เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ปลอบหันถง “เจ้ากลับไปก่อน พยายามสงบสติอารมณ์ตนเองให้ได้ เข้าร่วมการสอบย่วนซื่อสองสามวันให้เสร็จ ส่วนหนานเฟิงข้าจะช่วยเจ้าพากลับมาเอง”
“ขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
หันถงเป็นห่วงเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก แม้ว่าอวิ๋นจิ่นอายุน้อยกว่าเขา แต่การพูดจาทำการงานอะไรก็เหมือนเป็นพี่ชายเขา เขาไม่อยากให้อวิ๋นจิ่นเกิดเรื่องอะไรจริงๆ
“ได้ ข้าจะดูแลตัวเอง”
สุดท้ายหันถงก็พาหันตงเซิ่งกลับไป
มือปราบจ้าวกลับไปเป็นคนสุดท้าย ก่อนกลับยังกล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าวางใจ คืนนี้ข้าจะพาคนไปสืบค้นทั้งคืน ดูว่าจะสืบค้นที่ซ่อนเอ้อร์เป่าได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ดีว่าคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างละเอียด ย่อมไม่ให้พวกเขาพบเจอร่องรอยอะไรได้ แต่เขาเองเป็นห่วงเอ้อร์เป่าจริงๆ ดังนั้นได้ยินมือปราบจ้าวกล่าวขึ้นก็เห็นด้วย และยังมอบหร่วนไคให้มือปราบจ้าว “หร่วนไคจะตามไปค้นหากับท่านด้วย”
มือปราบจ้าวเป็นห่วงความปลอดภัยตระกูลเซี่ย “หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงถูกเจ้าส่งไปสืบเรื่องแล้ว ไม่มีคนปกป้องคุ้มครองในบ้าน ให้หร่วนไคอยู่เถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ทันได้พูดอะไร หร่วนจู๋รีบกล่าวว่า “มือปราบจ้าวอย่าได้เป็นห่วง มีข้าอยู่ คืนนี้ข้าจะเฝ้าทั้งคืน”
มือปราบจ้าวมองหร่วนจู๋อย่างรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นฝีมือหร่วนจู๋ว่าร้ายกาจเพียงใด เห็นนางยิ้มตาหยีบริสุทธิ์เปิดเผย คิดไม่ออกจริงๆ ว่าฝีมือนางจะร้ายกาจได้ขนาดไหน
“ให้หร่วนไคอยู่ต่อดีกว่า”
หร่วนไคเอ่ยขึ้น “ข้าไปหาคุณชายน้อยกับมือปราบจ้าว”
เขามั่นใจในความสามารถน้องสาวตนเองมาก
มือปราบจ้าวไม่อาจพูดอะไรอีก ได้แต่พาหร่วนไคไป
ในห้องโถง หร่วนจู๋ตบหน้าอกกล่าวว่า “คุณชาย เหนียงจื่อ วางใจ คืนนี้ข้าจะเฝ้าคุ้มกันทุกคนอย่างดี”
กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไป ลู่เจียวกล่าวตามหลังไปว่า “เจ้าไปหาอะไรกินก่อน อยากกินอะไรก็ให้ ฮวาเสิ่นทำพิเศษให้เจ้าคนเดียว”
ความสนใจอันดับหนึ่งของหร่วนจู๋ก็คือฆ่าคน อันดับสองก็คือของกิน
หร่วนจู๋ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ดีใจส่งเสียงดังขึ้น “ทราบแล้ว เหนียงจื่อ”
หันหลังก้าวเท้ายาวๆ วิ่งตรงไปห้องครัว
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทั้งสองคนแววตาร้อนใจเป็นห่วงเอ้อร์เป่าที่ถูกจับตัวไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไร แม้ว่าลู่เจียวได้สอนเขาแล้วว่าจะรับมือคนร้ายอย่างไร แต่อย่างไรเขาก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
ในห้องโถง ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันกล่าวว่า “ลู่เจียว หากครั้งนี้ข้าหลบภัยนี้ไม่พ้น ขอให้เจ้าช่วยข้าดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้ดีด้วย”
ลู่เจียวได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวก็มีสีหน้าก็ไม่ดีทันที นางเสียงเข้มกล่าวว่า “วางใจ เจ้าไม่เป็นอะไรหรอก”
นางจะไม่ให้เขาเป็นอะไร พอคิดถึงว่าเขาเกิดเรื่อง ในใจนางก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก และยังแอบรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ใจอีกด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่ได้มองโลกแง่ดีอย่างลู่เจียว คนพวกนั้นทุ่มเทสรรพกำลังมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่เพื่อสังหารเขาหรือ พวกเขาย่อมต้องวางแผนมาอย่างละเอียด ดังนั้นครั้งนี้เกรงว่าเขาคงหลบภัยนี้ไม่พ้นแล้ว
“ลู่เจียว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยากบอกว่าเจ้ารู้ไหมว่าข้าชอบเจ้าเพียงใด แต่ยามนี้เขากลับไม่อยากพูด เพราะหากเขาตายไป ไยต้องกล่าววาจาเหล่านี้ออกไปอีก ปล่อยให้ลู่เจียวมีชีวิตเบิกบานใจไปทุกวันไม่ดีกว่าหรือ เขาเชื่อว่าไม่ว่าตอนไหนหญิงผู้นี้ก็จะมีชีวิตที่ดีได้
มีนางดูแลลูกทั้งสี่คน เขาก็วางใจ
ลู่เจียวคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีอะไรจะพูดก็หันหน้าไปมองเขา “ทำไมหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า จากนั้นก็กล่าวว่า “ตอนนี้พวกเราได้แต่รอแล้ว เชื่อว่าคนพวกนั้นจับตัวเอ้อร์เป่าไปต้องส่งจดหมายมาให้พวกเราแน่ ให้พวกเราทำตามคำเรียกร้องของพวกเขา”
ลู่เจียวพยักหน้า จากนั้นก็นางแอบครุ่นคิด ครั้งนี้คนพวกนั้นคิดฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นจึงต้องวางแผนให้รอบคอบ นางจะต้องคิดหาวิธีที่ทำให้ทั้งสองคนไม่เป็นไร
ลู่เจียวคิดถึงห้วงอากาศขึ้นมาทันที หากในยามคับขันพาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปได้ก็คงดี
แต่เมื่อก่อนนางเคยคิดลองพาคนเข้าไป ปรากฏว่าไม่สำเร็จ
ครั้งนี้นางจะลองดูอีกครั้งดีไหม คนยังมีสติพาเข้าไปไม่ได้ งั้นคนไม่ได้สติล่ะ จะเข้าไปได้ไหม
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีนี้อาจทำได้ ดังนั้นนางตัดสินใจหาโอกาสทดลองสักหน่อย
ในห้องโถง ทั้งสองคนต่างเงียบ บรรยากาศเงียบเชียบอย่างมาก จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู เด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามา พอเข้ามาก็ไปห้อมล้อมเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรุมถามอย่างเป็นห่วง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เอ้อร์เป่าจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ก่อนหน้านี้ท่านแม่เคยสอนพวกเราจะรับมือคนชั่วอย่างไร ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านว่าเอ้อร์เป่าจะหาทางหนีออกมาได้ไหม”
“เอ้อร์เป่าไม่ได้บอกหรือว่าวันหน้าเขาจะเป็นแม่ทัพ หากเขาครั้งนี้หนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ท่านพ่อก็จะยอมให้วันหน้าเอ้อร์เป่าเป็นแม่ทัพ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสบตากัน จากนั้นก็พากันเงียบงัน หากคนพวกนั้นเป็นคนชั่วธรรมดาไม่แน่อาจไม่ทันระวังป้องกันเอ้อร์เป่า อาจปล่อยให้เขาคิดหาทางหนีได้ แต่คนที่จับเอ้อร์เป่าไปเป็นคนวางแผนรอบคอบ จะปล่อยเอ้อร์เป่าหลบหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร
ครั้งนี้ได้แต่หวังว่าเอ้อร์เป่าจะเชื่อฟังและไม่ร้องไห้ เพราะหากเป็นเช่นนี้ไม่แน่ยังอาจพ้นเคราะห์นี้ได้
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดเช่นนี้ แต่ยามเผชิญเด็กน้อยสามคนตรงหน้า ก็ยังคงปลอบพวกเขา “วางใจ เอ้อร์เป่าต้องรับมือได้ ไม่แน่อาจคิดหาทางหนีออกมาได้เร็วๆ นี้แล้ว”
ซานเป่า ซื่อเป่ารีบพยักหน้าเต็มแรง แสดงอาการเห็นด้วย
มีเพียงต้าเป่าไม่เชื่อ เพราะเขารู้สึกว่าเอ้อร์เป่าไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น เขาจะหาทางหนีออกมาได้ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้
ต้าเป่าเป็นห่วงมาก เอ้อร์เป่าคงไม่เกิดเรื่องกระมัง
เดิมเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดว่าคนบงการจับตัวเอ้อร์เป่าไปจะรีบส่งจดหมายมาหาพวกเขา ให้พวกเขาทำตามคำสั่งพวกเขา
แต่คิดไม่ถึงว่าคนบงการกลับเงียบไร้การเคลื่อนไหว พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามวัน คนบงการยังคงไม่เคลื่อนไหว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวร้อนใจจนพูดไม่ออก เห็นชัดว่าคนบงการคิดทรมานพวกเขา
ลู่เจียวคิดถึงเย็นวันนั้นที่พวกนางสังหารอีกฝ่ายไปสิบกว่าคน อีกฝ่ายน่าจะทรมานพวกเขาเพราะเรื่องนี้
มือปราบจ้าวพาหร่วนไคไปสืบในอำเภอชิงเหอ สองสามวันมาแล้วก็สืบหาร่องรอยอะไรไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ซ่อนเอ้อร์เป่าไว้ในอำเภอ เป็นไปได้มากกว่าส่งออกนอกอำเภอชิงเหอไปแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเป็นห่วงเอ้อร์เป่าอย่างพูดไม่ออก แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่มีความคืบหน้าอะไรสักอย่าง
ในตอนนั้นเอง หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงก็กลับมา
“คุณชาย เหนียงจื่อ พวกเราสืบได้แล้วว่าเงินทองตระกูลหยางซ่อนไว้ที่ไหน อยู่ที่ใต้คอกสุกรที่บ้านเก่าตระกูลหยางมีห้องลับใต้ดินเล็กๆ ข้าน้อยแอบเข้าไปตอนกลางคืน ห้องลับใต้ดินมีทองก้อนและเงินก้อนวางอยู่เต็มไปหมด เดาจากสายตาก็น่าจะแสนกว่าตำลึงได้”
โจวเส้ากงกล่าวทันทีว่า “ข้าน้อยเป็นห่วงว่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นไม่ได้เข้าไปในห้องลับตระกูลเผิง แต่มั่นใจได้ว่า ใต้คอกลาต้องมีห้องลับแน่นอน หากไม่เหนือความคาดหมาย เงินทองก็คงซ่อนอยู่ในนั้น”