บทที่ 666 สามีข้า!
ความรู้สึกมากมายผ่านเข้ามาบนใบหน้าของแม่นางน้อย ขณะอุ้มหวังเป่าเล่อที่ไม่ได้สติจากไป นางทั้งไม่เข้าใจ ตกใจ และโกรธ แม่นางน้อยขบกรามแน่น ความรู้สึกลังเลและความสงสัยวาบเข้ามาในจิตใจเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนางไปเป็นภาพมายาของแสงดาวบนศพของโยวหรันเข้า
ผู้ฝึกตนธรรมดาจะมองไม่เห็นแสงดาวนี้อย่างแน่นอน นี่เป็นกระบวนเวทพิเศษที่มีเพียงร่างวิญญาณพิเศษเท่านั้นที่มองเห็นได้!
“เมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า…มรดกที่สำนักวังเต๋าไพศาลรับสืบทอดมาจากดินแดนลึกลับ บิดาข้าเรียกพลังแห่งเต๋านี้ว่าเป็นพลังเต๋าที่ทรงพลังที่สุดของสำนัก หลังจากได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับกระบวนเวทนี้เข้า!” แม่นางน้อยพึมพำกับตนเอง นางรู้จักเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าดี แม้จะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียนรู้ แต่ก็ทราบดีว่าวิชานี้ทรงพลังเพียงใด
เมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าอาจเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดเวทการสร้างร่างเหมือนต้นแบบ หรือการล้างสมองก็ว่าได้ แต่แก่นแท้ของมันนั้นไม่ใช่ทั้งสองสิ่ง หัวใจหลักของเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋านั้นต่อต้านทุกตรรกะ ในจักรวาลนี้มีดวงดาวอยู่หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์หรือดาวนิรันดร์
แต่เมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าไม่ได้แบ่งประเภทดาวตามดาวเคราะห์หรือดาวนิรันดร์ ดวงดาวสำหรับเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋านั้นแบ่งออกเป็นสามประเภทและสามระดับ
ระดับดารา ระดับจันทรา และระดับสุริยะ!
ในระดับดารา ผู้ฝึกตนต้องเข้าสู่สภาวะนิทรา ผู้ใช้จะสามารถปล่อยเมล็ดพันธุ์ดารามากมายออกมาได้ตามระดับพลังปราณของตน เพื่อนำไปหลอมรวมกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในจักรวาล สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะฝึกปราณของตนเองได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่เจ้าของกระบวนเวทจะเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ดาราทั้งหมดกลับมาโดยใช้เพียงความคิดเท่านั้น
การเก็บเกี่ยวนี้ไม่ใช่แค่เก็บเมล็ดพันธุ์ดารากลับคืนมา แต่รวมถึงพลังปราณและพลังชีวิตของเจ้าของร่างที่เมล็ดพันธุ์ดาราสิงสู่ด้วย หลังจากนั้น ผู้ใช้กระบวนเวทสามารถใช้อีกเคล็ดเวทหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังของการเก็บเกี่ยวขึ้นหลายเท่า ผู้ฝึกตนจะบรรลุจากระดับดาราไปเป็นระดับจันทรา!
กระบวนการนี้เหมือนกันกับตอนที่ราชครูใช้หุ่นเชิดงูเหลือมยักษ์ ที่สุดท้ายถูกเจ้าลากินเข้าไป แต่ทรงพลังกว่าเมล็ดพันธุ์ของราชครูหลายเท่านัก
แต่ผู้ฝึกตนเจ้าของร่างที่เมล็ดพันธุ์ดาราสิงสู่นั้นล้วนแต่เป็นร่างทรงชั้นต่ำ หากทรงพลังพอที่จะฝังเมล็ดพันธุ์ดาราลงในดวงดาวได้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนดาวดวงนั้นจะกลายเมล็ดพันธุ์ดาราเพื่อส่งพลังงานให้เก็บเกี่ยวได้ในที่สุด!
ตราบใดที่เก็บเกี่ยวดวงดาวได้มากพอ ผู้ใช้ก็จะได้รับพลังแซงหน้าระดับดาราไปเป็นระดับจันทรา แต่พลังที่ร้ายกาจและน่ากลัวที่สุดคือระดับสุริยะ ผู้ใช้เคล็ดเวทระดับสุริยะสามารถปลูกเมล็ดพันธุ์ลงในจักรพิภพ เก็บเกี่ยวจากอาณาบริเวณนั้น และได้รับพลังปราณรวมถึงพลังชีวิตจำนวนมหาศาลเป็นการตอบแทน!
แม่นางน้อยไม่เคยพบเจอใครที่ครอบครองพลังระดับสุริยะมาก่อน ในสำนักวังเต๋าไพศาล มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้พลังระดับจันทราไปครอง นางจำได้ดีว่าบิดาของนางถอนใจออกมาหลังจากที่ได้อ่านเรื่องรายของเคล็ดเวทนี้ บิดาของนางบอกเพียงว่าเคล็ดเวทนี้ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากจักรพิภพนี้ แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
สิ่งที่แม่นางน้อยจำได้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าทำให้นางตระหนักเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ…โยวหรันเป็นเพียงร่างที่เมล็ดพันธุ์เข้าสิงเท่านั้น ซึ่งแปลว่า…มีใครบางคนบนกระบี่สำริดโบราณนี้เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
โยวหรันเป็นเพียงหุ่นเชิดเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น!
นี่ถือเป็นความจริงที่ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย สิ่งที่ทำให้นางกัดฟันและรู้สึกหมดหนทาง คือความพิเศษเฉพาะตัวของเคล็ดเวทเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า วิชานี้เป็นวิชาสืบทอดที่ต้องได้รับการยินยอม การสืบทอดนี้…ต้องใช้ผู้ที่อยู่ในระดับดารา ที่ยินยอมใช้วิญญาณตนเองสกัดออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์!
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับดาราต้องยอมสละวิญญาณของตนเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมที่บรรจุวิชาเอาไว้ และมอบให้ผู้รับสืบทอดวิชาคนต่อไป คนแรกของสำนักวังเต๋าไพศาลที่ได้รับวิชาสืบทอดนี้จากสถานที่ลึกลับ ได้รับเมล็ดนี้มาหลังจากที่ตัวเมล็ดตกอยู่ในสภาวะนิทรานานหลายปี
ชายผู้นั้นคือผู้บุกเบิกการใช้เคล็ดเวทเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า วิชาสืบทอดนี้ถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่นภายในสำนักวังเต๋าไพศาล ภายในหนึ่งชั่วอายุคนจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของวิชานี้
คนสุดท้ายที่ได้รับวิชานี้ไปคือประมุขโจว…เป็นท่านหรือ ไม่มีทางเป็นใครที่มาจากตระกูลไม่รู้สิ้นแน่ เคล็ดเวทนี้ต้องให้ผู้ถ่ายทอดวิชายอมถ่ายทอดให้ก่อนถึงจะใช้ได้ แม้แต่ผู้ฝึกตนในระดับดารายังเข้ามายุ่มย่ามไม่ได้เลย! แม่นางน้อยนิ่งเงียบ นางจมอยู่กับความสับสนงุนงง หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเข้าไปอาศัยอยู่ในหน้ากาก นางก็ตกอยู่ในห้วงนิทรานานแสนนาน นางไม่รู้เลยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นหลังจากที่สำนักวังเต๋าไพศาลล่มสลายลง
หน้ากากนี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ตัวนางไม่ครบสมบูรณ์ แม่นางน้อยเสียความทรงจำไปมาก นางรู้สึกว่าศพผียักษ์บนดวงจันทร์เป็นคนคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นใครกันแน่
ในบรรดาความทรงจำที่นางมีทั้งหมด สิ่งที่จำได้เกี่ยวกับประมุขโจวคือเขาเป็นคนอ่อนโยน ทรงเกียรติ และยุติธรรมเที่ยงตรงเหมือนตาชั่ง นางไม่เชื่อแน่นอนว่าประมุขโจวจะเป็นคนทำเรื่องร้ายกาจเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นในเรือบินรบเต๋ามรณะ
ศีรษะมนุษย์ที่ห้อยต่องแต่งอยู่ที่ปลายท่อ การกลืนกินผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาล และแผนการสังเวยทุกชีวิตในสหพันธรัฐ ทั้งหมดนี้ไม่มีทางที่ชายคนที่นางจำได้ในความทรงจำจะกระทำได้เลย!
แม่นางน้อยเงียบงันงุนงง นางยังคงอุ้มหวังเป่าเล่อเอาไว้ขณะทะยานไปบนฟากฟ้า ในที่สุดทั้งสองก็เจอแท่นคงกระพัน นางพยายามปลุกพลังของแท่นอย่างยากลำบาก และส่งหวังเป่าเล่อออกไปได้ในที่สุด ร่างบางเบาของนางสลายหายไป พร้อมด้วยจิตใจที่สับสนหนักอึ้ง กลับสู่ห้วงนิทราดังเดิม
ในขณะนั้นเอง ภายในเรือบินรบเต๋ามรณะที่ได้รับความเสียหาย ใต้ถ้ำชั้นสามที่ถูกทำลาย…ก็ปรากฏชั้นที่สี่ของเรือขึ้น!
แม้แต่หวังเป่าเล่อเองยังหาชั้นนี้ไม่เจอ ชั้นที่สี่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากอันตรายที่เกิดขึ้นภายนอก
โลกในชั้นสี่แตกต่างจากโลกทั้งสามที่เต็มไปด้วยความมืดมิดและซากศพอย่างสิ้นเชิง มีเสียงนกร้องและกลิ่นดอกไม้อบอวลในอากาศ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า น้ำทะเลปกคลุมพื้นผิวของโลกนี้ ตรงใจกลางมหาสมุทรมีเกาะหนึ่งตั้งอยู่ บนเกาะมีภูเขาที่ปลายยอดส่องแสงอ่อนโยนเรืองเรื่อ
ในแสงสว่างมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ ภาพนั้นเลือนรางจนจับไม่ถูก แต่ดูเหมือนจะเป็นร่างของสตรี ผมยาวสลวยของนางปกคลุมไหล่เอาไว้ ใบหน้าสดสวยจนน่าตื่นตะลึง
หากมีผู้ฝึกตนที่มีพลังปราณแก่กล้า จนมองทะลุผ่านเปลือกนอกเข้าไปถึงแก่นแท้ได้อยู่ตรงนี้ เขาจะทราบทันทีว่าสตรีนางนี้…ไม่ใช่คนจากตระกูลไม่รู้สิ้น และความสวยงามหยาดเยิ้มของนางก็ไม่ได้เป็นเพียงอาภรณ์เปลือกนอกเช่นกัน!
หากแม่นางน้อยอยู่ตรงนี้ นางคงจะตกใจเป็นอันมากหากได้เจออีกฝ่าย นั่นเพราะว่านางรู้จักสตรีผู้นี้ดี!
สตรีผู้นี้เป็นเพื่อนของแม่นางน้อยในอดีต และเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาล!
สตรีนางนี้นั่งอยู่ท่ามกลางแสงเรื่อเรือง ดูเหมือนว่าจะหลับอยู่ในตอนที่โยวหรันเสียชีวิตลง แพขนตาของนางกระพือ ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นแสงดาวเป็นประกายอยู่ในดวงตาของนาง!
เขาสิ้นชีวิตแล้ว… แต่ก็ไม่ได้น่าแปลกใจแต่อย่างใด ในเมื่อคู่ต่อสู้เป็นถึงผู้ที่ถูกเลือกจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ สตรีผู้นี้คลี่ยิ้ม แม้จะรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไปกับความตายของโยวหรัน แต่ก็ไม่ได้หัวเสียมากมายนัก โยวหรันไม่ใช่เจ้าของร่างทรงเมล็ดพันธุ์หนึ่งเดียวที่นางมี สมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นอีกคนที่เจอหวังเป่าเล่อตอนเขาดำทะเลเพลิงลงไปเก็บชิ้นส่วนหน้ากาก ก็เป็นหนึ่งในร่างทรงเมล็ดพันธุ์ของนางเช่นกัน
นางไม่ค่อยเข้าแทรกแซงกิจการของพวกเขา ทำเพียงสังเกตการณ์ผ่านดวงตาของเจ้าของร่างเท่านั้น และมักปล่อยให้เจ้าของร่างทำตามความต้องการของตนเอง ผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ไม่รู้แม้แต่น้อยว่ามีคนปลูกเมล็ดพันธุ์ดาราเอาไว้ภายในกายพวกเขา และสามารถกำหนดความตายของพวกเขาได้ด้วยความคิดเดียวเท่านั้น
โยวหรันพยายามมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ควรได้รับโอกาสให้ทำให้สำเร็จเสีย น่าจะสนุกเลยทีเดียวเชียว นางยิ้มอีกครั้ง ก่อนกระดิกนิ้วที่มือขวา ทะเลที่อยู่ไกลออกไปแหวกออก ร่างๆ หนึ่งผุดขึ้นจากทะเลนั้น!
ร่างนั้นเป็นร่างของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นที่มีพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณ มีพลังงานบางอย่างดึงร่างนั้นเข้ามาอยู่เบื้องหน้าสตรีผู้นี้ นางชี้นิ้วอีกครั้ง ความทรงจำของโยวหรันก่อกำเนิดเป็นแสงเรืองอ่อนอยู่เบื้องหน้า ก่อนเข้าไปในศีรษะของร่างตรงหน้าทันที นอกจากนี้นางยังเปลี่ยนเสื้อผ้าของร่างตรงหน้าอีกด้วย!
เสื้อผ้านั้นหาใช่เสื้อผ้าปกติธรรมดาไม่ หากแต่เป็น… ร่างของผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาล!
เป็นร่างกายโดยละเอียดของโยวหรันในแบบที่ปรากฏในสำนักเลยทีเดียว!
หลังจากที่จัดการเสร็จเรียบร้อย นางก็โบกมืออีกครั้ง โยวหรันที่เพิ่งเกิดใหม่หายวับไปและไปปรากฏตัวอีกครั้งที่ชั้นสอง เขาตัวสั่นเทา ก่อนลืมตาตื่นขึ้นและลุกขึ้นยืนในทันที โทสะพัดเข้ามาในดวงตาพร้อมเสียงตะโกนก้อง
“ไอ้หวังเป่าเล่อ!”
โยวหรันไม่มีความทรงจำว่าตนเองถูกสังหารแม้แต่น้อย เขาจำได้ถึงตอนที่หวังเป่าเล่อดูดพลังจากชุดคลุมออกศึก และตนเองรีบรุดไปจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร หวังเป่าเล่อก็ระเบิดชุดเกราะจักรพรรดิออก และทำลายถ้ำลงเสียเหี้ยนเตียน ชั้นหนึ่งและชั้นสองของเรือบินรบถูกทำลายเสียหาย
โยวหรันเลิกติดตามหวังเป่าเล่อในทันที เขาเริ่มย่อยเหตุการณ์ต่อและเดินหน้าตามแผนการเดิมที่วางไว้!
ชายชราไม่สงสัยสิ่งใดแม้แต่น้อย สตรีผู้กุมชะตาปล่อยโยวหรันที่เกิดใหม่นี้ให้ควบคุมเมี่ยเลี่ยจื่อซึ่งถูกล้างสมอง และผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ได้ดังเดิม
เขาไม่รู้เลยว่าในเรือบินรบมีชั้นที่สี่อยู่ด้วย และมีดวงตาคู่หนึ่งที่แอบจ้องมองเขาอยู่เงียบๆ
“ทุกอย่างในจักรวาลนี้ รวมถึงดวงดาว…ล้วนมีเส้นทางที่ตนเองต้องก้าวเดิน การเฝ้าดูโชคชะตาของพวกเขาแทนที่จะเข้าแทรกแซง ทำตนเองให้กลายเป็นพระเจ้าที่คอยนำพาพวกเขาไปในทางที่ถูกต้องนี่แหละ…คือแก่นของเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า! หรือจะเรียกว่า…เมล็ดพันธุ์สวรรค์เต๋าก็ย่อมได้! ก่อนหน้านี้ผู้ฝึกตนที่ฝึกวิชานี้เดินทางผิดกันไปเสียหมด!” สตรีผู้ที่ห้อมล้อมด้วยแสงเรืองเรื่อที่ชั้นสี่พึมพำกับตนเอง ดวงตาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ นางหันไปมองที่ทิศหนึ่ง
สายตาของนางมองทะลุเรือบินรบ ผ่านกระบี่สำริดโบราณ ผ่านห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง ไปยัง…ดวงจันทร์!
“เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า…สามีข้า ข้าจึงไม่เสียใจกับสิ่งที่ตนเองได้กระทำไปแม้แต่น้อย ระหว่างเราสองคน ข้าคือคนที่เหมาะสมที่สุดในการสืบทอดวิชานี้… ท่านอาจารย์ของเจ้าเลือกผิดแล้ว เจ้าสูญเสียดอกบัวสีเขียวของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าคู่ควรกับการได้รับถ่ายทอดเคล็ดเวทนี้… ถึงข้าจะใช้เล่ห์กลขโมยวิชาที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ให้เจ้ามาจนทำให้เจ้าต้องตาย แต่เจ้าถึงกับต้องอาฆาตแค้นข้าจนกลายเป็นผีดิบที่ไม่ยอมไปสู่สุขติเสียทีเลยหรือ”