หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 670

ตอนที่ 670

บทที่ 670 จุติวิญญาณ!
หวังเป่าเล่อไม่ทันได้ยินประโยคเมื่อครู่ เขาทุ่มพลังตบหน้าผากตนเองเต็มที่ ถ้าร่างกายไม่แข็งแกร่งพอ ชายหนุ่มคงได้ตายไปแล้ว ไม่ใช่แค่หมดสติไป

แม้ดอกบัวสีเขียวจะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าเขาจะลืมตาตื่น ชายหนุ่มหันมองรอบตัวด้วยสายตางุนงง รู้สึกเหมือนหัวจะแยกเป็นสองส่วน โชคดีที่เคยชินกับการสลบและฟื้นกลับขึ้นมา ไม่นานหวังเป่าเล่อก็จำเรื่องราวก่อนหน้าที่จะหมดสติไปได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง รีบลุกขึ้นยืนและหันมองรอบตัว ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ด้านนอกวัง แต่เป็นภายใน!

ภาพมายาผู้อาวุโสหายไปแล้ว ตรงจุดที่เขาเคยนั่งมีประตูทางเข้าทรงรีส่องแสงเจิดจ้าลอยอยู่ ราวกับว่ากำลังรอหวังเป่าเล่อ

ชายหนุ่มตื่นเต้นกับภาพเบื้องหน้า หายปวดหัวในทันใดขณะรีบวิ่งเข้าไปใกล้ เขาตรวจสอบทางเข้าและหันมองรอบตัว เขาคงจะเรียกตัวเองว่าหวังเป่าเล่อไม่ได้ถ้ายังไม่รู้ตัวว่าผ่านการทดสอบแล้ว ชายหนุ่มระเบิดหัวเราะออกมา

“ข้าช่างเป็นบิดาที่ชาญฉลาดจริงๆ การทดสอบแสนธรรมดานี้เป็นแค่ของกล้วยๆ!” เขาพูดอย่างโอ้อวดพร้อมลูบท้องไปมา แต่กลับไม่พบความเด้งดึ๋งอย่างเคย มีเพียงมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกไม่คุ้นเคยที่ทำให้ไม่ค่อยสบายใจเอาเสียเลย

ผอมเกินไปก็ไม่ดี ต้องมีเนื้อมากกว่านี้ถึงจะจับแล้วรู้สึกสบายใจ หวังเป่าเล่อถอนใจ เขายืนอยู่หน้าทางเข้าที่ส่องสว่าง สูดหายใจลึกและก้าวผ่านเข้าไป

วิสัยทัศน์พลันเลือนรางก่อนจะแจ่มชัดขึ้นทันที ทางเข้าเมื่อครู่เป็นเหมือนประตูเคลื่อนย้าย ส่งหวังเป่าเล่อมาสู่โลกขนาดเล็กที่สำนักวังเต๋าไพศาลเคยสร้างไว้เป็นมรดกตกทอด!

โลกใบนี้ขนาดเล็กกว่าดวงจันทร์ ใหญ่ไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบของดวงจันทร์เลยด้วยซ้ำ อาจจะใหญ่โตสำหรับคนธรรมดา แต่ก็ถือว่าน้อยนิดสำหรับหวังเป่าเล่อ

ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ยังตื่นตะลึงไปเมื่อได้เห็นทัศนียภาพของโลกนี้ ฟากฟ้าเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มีสีแดงแต้มอยู่ตรงกลาง สีสันด้านบนไม่ใช่สีจริงของท้องนภา…แต่เป็นเงาสะท้อนจากผืนแผ่นดิน!

ผืนดินสีขาวปราศจากพันธุ์พืช มีเพียงหาดทรายสีขาวปกคลุมทั่วทั้งโลกและแอ่งแผ่นดินตั้งอยู่ตรงกลาง

พูดให้ถูกคือตรงใจกลางของโลกใบนี้มีเทือกเขาขดรอบเป็นวงกลม มองไกลๆ เห็นเป็นเหมือนแอ่งแผ่นดิน แต่จริงๆ แล้วเป็นเหมือนทะเลสาบปล่องภูเขาไฟมากกว่า!

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจ สิ่งที่ทำให้เขาต้องอ้าปากค้างและตัวสั่นสะท้านไปถึงทรวงคือศพอสูรขนาดมหึมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่กองสุมอยู่บนเทือกเขาที่ขดเป็นวงกลม!

ศพอสูรเหล่านั้นดูน่าพรั่นพรึง ส่วนใหญ่แล้วเป็นอสูรที่ไม่เคยพบเห็น แต่ก็มีอยู่บางส่วนที่ชายหนุ่มรู้จัก นั่นก็คือเหล่าอสูรที่เล่าขานในตำนานของสหพันธรัฐ อย่างเช่นเหล่ามังกรผู้ยิ่งใหญ่!

เขาเห็นมังกรมีปีกตามตำนานฝั่งตะวันตกหลายตัว รวมถึงมังกรสีเขียวตัวยาวเหมือนงูของฝั่งตะวันออกด้วย

นอกจากนี้ยังเห็นศพของยักษ์มากมายและผู้คนจากตระกูลไม่รู้สิ้น บนเทือกเขาแห่งนี้น่าจะมีศพอยู่อย่างน้อยหนึ่งแสนศพ

พวกมันถูกปาดคอและจับโยนขึ้นไปบนเทือกเขา หากชายหนุ่มสามารถมองทะลุไปถึงในนั้นก็จะเห็นหินภูเขาสีม่วงคล้ำมากมาย ราวกับว่าถูกอาบไปด้วยเลือด!

สีหน้าของหวังเป่าเล่อหน้าเคร่งขรึมลงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาห้ามความคิดที่ผุดขึ้นในหัวไม่ได้ หลายปีก่อน ต้องมีใครสักคนมาสังหารฝูงอสูรและคนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่นี่ ใครคนนั้นไล่ปาดคอเหล่าอสูรกับตระกูลไม่รู้สิ้น จากนั้นก็ยืนดูพวกมันกรีดร้องขณะที่เลือดพวยพุ่งออกมา ไหลลงภูเขา ไปรวมกันในแอ่งแผ่นดิน…แปลงแอ่งแผ่นดินให้กลายเป็น…ทะเลสาบโลหิตกลางวงเทือกเขา!

ทะเลโลหิตสะท้อนขึ้นฟากฟ้า ปรากฏเป็นสระสีเลือดกลางนภาสีขาวบริสุทธิ์!

นี่คือ…สระโลหิตหมื่นวิญญาณหรือ หวังเป่าเล่อลอยค้างอยู่กลางอากาศ ขณะก้มหน้ามองทะเลสาบสีเลือดที่ตั้งอยู่กลางเทือกเขา ผ่านไปสักพักเขาก็เก็บงำความตื่นตกใจไป ก่อนดวงตาจะฉายแสงผิดแปลกขึ้น

จากข้อมูลที่ผู้อาวุโสบอก ทำให้เขาทราบว่าสระโลหิตหมื่นวิญญาณมีคุณสมบัติช่วยเสริมพลังกาย พอได้เห็นศพมากมายด้วยตาตัวเอง เขาก็ตระหนักแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

น้ำในสระกลั่นมาจากเลือดของวิญญาณหนึ่งหมื่นดวง จากนั้นก็นำสารอาหารในเลือดมาบำรุงร่างกายของผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาล ผู้ที่มาบรรลุตนที่นี่จึงมีร่างกายแข็งแกร่ง!

นี่เป็นโอกาสอันหายากยิ่ง! หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก เขาไม่ใช่คนคลั่งความสะอาดและไม่ได้แขยงกลิ่นเลือดหรือที่มาของทะเลสาบโลหิต แม้แต่พวกบ้าความสะอาดยังรู้สึกยากที่จะบอกปฏิเสธโอกาสบรรลุตนนี้ไปได้ ความหิวกระหายเริ่มคุกรุ่นในจิตใจขณะที่เขาจ้องมองไปยังทะเลสาบโลหิต

หวังเป่าเล่อรู้สึกเป็นเหมือนผืนดินแห้งแล้งที่โหยหาหยาดฝน เขาครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก่อนดวงตาจะฉายแสงวาบและออกพุ่งทะยานตรงไปยังทะเลสาบ

ชายหนุ่มเข้าไปใกล้ทะเลสาบ จากนั่งก็นั่งขัดสมาธิ ปล่อยตัวให้จมลงไปก้นทะเลสาบอย่างไม่ลังเลใจ

ปราณโลหิตมหาศาลพวยพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อทันใดที่เขาสัมผัสน้ำในทะเลสาบ!

ราวกับว่าปราณโลหิตได้สะสมอยู่ในทะเลสาบมานานหลายปีจนเต็มปริ่ม การปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อจึงเป็นเหมือนการเปิดช่องทางระบาย ปราณโลหิตมหาศาลไหลหลากเข้าสู่ร่าง เจาะผ่านทุกรูขุมขนเข้าไปในกายชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่งในทันใด

หวังเป่าเล่อเกือบจะกรีดร้องออกมา รู้สึกเหมือนมีเลือดเนื้อกำลังเจาะเข้ามาในร่างกายและมีเข็มมากมายนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงอยู่ ชายหนุ่มตัวสั่นเทิ้มขณะปราณโลหิตไหลหลากเข้าสู่ภายใน ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเหมือนว่ามีบางสิ่งพยายามฉีกกระชากตัวเขาออกจากภายใน ร่างกายเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ปราณโลหิตนั้นไม่เหมือนปราณวิญญาณ ปราณโลหิตไม่ได้ช่วยเสริมพลังปราณ แต่ช่วยบำรุงร่างกาย ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตนคิดฝันไปเองหรือเปล่า แต่ขณะกำลังทนทรมานจากความเจ็บปวด เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ไม่ได้มีพัฒนาการมาเป็นเวลานาน!

ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นจริงอย่างที่คิด ปราณโลหิตที่ไหลหลากเข้ามาไม่หยุดทำให้ร่างกายของชายหนุ่มถูกฉีกกระชาก เส้นปราณ กระดูก และอวัยวะภายในล้วนถูกฉีกออกจากกัน!

หากมองใกล้ๆ จะพบว่าขณะที่ปราณโลหิตเจาะผ่านเข้าสู่ร่างกาย เลือดเนื้อและกระดูกก็สลายไปทีละนิด ก่อนจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นใหม่เมื่อได้ปราณโลหิตช่วยบำรุงหล่อเลี้ยง!

ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่จะไม่รู้สึกเจ็บปวด!

ไม่ว่าร่างกายหวังเป่าเล่อจะทนทานเพียงใด ก็ยังต้องทนเจ็บปวดจนแทบหมดสติไป เขากัดฟันแน่น พยายามฝืนครองสติ ชายหนุ่มสามารถทำเช่นนั้นได้เนื่องจากเคยสลบเหมือดมาแล้วหลายครั้งจนชินชา มิเช่นนั้นคงจะหมดสติไปนานแล้ว

เขาไม่รู้ว่าถ้าหมดสติไปแล้วการทดสอบจะจบลงไปด้วยหรือเปล่า แต่ก็ไม่นึกอยากลองเสี่ยง จึงเป็นเหตุให้ชายหนุ่มพยายามครองสติให้ตื่นอยู่อย่างสุดความสามารถ!

ความเจ็บปวดเริ่มทวีคูณแรงขึ้น ความรู้สึกที่ร่างกายกำลังถูกฉีกกระชากและเสียงกัมปนาทที่ดังขึ้นพร้อมกันเป็นความทรมานอย่างที่สองที่ตามมา แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับอีกการทดสอบที่ยากจะทนไหว

ขณะที่ร่างกายค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ความคิดที่ยังหลงเหลืออยู่ในศพซึ่งติดค้างอยู่ในทะเลสาบ ทั้งความโกรธแค้นและความเศร้าเสียใจต่างระเบิดขึ้นในหัวหวังเป่าเล่อขณะร่างกายกำลังสูบเอาปราณโลหิตเข้าไป!

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากอสูรนับไม่ถ้วนดังขึ้นในหัวหวังเป่าเล่อที่กำลังทนทรมาน เหล่าอสูรและตระกูลไม่รู้สิ้นเข้าครอบงำชายหนุ่ม เขาต้องเผชิญความเจ็บแค้นและความเศร้าโศกที่พวกมันรู้สึกตอนก่อนจะจบชีวิตลง!

ความคิดที่หลงเหลืออยู่เหล่านี้ทำให้ชายหนุ่มสูญเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ เขากลายเป็นมังกรตัวใหญ่ถูกปาดคอเปิดกว้าง จากนั้นก็กลายเป็นอสูรตนอื่นๆ ที่ถูกปาดคอเช่นกัน อีกทั้งยังสัมผัสได้ว่าตนเองได้กลายร่างเป็นเหล่าอสูรและผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้น

เขารู้สึกเหมือนต้องตายซ้ำไปซ้ำมา บอกไม่ได้เลยว่าตนได้ตายไปแล้วกี่ครั้ง

ชายหนุ่มไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาหมดสติลง ถือเป็นสัญญาณสิ้นสุด!

ทันทีที่หมดสติไป…ร่างกายของเขาก็ส่งกลิ่นไม่คุ้นเคยออกมาขณะนอนอยู่ในทะเลสาบเลือด ก่อนจะพวยพุ่งขึ้นและระเบิดเป็น…พลังแกร่งกล้าเกินกว่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณทั่วไป!

ร่างกายของเขาได้บรรลุสู่ขั้นจุติวิญญาณเรียบร้อยแล้ว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท