หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 636

ตอนที่ 636

บทที่ 636 ดอกปีศาจราเขียว!
การทำลายต้นไฮยาซินได้เผยให้เห็นสิ่งที่โลกมายาบดบังเอาไว้ แม้หวังเป่าเล่อจะเตรียมใจไว้พร้อม แต่ก็ยังต้องตกตะลึงไปเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า

เขาคิดเอาไว้แล้วว่าอาจจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถสงบใจลงได้!

“แสดงว่า…ข้าไม่ได้กลับไปที่สำนักวังเต๋าไพศาล แต่ได้เข้ามาในเรือบินรบ!” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำ ถัดจากเขาไปสิบก้าว…มีดอกไม้สีแดงขนาดมหึมาอยู่!

ดอกไม้เบื้องหน้าสูงราวสามสิบเมตร มีตนอ่อนแตกหน่อสูงฉลูดฟ้า กลีบของมันส่องแสงประหลาด ดูน่าหวาดหวั่น กลิ่นที่โชยออกมานั้น…เป็นกลิ่นที่หวังเป่าเล่อคุ้นเคย เขาได้กลิ่นนี้ตอนที่ขึ้นไปบนเรือบินรบและตอนติดอยู่ในนิมิตมายา

กลิ่นนี้เองที่เป็นตัวนำพาเขาเข้าสู่นิมิตมายา มีผลมากมายขนาดเท่าตัวคนห้อยอยู่ใต้ดอกไม้ยักษ์สีแดง รอยปริแตกพลันปรากฏขึ้น ใต้รอยแตกมากมายเห็นเขี้ยวแหลมคม ช่างเป็นภาพแสนน่าสะพรึงกลัว

ของเหลวเหนียวหนืดจากรอยแตกหยดย้อยลงพื้นเกิดเป็นเสียงดังซู่ ผลที่ใกล้ตัวหวังเป่าเล่อที่สุดแห้งเหี่ยวและตายลง

ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ขณะที่หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองดอกไม้รอบตัว เขาก็สังเกตเห็นแสงปีศาจจางๆ ฉายย้อมผืนฟ้าและผืนดินที่เต็มไปด้วยศพและดอกไม้ ร่างคุ้นเคยยืนอยู่เบื้องหน้าดอกไม้รอบตัวชายหนุ่ม

เขาเห็นเฟิ่งชิวหรัน เจ้าเยี่ยหรัน กงเต๋า และคนอื่นๆ ที่เข้ามาในเรือบินรบพร้อมกัน บ้างยืนอยู่หน้าผลที่ห้อยอยู่ใต้ดอกไม้ บ้างกำลังเดินเข้าไปหาดอกไม้ ที่เหลือกำลังคลานเข้าไปในผล

มีคนส่วนหนึ่งหายไป หวังเป่าเล่อรู้ว่าคนพวกนั้นหายไปไหนทันทีที่เห็นผลที่ห้อยจากดอกไม้บางดอกสุกเต็มที่ พวกเขาคงจะโดนผลกลืนกินไปหมดแล้ว

เฟิ่งชิวหรันและคนอื่นๆ มีสีหน้าแตกต่างกันไป ส่วนหนึ่งยิ้มราวกับคนบ้า อีกส่วนดูสับสน บางคนดูตื่นตกใจ บางคนดูโกรธเกรี้ยว มีบ้างที่ดูกำลังทุกข์ทรมาน…มีคนกลุ่มหนึ่งจ้วงเอาเครื่องในจากศพที่กองอยู่ตรงพื้นมายัดใส่ปาก พวกนั้นทำหน้าราวกับได้ขึ้นสวรรค์เมื่อได้ลิ้มรสอาหารอันแสนโอชะ

สวรรค์เบื้องบนถูกฉาบสีด้วยแสงปีศาจ ผืนพิภพเต็มไปด้วยดอกไม้สีแดงบานสะพรั่ง ภาพเบื้องหน้าทำหวังเป่าเล่อสั่นกลัวไปถึงขั้นหัวใจ ลมหายใจถี่รัวขึ้นขณะออกวิ่งไปหาเจ้าเยี่ยเหมิง!

เจ้าเยี่ยเหมิงหน้าแดง ตาหวานเยิ้ม นางกำลังถูกผลดอกไม้กลืนกิน บัดนี้แขนข้างหนึ่งได้จมหายไปกว่าครึ่ง ราวกับว่ามีใครอยู่ในนั้นที่หวังเป่าเล่อมองไม่เห็นกำลังฉุดมือนางลงไปอยู่ในอ้อมกอดของตน!

นางกำลังจะก้าวเข้าไปในผลดอกไม้ตอนที่หวังเป่าเล่อไปถึง เขารีบคว้าแขนอีกข้างพร้อมกับดึงสุดแรง เสียงกรีดร้องดังมาจากในผลเมื่อวิญญาณโดนแย่งไป น้ำเสียงของมันฟังดูโกรธแค้นเพราะไม่ยินดีที่โดนแย่งเหยื่อไป พลังพลันปะทุจากด้านในผลผสานเข้ากับความกระหายอันแรงกล้า ผลตรงหน้าบวมเป่งขึ้น พยายามจะกลืนกินหวังเป่าเล่อ!

หวังเป่าเล่อต้านพลังด้วยหมัดเสริมแรงจากเกราะจักรพรรดิลักอัคคี ผลดอกไม้สั่นรุนแรง ส่งเสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายใน ก่อนจะระเบิดออกส่งของเหลวหนืดกระจายไปทั่ว ชายหนุ่มดึงเจ้าเยี่ยเหมิงออกมา แต่เหมือนว่านางยังไม่ตื่นจากโลกมายา เขาเริ่มลนลาน รีบยกมือขวาชี้ไปที่หน้าผากของนาง

“ตื่นสิ!”

เสียงของชายหนุ่มดังก้องอากาศราวกับสายฟ้า เหมือนเสียงจะส่งถึงนาง เจ้าเยี่ยเหมิงตัวสั่งเทิ้ม ดวงตากลับมาแจ่มชัดดั่งเดิม นางพึมพำขึ้นเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อ

“เป่าเล่อ ข้าฝัน ฝันว่าเรา…” ประโยคค่อยๆ เงียบไปเมื่อเจ้าเยี่ยเหมิงได้สติกลับมาครบและหันมองรอบตัว นางหรี่ตา อาการตื่นตกใจฉายชัดบนใบหน้า

เห็นเจ้าเยี่ยเหมิงได้สติ หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ไม่มีเวลามาคอยห่วงนาง เขารีบพุ่งไปหาคนอื่นๆ ทันใดนั้น ดอกไม้ยักษ์เบื้องหน้าเฟิ่งชิวหรันก็สั่นไหว ไม่นานก็โค่นลง กลีบหลุดร่วง ก้านและผลระเบิดออก ปราณวิญญาณขั้นเชื่อมวิญญาณพลันพวยพุ่งออกมาจากร่างเฟิ่งชิวหรัน

“นิมิตมายาราเขียว!” เฟิ่งชิวหรันมีสีหน้าเคร่งเครียด นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นหวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิงที่อ่อนแรงไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะหลุดพ้นจากนิมิตมายา ส่วนชายหนุ่มตรงหน้านั้น…ทำให้เฟิ่งชิวหรันต้องแปลกใจ นางรู้ว่าหวังเป่าเล่อเป็นคนที่ไม่ควรไปแหย่หนวดเสือเข้า แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแรกที่หลุดจากนิมิตมายา

หวังเป่าเล่อโล่งใจเมื่อเห็นเฟิ่งชิวหรันหลุดจากนิมิตมายา พวกเขามองหน้ากัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ ทั้งสองก็พุ่งออกไปช่วยคนอื่นๆ มีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณบางส่วนยังติดอยู่ในนิมิตมายา แต่พวกเขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดแปลกไปและพยายามดิ้นรนซึ่งเห็นได้ชัดผ่านทางสีหน้า

หลายคนหลุดออกมาได้โดยไม่ต้องเข้าไปช่วย แต่บางส่วนก็อาจตายได้ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ พวกเขาหลุดจากนิมิตมายาได้เร็วขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากเฟิ่งชิวหรันและหวังเป่าเล่อ

ไม่นานทั้งคู่และคนที่ช่วยออกมาได้ก็ช่วยผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่ยังไม่โดนกลืนไปหมดได้สำเร็จ แต่คนติดอยู่ในนิมิตมายาที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนต่างตื่นตกใจไปเมื่อหลุดจากนิมิตมายา ก่อนจะหันมองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ไม่มีใครอยากพูดถึงความฝันของตัวเอง ความหนักอึ้งในใจและความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นจากสถานที่แปลกประหลาดยังคงไม่จางหายไปไหนแม้จะหลุดพ้นจากนิมิตมายา

พวกเขาเห็นเพื่อนบางส่วนถูกผลกลืนเข้าไปทั้งเป็น มีบ้างที่ได้เห็นซากกระดูกที่หลงเหลือหลังจากฟันผลดอกไม้ทิ้ง ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน

หวังเป่าเล่อรู้สึกหดหู่ ขึ้นมาบนเรือบินก็ได้พบกับประสบการณ์สุดแปลกประหลาดและอันตรายในทันใด ทุกคนต่างเป็นกังวลกับสถานการณ์ของพวกตนในปัจจุบัน

“เป่าเล่อ คุ้มกันคนพวกนี้ให้ข้าที ข้าจะไปทำลายดอกปีศาจราเขียวบริเวณนี้ทิ้ง!” เฟิ่งชิวหรันหน้าตาคร่ำเคร่ง แค่เพียงเข้ามาในเรือบินรบก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตราย นางไม่สามารถสงบใจได้เมื่อคิดถึงบิดา นางเตรียมทะยานขึ้นฟ้าสำรวจรอบพื้นที่

แต่ทันที่ที่เฟิ่งชิวหรันพูดจบและหวังเป่าเล่อพยักหน้ารับคำ ดอกไม้ปีศาจสิบสองดอกที่อยู่รอบๆ ก็สั่นไหวรุนแรงก่อนจะระเบิดออกเสียงดัง เหมือนว่าพวกมันได้ใช้พลังชีวิตทั้งหมดเพื่อปล่อยกลิ่นดอกไม้ไปห้อมล้อมเหล่าผู้ฝึกตน!

หากมองอยู่ไกลๆ จะเห็นกลิ่นดอกไม้กระจายออกไปในสภาพแก๊ส แต่เมื่ออยู่ใกล้ๆ จะเห็นละอองเกสรสีแดงชาดเกาะกลุ่มกันเป็นหมอกสีโลหิตเข้าปกคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างหลายพันเมตร

เหล่าดอกไม้แห้งตายไปทันทีที่ปล่อยละอองเกสรออกมา พริบตาเดียวก็ร่วงลงพื้นไป หมอกละอองเกสรกระจายตัวไปไกลส่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน!

ละอองเกสรร่วงหล่นลงบนศพที่กองอยู่ทั่วพื้นที่หลายพันเมตร เหล่าศพพลันบิดงอ ส่งเสียงครวญคราญไร้สติดังก้องในอากาศขณะพยายามหยัดยืนขึ้น บางส่วนมีลักษณะเป็นคน อีกส่วนเป็นอสูร มีอยู่หลายสายพันธุ์ที่หวังเป่าเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน พวกมันลุกยืน เตรียมพุ่งไปทางชายหนุ่มและเหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือรอด!

พลังรัศมีแห่งความตายพวยพุ่งออกจากร่างเหล่าศพ ส่งกลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้งในอากาศ สีสันบนฟากฟ้าพลันเลือนหาย ลมแรงพัดโหม เมฆาบิดหมุน โชคดีที่แม้จะมีศพจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ตายไปตั้งแต่นานนม ที่หลงเหลือติดอยู่มีเพียงสัญชาตญาณล้วนๆ ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอาจจะรับมือได้ยาก แต่สำหรับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะกำจัดหรือหลบเลี่ยง

ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอาจมองว่าเป็นคู่ต่อสู้แสนกระจอก ขณะที่เหล่าศพกรูกันเข้ามา ดวงตาเป็นกังวลของเฟิ่งชิวหรันก็ฉายแสงวาบขึ้น ก่อนนางจะยกมือขวาฟาดลงพื้นอย่างหนักหน่วง!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนเมื่อหัตถ์มายาขนาดกว้างหลายพันเมตรปรากฏขึ้นเหนือหัว ก่อนจะฟาดลงบนพื้น ลมพัดโหมกระหน่ำส่งเส้นผมและเสื้อผ้าของทุกคนพัดปลิว ขณะที่ทุกคนกำลังยืนอึ้งอยู่นั้น หัตถ์ยักษ์ก็ฟาดผ่านร่างกายพวกเขาลงพื้นโดยไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้!

เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ฟ้าดินร้องคำรามเมื่อฝ่ามือฟาดลงพื้น ศพที่ดาหน้าเข้ามาถูกบดขยี้เป็นเถ้าธุลีในทันใด!

หัตถ์มายาเลือนหายไป ทั่วพื้นที่กลับสู่ความสงบอีกครั้ง หวังเป่าเล่อถึงกับหยุดหายใจไปแวบหนึ่ง เขาจ้องมองเฟิ่งชิวหรันด้วยแววตาตื่นตะลึง นางไม่เคยแสดงพลังกล้าแกร่งขนาดนี้ให้ใครได้เห็นมาก่อนทำให้หลายคนมองว่านางด้อยพลังกว่าเมี่ยเลี่ยจื่อ

แต่ตอนนี้ นางก็ได้แสดงพลังอันเหมาะสมกับตำแหน่งให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว!

“ดอกไม้สีแดงเหล่านี้มีชื่อเรียกขานว่าดอกปีศาจราเขียว กลิ่นของมันจะทำให้คนติดอยู่ในนิมิตมายา” เฟิ่งชิวหรันเอ่ยขึ้น นางยกมือขวาคว้าอากาศ เด็ดเอาเกสรตัวเมียออกมาจากเหล่าดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวและวางลงตรงหน้าทุกคน

“เก็บสิ่งนี้ไว้ มันจะช่วยเจ้าทานพลังนิมิตมายาของพวกดอกปีศาจได้”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท