“ท่านอ๋อง หม่อมฉัน…” หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยนอ๋องอยู่ในอาภรณ์สีขาวสง่า ใบหน้างดงามหมดจด ท่าทางน่าสงสาร เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยปาก
‘เพียะ!’ เพิ่งเอ่ยได้เพียงสี่คำก็ถูกฝ่ามือฟาดลงมาบนใบหน้าแรงๆ
“ฉังผิง เจ้าทำอันใดกัน” เยี่ยนอ๋องจ้องมองน้องสาวอย่างไม่พอใจ
องค์หญิงฉังผิงกัดฟัน เอ่ย “หม่อมฉันทำให้นางหุบปาก พี่สาม พระองค์ก็จะโบยหม่อมฉันด้วยหรือไม่”
เยี่ยนอ๋องมองใบหน้าซีดขาวของน้องสาวที่กำลังโกรธเกรี้ยว ถอนหายใจออกมา ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ฉังผิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าอยู่เฉยๆ ไปเถิด หากมีเวลาว่างก็มาคุยเป็นเพื่อนเสี่ยวเตี๋ย นางเองก็ตัวคนเดียว พวกเจ้าต้องเข้ากันได้ดีเป็นแน่”
องค์หญิงฉังผิงยิ้มเย็น “นางมีอันใดดี จะให้หม่อมฉันไปคุยกับนางหรือ”
“ฉังผิง” เยี่ยนอ๋องย่นคิ้ว “นางเป็น…”
“นางเป็นอันใด” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยเสียงเรียบ
เยี่ยนอ๋องถอนหายใจ เอ่ย “นางเป็นพระสนมของข้า ต่อให้เจ้าไม่ชอบนางก็ไม่ควรลงมือกับนาง”
“ท่านอ๋อง…” กงเสี่ยวเตี๋ยกระตุกแขนเสื้อเยี่ยนอ๋องเบาๆ เอ่ยเสียงเบา “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันเกิดมาต้อยต่ำ ต้าจั่งกงจู่จะดูถูกก็เป็นเรื่องธรรมดา…ท่านอ๋องอย่าทำร้ายความรู้สึกของน้องสาวเพราะหม่อมฉันเลยเพคะ” องค์หญิงฉังผิงยิ้มเย็น เบี่ยงหน้าหนีแสดงออกชัดว่าคร้านจะมองนาง
“เสด็จลุง” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้น
เยี่ยนอ๋องเพิ่งมองเห็นหนานกงมั่ว ขมวดคิ้ว เอ่ย “อู๋สยา เจ้ากลับมาได้เยี่ยงไร จวินมั่วเล่า”
หนานกงมั่วมองสำรวจคนตรงหน้านิ่ง พร้อมเอ่ยตอบ “แม่ทัพเซี่ยให้จวินมั่วไปออกรบ หม่อมฉันติดตามไปไม่ได้ ดังนั้นจึงกลับมาเพคะ”
“เช่นนั้นหรือ” เยี่ยนอ๋องย่นหัวคิ้ว ไม่ใส่ใจเท่าใดนัก “เซี่ยลี่นั้นดื้อดึงไม่เปลี่ยน แน่นอนว่าไม่ยอมให้เจ้าไปออกรบด้วย ในเมื่อกลับมาแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่และเสด็จป้าของเจ้าเถิด”
หนานกงมั่วพยักหน้ารับ “เสด็จลุง เชียนชื่อทำอันใดผิด จึงทำให้พระองค์โกรธเพียงนี้”
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน เอ่ย “เป็นซื่อจื่อ คิดมาตำหนิข้า ไม่ควรลงโทษหรือ”
หนานกงมั่วยิ้ม “สมควรลงโทษ เพียงแต่สถานที่ไม่ถูกนักเพคะ หากถูกแพร่งพรายออกไป คนอื่นจะคิดว่าซื่อจื่อถูกลงโทษเหตุมาจากพระสนม ไม่ดีต่อชื่อเสียงของซื่อจื่อและพระชายา เสด็จลุง ท่านว่าใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เยี่ยนอ๋องมองสำรวจหนานกงมั่ว ราวกับอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เลิกคิ้วเอ่ย “เจ้าช่างเจรจาเสียจริง”
หนานกงมั่วเอ่ย “ซื่อจื่อไม่รู้ความ เสด็จป้าจะสั่งสอนให้ดีเองเพคะ โบราณว่าตีบุตรเจ็บปวดถึงใจมารดา เมื่อเห็นว่าซื่อจื่อจะถูกโบยเสด็จป้าก็ต้องร้อนใจ วันนี้หากโบยจริงๆ ซื่อจื่อของพระองค์ไหนเลยจะกล้าเดินไปทั่วโยวโจวได้ เสด็จลุงมีเมตตา ปล่อยเขาไปสักครั้งจะได้หรือไม่เพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายแล้ว แน่นอนว่าเยี่ยนอ๋องก็ไม่อาจดึงดันจะโบยเซียวเชียนชื่อต่อ หนานกงมั่วยื่นทางลงให้แล้ว เยี่ยนอ๋องเองก็ตามน้ำไป โบกมือเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องในวันนี้ก็แล้วกันไปเถิด หากมีครั้งหน้า…อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อลูกเล่า”
วาจานี้ดูไร้เยื่อใยอยู่บ้าง เซียวเชียนชื่อสีหน้าไม่ดีขึ้นมา กระตุกมุมปากกำลังจะเอ่ยสิ่งใด ทว่าถูกพระชายาเยี่ยนอ๋องกดไหล่เอาไว้ สุดท้ายจึงต้องก้มหน้าตอบรับ
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เอาล่ะ กลับไปเถิด วุ่นวายเสียงดังอันใดเช่นนี้ ฉังผิง ในเมื่ออู๋สยากลับมาแล้ว ในเมื่อมีคนอยู่คุยเป็นเพื่อนเจ้าแล้วก็ไปอยู่บ้านเสียเถิด”
องค์หญิงฉังผิงหลุบตาลง สีหน้าเย็นชา เยี่ยนอ๋องโกรธนางเพราะนางตบไปเมื่อครู่
หนานกงมั่วราวกับไม่ได้ยินวาจาเมื่อครู่ของเยี่ยนอ๋อง ดึงเซียวเชียนชื่อลุกขึ้น ประคององค์หญิงฉังผิง เอ่ย “เสด็จป้า เสด็จแม่ พวกเรากลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
เอ่ยจบ หยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะปล่อยองค์หญิงฉังผิง เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากงเสี่ยวเตี๋ย กงเสี่ยวเตี๋ยมีท่าทีราวกับตกใจขยับมาหลบอยู่ด้านหลังเยี่ยนอ๋อง เอ่ยเสียงเบา “ซิง…ซิงเฉิงจวิ้นจู่…”
หนานกงมั่วยิ้มบาง ราวกับไม่รู้ว่านางหลบหลีกจากตนเอง หยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งขวดยื่นให้นาง เอ่ยเสียงเบา “เสด็จแม่วู่วาม ขอพระสนมอย่าได้ถือสา” เอ่ยพร้อมยื่นมือไปสัมผัสร่องรอยที่องค์หญิงฉังผิงตบหน้านางเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใบหน้างดงามเพียงนี้ หากเสียโฉมไปคงไม่ดี พระสนมต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุดจึงจะถูก”
กงเสี่ยวเตี๋ยมองขวดยาที่ถูกยัดเข้ามาในมือของตน ยกมือขึ้นมาสัมผัสแก้มเบาๆ เมื่อได้สติกลับมาพบว่าหนานกงมั่วถอยห่างออกไปหลายก้าวแล้ว
กลับมายังเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง องค์หญิงฉังผิงสั่งบ่าวรับใช้ให้ไปต้มน้ำชาช่วยผ่อนคลายจิตใจมาให้พระชายาเยี่ยนอ๋อง พลางเอ่ยปลอบนาง “พี่สะใภ้สาม เมื่อครู่ท่านก็จริงๆ เลย…” นึกถึงภาพเมื่อครู่องค์หญิงฉังผิงตกใจจนจิตใจกระเจิดกระเจิง พี่สะใภ้ผู้นี้ไม่ได้สนิทสนมเท่าอดีตพี่สะใภ้ อย่างไรตลอดสิบกว่าปีมานี้ก็เคยเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เมื่อมาอยู่ที่โยวโจวกว่าครึ่งปีก็เริ่มสนิทสนมขึ้นมาบ้างแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พี่สะใภ้สามทำเพื่อพี่สามมาตลอดสิบกว่าปี ให้กำเนิดบุตรชายสามคน ไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไรก็ไม่ได้ทำผิดต่อเชื้อพระวงศ์หรือพี่สาม หากวันนี้เกิดอันใดขึ้น…
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มขมขื่น ตบเบาๆ ลงบนมือขององค์หญิงฉังผิง “ทำให้น้องห้าต้องกังวลแล้ว หลายปีมานี้ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว เมื่อครู่โกรธขึ้นมาชั่ววูบ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า “พี่สะใภ้สามคิดได้ก็ดีแล้ว อย่าลืมเล่าว่าท่านยังมีพวกเชียนชื่ออยู่”
หนานกงมั่วนั่งอยู่อีกฝั่ง ถูมือซ้ายไปมาราวกับกำลังคิดอันใดอยู่ เห็นว่านางไม่พูดไม่จา องค์หญิงฉังผิงจึงเอ่ยถาม “อู๋สยา คิดอันใดอยู่หรือ เมื่อครู่เจ้าเอายาให้สตรีนางนั้นไปทำไมกัน ข้าแทบอยากตบนางให้เสียโฉม” นึกถึงสตรีผู้นั้นที่อาศัยใบหน้าที่คล้ายคลึงกับอดีตพี่สะใภ้มาก่อกวนเสียจวนทั่วทั้งจวนวุ่นวายไปหมด องค์หญิงฉังผิงนึกโมโห พี่สามนั้นหน้ามืดตามัวไปแล้ว สตรีผู้นั้นอ่อนแอไร้กระดูกเช่นนั้น ไหนเลยจะคล้ายพี่สะใภ้ได้
หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้ม เอ่ย “เปล่าเพคะ หม่อมฉันเพียงคิดว่า…สนมกงผู้นั้นมีเพียงใบหน้างามที่พอมองได้ หากเสียโฉมแล้วคงน่าเสียดาย”
“เจ้าเด็กคนนี้…” องค์หญิงฉังผิงมองค้อนนางอย่างไม่พอใจ
พระชายาเยี่ยนอ๋องมองหนานกงมั่ว เอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น “อู๋สยา เจ้าว่าท่านอ๋อง…”
หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ เอ่ย “เสด็จป้า ท่านอ๋อง…ดูยังมีสติดี ไม่เหมือนถูกทำหรือวางยาเสน่ห์แต่อย่างใดเพคะ” ต่อให้เป็นการสะกดจิตทำเสน่ห์ตามตำนานที่เล่าต่อกันมาก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น ความจริงก่อนหน้านี้นางแอบคิดว่าเยี่ยนอ๋องอาจถูกสลับตัว แต่เมื่อนึกไปถึงเหล่าองครักษ์มากมายและการคุ้มกันอย่างแน่นหนาหากถูกสับเปลี่ยนได้คงเป็นเรื่องน่าแปลก เมื่อครู่ขยับเข้าใกล้กงเสี่ยวเตี๋ยนางก็สำรวจละเอียดอีกรอบ เยี่ยนอ๋องนั้นเป็นตัวจริงอย่างแน่นอน เห็นชัดว่าสิ่งที่เยี่ยนอ๋องกระทำมาตลอดช่วงนี้นั้นเป็นความต้องการของเยี่ยนอ๋อง แต่ใบหน้าของกงเสี่ยวเตี๋ยผู้นั้น…เป็นการปลอมตัวขั้นสูงทีเดียว หนานกงมั่วเองยังทำไม่ได้ ในโลกนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ
“เช่นนี้ ท่านอ๋องหลงเสน่ห์สตรีผู้นั้นแล้วจริงๆ หรือ” พระชายาเยี่ยนอ๋องมีสีหน้าคาดไม่ถึง ไม่ใช่ว่านางไม่ยอมรับความจริง แต่ว่าเป็นเพราะนางรู้จักสามีที่อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีเป็นอย่างดี เขาไม่ใช่คนที่จะลุ่มหลงในสตรี ไม่ว่าจะเป็นพระชายาเช่นนางหรืออนุเรือนหลังเหล่านั้น ท่านอ๋องไม่เคยแสดงความรู้สึกใดออกมามาก พวกเขาเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี หากบอกว่าเป็นคนรักชายหญิงมิสู้บอกว่าเป็นความสัมพันธ์ครอบครัวที่สั่งสมมานาน เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่เคยมีคำว่างี่เง่ามาก่อน