ไม่ว่าจะดีใจหรือว่ากังวล วันที่สองขันทีและนางในหลายคนนำรถม้าเดินทางมารับเฉินตันจูที่ภูเขาดอกท้อ เนื่องจากกักบริเวณ ไม่อนุญาตให้พาสาวรับใช้ไปด้วย
อาเถียนร้องไห้ดุจดั่งสายฝน “คุณหนูโตเพียงนี้ยังไม่เคยห่างจากข้าเลย”
อืม ตอนที่สังหารหลี่เหลียง…เฉินตันจูไม่คิดจะแก้ไขคำพูดของอาเถียน เนื่องจากนางคิดถึงเรื่องเมื่อชาติก่อน ชาตินั้นนางไม่ได้ไปสังหารหลี่เหลียง หลังจากเกิดเรื่อง นางจึงถูกกักขังไว้ที่ภูเขาดอกท้อพร้อมกับอาเถียน จนกระทั่งวินาทีที่ตนเองตายถึงจะแยกจากกัน
“ร้องไห้อันใด” เฉินตันจูพูดพลางจูงมือของนางเอาไว้ กดเสียงต่ำ “อย่ากลัว รออีกสองวันให้จู๋หลินรับเจ้ามา”
เข้าไปได้หรือ ไม่ได้บอกว่ากักบริเวณ? อาเถียนเช็ดน้ำตามองเฉินตันจู
เฉินตันจูเม้มปากยิ้ม “สถานที่อื่นก็แล้วไป แต่วัดถิงอวิ๋น ใช่คนนอกเสียที่ไหน” นางกะพริบตาให้อาเถียน “ตอนที่มาอย่าลืมนำของกินมาด้วย”
เฉินตันจูถูกส่งเข้าวัดถิงอวิ๋น ถนนของเมืองหลวงใหม่ราวกับคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากหญิงสาวมีจำนวนมาก พวกนางบ้างนั่งรถม้าออกมาเที่ยวเล่น บ้างเล่นสนุกอยู่ในโรงสุราโรงน้ำชา บ้างเข้าออกร้านทองจับจ่ายซื้อของ เนื่องจากฮองเฮาและฮ่องเต้ลงโทษเพียงเฉินตันจู ไม่ได้ตำหนิตระกูลฉางที่จัดงานเลี้ยง ดังนั้นเหล่าตระกูลใหญ่ที่อกสั่นขวัญแขวนต่างโล่งใจ ก่อนจะเริ่มมีงานเลี้ยงขึ้นมาอีกครั้ง เมืองหลวงใหม่ในฤดูใบไม้ผลิตอนต้นสมัครสมานกลมเกลียว
แต่ไม่ใช่ทุกคนใต้แผ่นดินนี้จะมีความสุข
คุณชายเหวินเป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่มีความสุขอย่างมาก แม้แต่เรื่องที่เฉินตันจูถูกลงโทษก็ไม่อาจทำให้เขาเผยยิ้มออกมาได้…เฉินตันจูถูกลงโทษสายเกินไป ทำให้คนเจ็บปวดใจยิ่งนัก หากลงโทษเฉินตันจูตั้งแต่ครั้งที่นางตีคุณหนูตระกูลเกิ่ง คงจะไม่เกิดสถานการณ์นี้ในเวลานี้
เขาไม่อาจขายจวนออกไปได้แม้แต่หลังเดียว
คุณชายเหวินมองดูม้วนเอกสารที่บ่งบอกตำแหน่งและพื้นที่ของจวน อีกทั้งยังมีภาพวาดประกอบ โกรธจนพลิกโต๊ะคว่ำ เจ้าของของจวนดีเหล่านี้ล้วนมีกิจการในตระกูลใหญ่โต ไม่มีทางขายออกเพื่อแลกเงิน ดังนั้นจึงต้องอาศัยอำนาจในการข่มขู่เท่านั้น ส่วนอำนาจนี้ย่อมต้องมีลูกค้าก่อน ลูกค้าต้องการจวน เขาเป็นผู้ดำเนินการ จากนั้นลูกค้าค่อยบอกกล่าวแก่ราชการ จากนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล…
แต่ว่าเวลานี้ที่ว่าการไม่ตัดสินคดีกบฏแล้ว ลูกค้าไม่มีแล้ว เขาก็ไม่มีทางดำเนินการได้แล้ว
คุณชายเหวินเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง เขาไม่ใช่ไม่คิดหาวิธีอื่น อาทิลองไปเจรจากับตระกูลใหญ่เมืองอู๋ แอบบอกเป็นนัยว่าตระกูลใดจากราชสำนักต้องการจวนของตระกูลเขา ให้บอกราคามา แต่สุดท้ายตระกูลใหญ่ในเมืองอู๋ที่เก็บหางในเดิมทีก็ใจกล้าขึ้นมา หากไม่บอกราคาที่สูงอย่างเหลือเชื่อ ก็บอกว่าไม่ขาย เขาใช้ชื่อของตระกูลใหญ่อีกฝ่ายในการข่มขู่ ตระกูลใหญ่ในเมืองอู๋เหล่านี้ก็บอกว่าตนเองเป็นราษฎรของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน พวกเขาอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่เกรงกลัวที่จะถูกลงโทษ…
ล้วนเป็นเพราะว่าเฉินตันจู!
คุณชายเหวินยกเท้าถีบเก้าอี้จนล้ม
เขาสืบมาอย่างกระจ่างแล้ว รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเฉินตันจูที่เข้าเฝ้าฝ่าบาทฟ้องร้องตระกูลเกิ่งในวันนั้นเป็นเพราะคดีกบฏของราษฎรอู๋ มิน่าเวลานั้นเขาถึงรู้สึกแปลกประหลาด เป็นอย่างที่คาด!
คุณชายเหวินยืนอยู่ภายในโถง มองดูพื้นระเกะระกะ เฉินตันจูนี้ตัดโอกาสการเจริญก้าวหน้าของบิดาก่อนหน้านี้ เวลานี้มาตัดกิจการของเขาอีก เมื่อไม่มีกิจการ เขาก็ไม่มีวิธีในการคบค้าผู้อื่น
เดิมทีเกาะเกี่ยวองค์ชายห้าได้แล้ว สุดท้ายเวลานี้ก็จมลงหายไปในทะเล ไร้ซึ่งข่าวสารแต่อย่างใด
“คุณชาย…” ด้านนอกมีบ่าวรับใช้เรียกขาน
คุณชายเหวินมีแต่เพลิงโทสะอยู่เต็มท้อง “ไปให้พ้น…”
เสียงของบ่าวรับใช้ดังขึ้นจากด้านนอกประตูด้วยความสั่นเทา แต่เขาไม่ได้จากไปตามคำสั่ง “คุณชาย มีคนต้องการเข้าพบคุณชาย”
คุณชายเหวินเดินพุ่งตรงมาด้วยตาแดงก่ำ ดึงประตูออกมาเสียงดัง “เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร ข้าเคยบอกว่าไม่พบแขก ไม่พบแขก…ใครก็ได้ตัดหูของเขาบัดนี้!”
เขาตะโกนพร้อมชี้ไปยังบ่าวรับใช้ที่ตัวสั่นเทา
ไม่มีบ่าวรับใช้เดินขึ้นหน้า มีเพียงเสียงหญิงสาวดังขึ้น “คุณชายเหวิน อารมณ์ไม่ดีเสียจริง”
คุณชายเหวินผงะ มองไปด้านหน้า ภายในจวนมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ถึงแม้ยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของนาง แต่ไม่ใช่สาวรับใช้ของภรรยาเขาอย่างแน่นอน ทันใดนั้นผงะ ก่อนจะกระจ่างขึ้น นางคือแขกคนนั้นที่บ่าวรับใช้พูดถึง
แขกคนนี้ไม่ธรรมดา!
เหวินจงติดตามท่านอ๋องอู๋ไปเมืองโจว แต่ตระกูลเหวินไม่ได้ล่มสลาย เหตุใดจึงมีคนสามารถเดินเข้ามาได้โดยตรง
คุณชายเหวินจ้องมองคนมา หญิงสาวนี้อายุราวยี่สิบปี ผมดำดุจหมึก ผิวขาวดุจหิมะ คิ้วโก่งดุจภูเขาสูง ดวงตากลมโต ภายในดวงตามีประกาย เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับงดงาม
“คุณหนูคือ?” เขาถาม มองซ้ายขวาอย่างระแวง
หญิงสาวนี้มาตัวคนเดียว ไม่เห็นองครักษ์ แต่ภายในจวนก็ไม่มีบ่าวรับใช้ของเขาเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายควบคุมจวนแห่งนี้เอาไว้แล้ว ในเวลาหนึ่งคุณชายเหวินครุ่นคิดจำนวนมาก อาทิในที่สุดราชสำนักก็ลงมือกับท่านอ๋องอู๋ เริ่มจากบุตรแห่งขุนนางอู๋เป็นอันดับแรก…
เหยาฝูพูดเสียงเบา “คุณชายเหวินก่อนหน้านี้ส่งภาพวาดหลายใบให้องค์ชายห้า…”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ คุณชายเหวินจึงกระจ่างขึ้นมา “ที่แท้ก็องค์ชายห้า คุณหนูคือ?”
เหยาฝูไม่ปิดบังเขา หากไม่ใช่เพราะเฉินตันจู นางแทบอยากจะให้คนทั้งเมืองหลวงรู้ว่านางคือผู้ใด “ข้าแซ่เหยา องค์ชายห้าเรียกข้าว่าน้องสี่ตระกูลเหยา”
แซ่เหยา คุณชายเหวินกระจ่างทันที ทั้งตะลึงทั้งดีใจ เขารู้ว่าองค์ชายห้าสนิทกับองค์รัชทายาทที่สุด อีกฝ่ายต้องการซื้อจวนให้องค์รัชทายาท เขาตีสนิทกับองค์ชายห้าก็เพื่อเกาะเกี่ยวองค์รัชทายาท ไม่คิดว่าจะทำสำเร็จจริงๆ …ถึงแม้จะเป็นคุณหนู แต่เวลานี้คุณชายเหวินไม่กล้าดูถูกหญิงสาวแม้แต่น้อย อาทิจางเหม่ยเหรินข้างตัวท่านอ๋องอู๋ก่อนหน้านี้ หรืออาทิเฉินตันจูในเวลานี้
เขารีบทำท่าเชิญ “คุณหนูสี่ตระกูลเหยา เชิญเข้ามาข้างใน”
เขาหันไปมองภายในห้องหลังพูดจบ ก่อนจะตั้งสติได้ สีหน้าของเขาเก้อเขินเล็กน้อย เก็บกวาดเวลานี้ก็ไม่เหมาะสม คุณชายเหวินจึงรีบชี้ไปอีกทาง “คุณหนูสี่ตระกูลเหยา เชิญคุยที่ห้องรับรองแขก?”
เหยาฝูเยื้องย่างเข้ามาแล้ว “คุณชายเหวินไม่ต้องใส่ใจ แค่สนทนาเท่านั้น ที่ใดก็เหมือนกัน” พูดพลางเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป
คุณชายเหวินทำได้เพียงเดินตามเข้าไป เหยาฝูมองไปรอบห้อง ก้มตัวเก็บม้วนเอกสารหนึ่งที่กระจายอยู่บนพื้น คลี่ออกเพื่ออ่าน “สวนฟาง วาดได้ไม่เลว จวนของตระกูลเกาหลังนี้งดงามที่สุดในวันฝนตก”
คุณชายเหวินตกตะลึงภายในใจ น้องสาวของพระชายาองค์รัชทายาทรู้จักสวนในเมืองอู๋ดีเพียงนี้?
“น่าละอาย” เขาเก็บม้วนเอกสารบนพื้นขึ้นมาอย่างเปิดเผย พูด “เพียงแค่อยากให้ฝ่าบาทได้เห็นอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็เทียบเห็นกับตาไม่ได้”
เหยาฝูพูด “จวนที่คุณชายเหวินเลือกไม่ต้องดู ล้วนเป็นจวนที่ดีที่สุด”
คุณชายเหวินยากที่จะปิดบังความดีใจ ถาม “ฝ่าบาทชอบหลังใด”
ไม่ว่าชอบหลังใด ไม่ว่าที่ว่าการจะตัดสินคดีกบฏหรือไม่ เพียงแค่องค์ชายห้าต้องการ ก็เพียงพอที่จะให้ตระกูลใหญ่ก้มหัว ยกจวนออกมาอย่างเชื่อฟัง
เหยาฝูปล่อยม้วนเอกสารในมือออก ให้มันกลิ้งลงบนพื้น “ถึงแม้จวนที่ท่านส่งมาจะดี หากแต่ไม่เหมาะสม ข้าคิดว่ามีจวนหลังหนึ่งเหมาะสมที่สุด”
เขานึกได้ว่าคุณหนูสี่ตระกูลเหยาท่านนี้สามารถบอกจุดเด่นของสวนฟางออกมาได้อย่างแม่นยำ ย่อมต้องเคยดูจวนมามากมาย อีกทั้งมีตัวเลือกแล้ว คุณชายเหวินรีบถาม “ที่ใดกัน”
เหยาฝูมองเขา ดวงตาโปรยเสน่ห์ “ทิศตะวันตกของสะพานกลางชิงซี จวนใหญ่ตระกูลเฉิน”
คุณชายเหวินตกตะลึง ก่อนจะสงบลง มุมปากเผยรอยยิ้ม “ที่แท้ฝ่าบาทชอบจวนหลังนี้”
เช่นนี้ย่อมดีมาก เฉินตันจู ครานี้เจ้าจบสิ้นแล้ว!
เหยาฝูพูดขัดเขา “ไม่ ฝ่าบาทไม่ได้ชื่นชอบ อีกทั้ง ฮ่องเต้เตรียมวังให้องค์รัชทายาทเองแล้ว ดังนั้นจึงไม่ซื้อจวนด้านนอกอีก”
รอยยิ้มมุมปากของคุณชายเหวินชะงัก “เช่นนั้น…หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าบอกว่าจวนของตระกูลเฉินเหมาะสมที่สุด” เหยาฝูพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหวินควรขายหลังนี้”
ไม่เพียงแต่ควร หากเขาทำได้ จวนหลังแรกที่อยากขายคือจวนตระกูลเฉิน หากขายไม่ได้ ก็จะทำลายมัน เผามันทิ้งเสีย…คุณชายเหวินยิ้มขมขื่น “ข้ากล้าขายได้อย่างไร ถึงแม้ข้ากล้าขาย ผู้ใดกล้าซื้อ อีกฝ่ายคือ
เฉินตันจู”
เมืองหลวงในเวลานี้ ผู้ใดกล้าจับจ้องสมบัติของเฉินตันจู กลัวว่าแม้แต่เหล่าองค์ชายก็ต้องครุ่นคิดเล็กน้อย
“ข้าแนะนำลูกค้าคนหนึ่งให้คุณชายเหวิน” เหยาฝูกะพริบตา “เขากล้าอย่างแน่นอน”
คุณชายเหวินถาม “ผู้ใด”
เหยาฝูยิ้มให้เขา “โจวเสวียน”