้
ไม่สิ บางทีแม้แต่นิดก็ไม่ได้ เมื่อไรเขาจะเหนือบุตรชายทั้งสี่นะ
ในเมื่อลู่เจียวรับปากเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ไปหอยาเป่าเหอ ก็ไม่คิดจะให้ตรวจที่หอยาเป่าเหอแล้ว
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่า วันรุ่งขึ้นจ้าวหลิงเฟิงจะมารับนางด้วยตนเอง
“เจ้าไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าเป็นที่ต้อนรับในหอยาเป่าเหอขนาดไหน มีคนมากมายเท่าไรต้องการให้เจ้ารักษา ใช่แล้ว ตอนนี้เท้าคหบดีหลิวไม่คันแล้ว เขามาหอยาเป่าเหอหาเจ้า คิดจะมอบป้ายประกาศเกียรติคุณให้เจ้าด้วยนะ”
สีหน้าลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว กล่าวว่า “ก็แค่รักษาโรคเท้าให้เขา จำเป็นต้องถึงขั้นนี้ไหม ยังจะมอบป้ายประกาศเกียรติคุณอีก เจ้าบอกเขาไปว่าไม่จำเป็น”
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวอย่างจนใจว่า “ข้าบอกเขาแล้ว เขาไม่สนใจ เพราะโรคเท้าเขารักษาหาย และเจ้ายังต่อแขนให้ขุนพลหวังอีก ไม่รู้ว่าทำไมจึงแพร่งพรายออกไป ตอนนี้หลายคนรู้ว่าหอยาเป่าเหอมีหมอเทวดาเก่งกาจ คนพวกนั้นวันๆ ก็พากันมาให้เจ้ารักษา”
“เดิมข้าไม่อยากมาหาเจ้าในตอนนี้ แต่คนพวกนั้นมากันทุกวัน ให้ข้าคอยนั่งบอกปัดคนอยู่ที่หอยา ข้าเองก็รำคาญแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงได้แต่มารับเจ้าไปสักครั้ง เจ้าวางใจ ข้ามารับเอง รับรองไม่เกิดเรื่อง”
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวถึงตรงนี้ ลู่เจียวจะพูดอะไรได้ อย่างไรตนเองก็เป็นหุ้นส่วนหอยาเป่าเหอ มีผู้ป่วยมารอ นางจะไม่ไปได้อย่างไร
“ได้ ข้าไปแล้วกัน”
ครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ห้ามลู่เจียว คนเขามารับด้วยตนเอง เขาจะทำอย่างไรได้