บทที่ 667 ประกาศสงครามกับสหพันธรัฐ
ไม่มีใครบนกระบี่สำริดเขียวโบราณที่รู้จักสตรีผู้ซึ่งกำลังมองไปยังดาวโลกนางนี้ และต่อให้มีใครรู้จักนาง ก็คงหาทางลงไปที่ชั้นสี่ของเรือบินรบ เพื่อจ้องมองตัวตนของนางให้แน่ใจไม่ได้อยู่ดี
และไม่ว่าวิชาที่นางมีไว้ในครอบครองจะเป็นวิชาเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าหรือเมล็ดพันธุ์สวรรค์เต๋า ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหวังเป่าเล่อในตอนนี้แต่อย่างใด การเผชิญหน้าระหว่างชายหนุ่มกับโยวหรันปลุกพลังของฝักกระบี่ภายในกายของเขาออกมา และปล่อยเส้นคำสาปที่ฝักกระบี่หลอมรวมเข้าไปจนทำให้โยวหรันถึงแก่ความตาย
หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทั้งสำนักและสหพันธรัฐคงตกอยู่ในความโกลาหลเป็นแน่ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!
หวังเป่าเล่อใช้พลังจากภายนอกช่วยมากมาย ทั้งเคล็ดเวทลับอย่างหัตถ์ดึงวิญญาณ นิมิตหมุนวน หมื่นภัยพิบัติ และพันชีวิต อีกทั้งยังโยนเกราะจักรพรรดิให้ระเบิด รวมถึงดูดพลังจากชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะอีกด้วย นอกจากนี้โยวหรันยังไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมสู้ และท่าไม้ตายสุดท้ายของหวังเป่าเล่อก็เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายเช่นกัน
โยวหรันตัวแข็งทื่อไปในเสี้ยววินาทีสุดท้ายขณะพยายามเคลื่อนย้ายหนีเพื่อหลบหลีกเส้นคำสาปสีดำ แต่หวังเป่าเล่อ แม่นางน้อย หรือกระทั่งสตรีลึกลับก็ไม่ได้สังเกตเห็นจังหวะนั้น
นั่นคือสาเหตุที่แท้จริงของการตายของโยวหรัน ด้วยพลังปราณอันแก่กล้าของเขา โยวหรันย่อมหลบการโจมตีของเส้นคำสาปไปได้ แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่ก็อาจไม่ถึงแก่ความตาย
การสิ้นชีพของโยวหรันส่งให้สตรีลึกลับสร้างโยวหรันคนใหม่ขึ้นมา แต่แม้นางจะใส่ความทรงจำของโยวหรันคนเก่าลงไปในร่างใหม่ ก็ยังมีช่วงเวลาที่ขาดหายไประหว่างตอนที่โยวหรันตายและเกิดใหม่อยู่ดี
นางอาจไม่ได้สนใจเรื่องนี้ หรืออาจเป็นอย่างที่นางกล่าวอ้างว่าวิชาของนางนั้นคือเมล็ดพันธุ์สวรรค์เต๋า นางปฏิบัติตามกฎชุดหนึ่งที่ตนเองบรรลุและเชื่อถือ สตรีลึกลับผู้นี้คอยเฝ้าดูชีวิตของผู้คนแทนที่จะเข้าแทรกแซงโดยตรง นางเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเหมือนพระเจ้าที่เฝ้าดูผู้คน และปรับชะตาชีวิตของพวกเขาให้เดินไปในทางที่นางต้องการอย่างลับๆ
ผลของการแทรกแซงนี้…ทำให้เจ้าเยี่ยเหมิงมาโผล่ที่ด้ามกระบี่หลังจากที่เคลื่อนย้ายออกจากเรือบินรบ และมีเวลาให้หนีออกจากจุดเกิดเหตุได้ทันท่วงที คนอื่นอาจเดินทางกลับถึงสำนักวังเต๋าไพศาลได้ไม่รวดเร็วเท่านี้ แต่เจ้าเยี่ยเหมิงมีศักดิ์เป็นศิษย์สำนักใน จึงทำให้นางมีอำนาจปรับวงแหวนปราณจำนวนหนึ่งบนกระบี่สำริดโบราณได้ ทั้งยังมีความรู้มากพอที่จะทำเช่นนั้นด้วย
สิทธิ์พิเศษนี้ทำให้เจ้าเยี่ยเหมิงระบุตำแหน่งวงแหวนปราณบนเกาะที่ใกล้ที่สุดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นางปรับโครงสร้างของวงแหวนปราณ และเคลื่อนย้ายตนเองออกไปเป็นระยะไกล
ด้วยเหตุนี้เจ้าเยี่ยเหมิงจึงสื่อสารกับประมุขสวีและคนอื่นๆ ในสำนักวังเต๋าไพศาลได้ทันการ เมื่อประมุขสวีได้รับข้อความเสียงของเจ้าเยี่ยเหมิงที่ส่งมาอย่างเร่งรีบ เขาก็หายใจเร็วขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดคิด
“เมี่ยเลี่ยจื่อถูกล้างสมอง ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเฟิ่งชิวหรัน โยวหรันมาจากตระกูลไม่รู้สิ้น! ภารกิจนี้เป็นกับดัก ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมภารกิจไม่ตายก็ถูกล้างสมอง ประมุขสวี…ท่านต้องรีบอพยพทุกคนออกไปให้เร็วที่สุด!”
ความตกใจเข้ายึดครองใบหน้าของประมุข เขาไม่ลังเลที่จะเชื่อเจ้าเยี่ยเหมิงในทันที ไม่มีเวลาให้มานั่งคิดถึงรายละเอียดอะไรอีกแล้ว ประมุขสวีรีบติดต่อต้นไม้ยักษ์ ให้รวบรวมพันธุ์กล้าสหพันธรัฐทุกคนเพื่อปฏิบัติตามแผนการที่พวกเขาได้วางไว้ระหว่างทำภารกิจ
หวังเป่าเล่อทิ้งคำสั่งเอาไว้ก่อนจากไปยังเรือบินรบ และประมุขสวีเองก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์มากประสบการณ์ เขาไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้ และเตรียมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว แม้จะตกใจเมื่อได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้สติแตกแต่อย่างใด ประมุขสวีเดินหน้าตามแผนการอย่างรัดกุม
ภายในเวลาหกชั่วโมงทุกคนก็พร้อมออกเดินทาง ตอนที่ประมุขสวีเดินทางมาพร้อมพันธุ์กล้าสหพันธรัฐรุ่นที่สอง เขาได้บอกหวังเป่าเล่อว่าภารกิจของตนคือการสร้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายลับ แล้วก็ได้ใช้งานมันจริงๆ เสียด้วย
การสร้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายลับนี้เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จ แต่เมื่อหวังเป่าเล่อได้ตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดคนที่สี่มาครอบครอง การส่งทรัพยากรและปกปิดร่องรอยภารกิจก็เป็นไปโดยราบรื่น ขณะที่ทุกคนออกไปทำภารกิจบนเรือบินรบ ประมุขสวีก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนัก แม้จะไม่มีอำนาจใช้วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายหลัก แต่ก็มีวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายลับที่พร้อมใช้งานอยู่ในอาณัติ
หลังจากที่ปลุกวงแหวนปราณขนาดเล็กขึ้นมาเรียบร้อย ประมุขสวีก็ส่งผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐไปเป็นชุดๆ ด้วยความที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว การเคลื่อนย้ายจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น แม้วงแหวนปราณนี้จะมีขนาดเล็กก็ตาม
ต้นไม้ยักษ์จากไปพร้อมผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐชุดแรก เพื่อรายงานภัยที่เกิดขึ้นบนกระบี่สำริดโบราณ ส่วนประมุขสวียืนอยู่ในวงแหวนปราณอย่างเงียบๆ เพื่อปรับเปลี่ยนวงแหวนปราณให้ทำลายตนเองหลังจากส่งผู้ฝึกตนชุดสุดท้ายกลับไปเรียบร้อย เขายังไม่ยอมจุดให้วงแหวนปราณระเบิด แต่กลับยืนกำแหวนสื่อสารเอาไว้และมองออกไปในระยะไกล เฝ้ารอด้วยความกระวนกระวาย
ประมุขสวีรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในเรือบินรบเต๋ามรณะผ่านข้อความของเจ้าเยี่ยเหมิง เขารู้ดีว่าโอกาสที่หวังเป่าเล่อจะรอดชีวิตกลับมานั้นมีน้อยเพียงใด ความคิดนี้ทำให้จิตใจของเขาจมดิ่งสู่ความหดหู่ กระนั้นแสงแรงกล้าก็ยังทอประกายอยู่ในดวงตา
หนึ่งวันผ่านไป เจ้าเยี่ยเหมิงที่ใช้อำนาจของตนในฐานะศิษย์สำนักใน และความชำนาญด้านวงแหวนปราณในการปรับเปลี่ยนวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายระหว่างทาง จนกลับมาถึงสำนักได้ในที่สุด ทั้งสองเตรียมตัวเคลื่อนย้ายออกจากกระบี่สำริดเขียวโบราณในทันที เจ้าเยี่ยเหมิงมองไปยังทิศที่เรือบินรบเต๋ามรณะอยู่ รู้ดีว่ารอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงถอนหายใจและยอมจากไป
พวกเขาไม่ได้บอกศิษย์ในสำนักวังเต๋าไพศาลว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เนื่องจากไม่ทราบว่าใครไว้ใจได้บ้าง ชะตากรรมของสหพันธรัฐอยู่ในมือพวกเขา ทั้งสองจึงไม่กล้าเสี่ยง
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณขณะที่วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายลับกำลังถูกทำลาย เสียงระเบิดนั้นดังกว่าการเคลื่อนย้ายก่อนหน้านี้ ทำให้ทั่วทั้งสำนักวังเต๋าไพศาลรับรู้ถึงเหตุการณ์ดังกลาว
ตู้กูหลินเป็นคนแรกที่สัมผัสได้ถึงกระแสปราณที่ผิดปกตินี้ เขาหายตัวออกจากที่ถือสันโดษ และมาปรากฏตัวอีกครั้งตรงจุดที่วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายลับเคยอยู่ วงแหวนปราณเล็กอยู่หลังตำหนักผู้อาวุโสสูงสุดของหวังเป่าเล่อ และบนพื้นยังมีร่องรอยของวงแหวนปราณที่เพิ่งถูกทำลายไปหมาดๆ ปรากฏให้เห็น ความรู้สึกมากมายฉายขึ้นบนใบหน้าของตู้กูหลิน แต่เขาก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่
ไม่นานนักข่าวการหายตัวไปของผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐก็แพร่ไปทั่วสำนัก ข่าวนี้กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ก่อให้เกิดความสงสัยในหมู่สานุศิษย์เป็นอันมาก ไม่นานนักเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้งในทะเลเพลิงที่อยู่ไกลออกไป ส่งให้ทุกคนตัวสั่นสะท้าน พวกเขาหันไปดูทิศทางที่เกิดระเบิด และเห็นเรือบินรบยักษ์กำลังพุ่งออกจากทะเลเพลิงตรงมาทางพวกเขา
เรือบินรบเต๋ามรณะนั่นเอง!
โยวหรันซ่อมแซมเรือบินรบให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม แม้จะไม่สมบูรณ์เหมือนเก่าแต่ก็ยังทำงานได้ เรือบินรบเต๋ามรณะเข้าใกล้สำนักวังเต๋าไพศาลขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดลงข้างสำนักพอดิบพอดี เกาะหลักของสำนักวังเต๋าไพศาลดูเล็กเหมือนมดตัวน้อยเมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของเรือบินรบยักษ์นี้ ผู้ฝึกตนทุกคนต่างพากันตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ร่างมากมายจะพุ่งออกมาจากเรือบินรบ!
ทุกคนคุ้นเคยกับใบหน้าเหล่านั้นดี พวกเขาคือผู้ที่จากไปเพื่อทำภารกิจช่วยเหลือนั่นเอง ส่วนมากเป็นผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน สองคนในซึ่งเป็นเป้าสายตาที่สุดคือเมี่ยเลี่ยจื่อและโยวหรัน
ใบหน้าของทั้งสองเคร่งขรึมจริงจึง เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นว่าสีหน้าของเมี่ยเลี่ยจื่อดูเหมือนถูกสะกดจิตมากกว่าโกรธเกรี้ยว ส่วนโยวหรันนั้นดูบันดาลโทสะไปแล้วโดยสิ้นเชิง
จิตสัมผัสวิญญาณของเขาบอกว่าผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐได้ออกไปจากกระบี่สำริดเขียวโบราณหมดแล้ว และเขารู้ดีว่าเพราะเหตุใด
โยวหรันและเมี่ยเลี่ยจื่อ รวมถึงผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณราวสิบคนเหาะออกจากเรือบินรบ ทั้งหมดลอยอยู่กลางอากาศเหนือเกาะหลักของสำนักวังเต๋าไพศาล ทุกคนที่อยู่บนพื้นดินเบื้องล่างมองขึ้นไปยังพวกเขาและทำความเคารพ
ตู้กูหลินยืนอยู่ในบรรดาผู้ฝึกตนเหล่านั้น พลางมองท่านอาจารย์ของตน ตู้กูหลินเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สังเกตเห็นสีหน้าเหมือนโดนสะกดจิตบนหน้าของเมี่ยเลี่ยจื่อ เขามองอาจารย์ ก่อนหลับตาลงเพื่อเก็บซ่อนความเศร้าลึกอยู่ภายใน
ขณะที่ผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลคุกเข่าทำความเคารพนั้น เมี่ยเลี่ยจื่อก็ประกาศ เสียงแหบต่ำของเขากังวานไปทั่วบริเวณเหมือนสายฟ้า
“ผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐผิดคำสาบานและละทิ้งซึ่งศีลธรรมตน หวังเป่าเล่อเป็นแกนนำขโมยสมบัติล้ำค่าจากตระกูลไม่รู้สิ้นและทำร้ายผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาล ไอ้พวกชั้นต่ำน่ารังเกียจนี้ซุ่มโจมตีผู้อาวุโสเฟิ่งชิวหรัน เพราะมันทั้งสาม ทำให้สำนักวังเต๋าไพศาลของเราต้องสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าไปมากมาย!
“สหพันธรัฐเป็นศัตรู และมันต้องชดใช้สิ่งที่มันทำไว้!
“ข้าขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันไว้ ณ ที่นี้ ศิษย์แห่งสำนักวังเต๋าไพศาลทุกคนจงมารวมตัวเดี๋ยวนี้ เราจะทำสงครามกับสหพันธรัฐ พวกเรา…จะลบสหพันธรัฐออกจากระบบสุริยะให้เหี้ยน พวกมันทุกคนจะกลายเป็นขั้นบันไดให้สำนักวังเต๋าไพศาลกลับไปรุ่งโรจน์อีกครั้งดังอดีตที่เคยเป็นมา!”