ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 3-3

ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 3-3

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ใต้หน้ากากซูเปอร์ส

“ตอนจบคืออะไรครับ”

“…ก็คงจะได้กลับไปอย่างสงบสุข”

หัวหน้าทีมชาชี้ไปที่โรงพยาบาล แม้จะพยายามทำใจให้สงบแล้ว แต่ปลายนิ้วของเขาก็ยังสั่น ถ้าหากเป็นอีอูยอนแล้วล่ะก็ คงสามารถผลักคนให้ตกบันไดด้วยสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต๊ง

อีอูยอนแจ้งให้รู้ว่ามันเป็นคำตอบที่ผิดด้วยน้ำเสียงสดใส จากนั้นศูนย์ถ่วงน้ำหนักของรถเข็นก็เทไปด้านหน้า ตายแน่ หัวหน้าทีมชาหลับตาแน่นพลางก่นด่ากรรมการผู้จัดการคิมที่พาคนที่ไม่มีอะไรดีเลยคนนี้เข้ามาจนเกิดปัญหานี้ขึ้น แต่ร่างกายที่คิดว่าจะร่วงลงไปด้านล่างกลับหยุดอยู่แบบนั้น พอหันหลังกลับไปมองก็พบว่าอีอูยอนกำลังจับไหล่ของตนไว้

“อย่าบอกนะครับว่าหัวหน้าทีมเชื่อจริงๆ ว่าผมจะผลักคุณลงไป”

“…”

ก็ต้องเชื่ออยู่แล้วล่ะครับ

“เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”

“จะเห็นว่าเป็นอะไรล่ะ ก็แค่เห็นว่าเป็นนายน่ะสะ…ฮ่าๆ”

อีอูยอนจับรถเข็นให้ตั้งตรงพร้อมเผยยิ้มอย่างสุดแสนจะมีเมตตา

“คุณอินซอบมานั่นแล้วครับ”

เขาเห็นรูปร่างรางๆ ที่เหมือนกับอินซอบกำลังเดินเข้ามาจากทิศทางที่อีอูยอนชี้ไป

“ผมขอตัวก่อนนะครับ ห้ามพูดเด็ดขาดเลยนะครับว่าผมมา ถ้าคุณพูดละก็…”

อีอูยอนบีบไหล่หัวหน้าทีมชาเบาๆ

“ไว้ผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ”

“…”

หัวหน้าทีมชาพยักหน้าด้วยสีหน้าเหม่อลอย อีอูยอนตบไหล่หัวหน้าทีมชาเบาๆ หลังได้รับคำตอบที่พอใจ

“ขอให้หายเป็นปกตินะครับ”

เสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไป และในตอนที่หันหลังกลับไปมอง เขาก็ไม่เห็นร่างของอีอูยอนแล้ว ตอนนั้นเองหัวหน้าทีมชาถึงได้รู้ว่าชุดคนป่วยของตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

[ผมอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมนะครับ อีกเดี๋ยวผมจะขึ้นไป]

อีอูยอนได้รับข้อความตอบกลับในทันที

[ครับ! ขึ้นมาเลยครับ]

เขารู้สึกเหมือนได้ยินน้ำเสียงรีบร้อนของอินซอบจากข้อความ อีอูยอนเป็นฝ่ายมาถึงโรงแรมก่อน เขาดูให้แน่ใจว่าอินซอบขึ้นลิฟต์ไปแล้ว และส่งข้อความไปหาหลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน

อีอูยอนเข้ามาในลิฟต์ แตะคีย์การ์ดและกดหมายเลขชั้นของห้องพัก

อีกฝ่ายบอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่

ถ้าหากเป็นอาการคิดถึงบ้านล่ะก็ แค่นั่งเครื่องบินไป-กลับอเมริกาสักสองสามครั้งก็จบแล้ว แต่นี่เป็นปัญหาที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และเป็นปัญหาที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน

อีอูยอนกอดอกพลางใช้นิ้วเคาะแขนอีกข้าง เขานึกถึงคำพูดของหัวหน้าทีมชาที่ถามว่า ‘เขาคงรู้สึกกังวลมากเพราะอีกฝ่ายคือนายล่ะมั้ง’ คำพูดนั้นไม่ผิดเลยสักนิด เพราะขนาดตัวเขาเองยังคิดว่าตนเป็นคนที่ไม่อาจเชื่อใจได้เลย

ชวนให้ไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกันสักพักจะดีกว่าไหมนะ…ไม่สิ

อีอูยอนเดาะลิ้นเบาๆ

แม้จะเป็นวิธีที่ดีที่จะบรรเทาความกังวลใจของอินซอบ แต่ก็เป็นวิธีที่อันตรายที่สุดด้วยเช่นกัน คนในครอบครัวของอินซอบเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเลิศเลอจนเขารู้สึกไร้ประโยชน์ อินซอบเป็นคนขี้เหงาและชอบทำตัวเหมือนเด็ก เขาต้องเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของอีกฝ่ายให้ได้ ถ้าเขาเผลอยอมให้เจ้าตัวได้พบกับครอบครัวในสถานการณ์แบบนี้ นั่นอาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้อินซอบอยู่ที่อเมริกาไปสักพักก็เป็นได้

แล้วจะทำยังไงดีล่ะ

จากนั้นลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นที่เขากดไว้โดยไม่รู้ตัว อีอูยอนคิดทบทวนความคิดต่างๆ ที่อยู่ในหัวอย่างรอบคอบขณะที่เดินไปตามทางเดิน แต่คำตอบที่ใช่กลับไม่โผล่มา เขาไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย หลังจากใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป เขาก็มองเห็นแผ่นหลังของอินซอบซึ่งตกใจจนสะดุ้งโหยง และเดินไปนั่งที่โซฟา

“ผมมาแล้วครับ”

อีอูยอนจงใจส่งเสียงกระแอมออกไปให้รู้

“ครับ กลับมาแล้วเหรอครับ”

เสื้อผ้าของอินซอบถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนโต๊ะ

“เห็นว่าเมื่อกี้คุณบอกให้เขาเอาเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วมาให้น่ะครับ”

เมื่อเห็นว่าสายตาของอีอูยอนจ้องไปที่เสื้อผ้า ชเวอินซอบจึงพึมพำออกมาเหมือนแก้ตัว ที่จริงแล้วอีอูยอนได้เตือนพนักงานไว้แล้วว่าห้ามเอาเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วมาก่อนที่จะเขาร้องขอ แม้จะสั่งอาหารทางรูมเซอร์วิสได้ แต่อินซอบที่ยุ่งอยู่กับการซ่อนกลับไม่รู้ว่าต้องโทรศัพท์ไปขอเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วเอง

บางครั้งอีกฝ่ายก็เก่งในเรื่องการทำอะไรที่ไม่จำเป็น และทำให้เขาหงุดหงิด

อีอูยอนเอียงคอจ้องมองอินซอบพร้อมกับยื่นมือออกไป

“…!”

“ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าแบบนี้ล่ะครับ มันจะทำให้คุณเป็นหวัดนะ”

อินซอบอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถติดชายของเสื้อคลุมอาบน้ำให้ทับกันอย่างเรียบร้อยได้ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเปลี่ยนชุดอย่างรีบร้อน หลังจากได้ยินเสียงของอีอูยอนที่กลับมา

“ขอโทษ…ครับ”

พออีอูยอนผูกเชือกของเสื้อคลุมให้เรียบร้อย อินซอบก็ทำตัวไม่ถูกด้วยความเกรงใจ

“แล้วนั่นอะไรอีกล่ะครับ”

“อะไรเหรอครับ”

อีอูยอนชี้ไปที่เท้า ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วตัวเองไม่ได้ถอดถุงเท้า

“เอ่อ คือ เท้าผมเย็นน่ะครับ ก็เลยเอาถุงเท้าออกมา…”

ถ้าไปออกรายการแข่งโกหก ชเวอินซอบคงตกรอบตั้งแต่รอบคัดเลือกเป็นแน่ อีอูยอนมองอินซอบนิ่งๆ ก่อนจะกอดเอวของอีกฝ่ายไว้และอุ้มขึ้นมา

“เราต้องไปกันแล้วนะครับ ได้เวลาเช็กเอ้าท์แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เช็กเอ้าท์สายได้”

อีอูยอนอุ้มอินซอบขึ้นและพาไปที่เตียงก่อนจะจับให้นอนลง จากนั้นเขาก็กอดอินซอบเอาไว้และฝังหน้าลงกับแผ่นอกของอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร การกระทำที่ดูไม่สมกับเป็นอีอูยอนนี้ทำให้อินซอบต้องเอ่ยเรียก

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ”

“เปล่าครับ”

อินซอบลูบหัวอีอูยอนอย่างลังเลใจ

“ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนใช่ไหม …ผมเป็นห่วงนะครับ”

ชเวอินซอบเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเรี่ยวแรงของอีอูยอนเป็นอย่างไร เขาทั้งเฝ้ามองอยู่ข้างๆ และได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเพราะคำว่าเหนื่อยคำเดียวก็ทำให้อินซอบเป็นห่วงอีอูยอนได้โดยไม่มีแม้แต่ความสงสัย

เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการถูกถามว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แม้กระทั่งจากแม่ของตัวเอง ถึงจะรู้ว่าคนที่ชื่ออีอูยอนเป็นสัตว์ร้ายน่ากลัวขนาดไหน แต่อินซอบก็ยังกอดเขาไว้อย่างไม่ลังเลทุกครั้ง

“ดูเหมือนจะเหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับ”

“ต้องกินยาหรือเปล่าครับ ไปโรงพยาบาลดูไหมครับ”

“ถ้าได้อยู่แบบนี้ก็เหมือนจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ”

อีอูยอนกระชับอ้อมแขนที่กอดอินซอบไว้ อินซอบสังเกตสีหน้าของอีอูยอนพร้อมกับทำสีหน้าเป็นกังวล อีอูยอนเอ่ยเรียกเขาว่า ‘คุณอินซอบครับ’ ด้วยเสียงทุ้มต่ำ ส่วนอินซอบก็ลูบผมอีอูยอนอย่างระมัดระวังราวกับปฏิบัติต่อชิ้นงานที่บอบบาง

“ถ้ารู้สึกไม่สบายมากก็บอกนะครับ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเอง”

อีอูยอนพยักหน้า

และตอนนั้นถุงเท้าที่อินซอบสวมอย่างไม่เข้าคู่กันก็โผล่เข้ามาในสายตา ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นจนเขารู้สึกปวดหัวตุบๆ คลายลงในเวลาแค่ชั่วครู่ เขาหัวเราะออกมา

“คุยเรื่องที่คุยกันไว้เมื่อกี้ต่อดีไหมครับ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็เรื่องที่ผมตัดสินใจว่าจะกลับมา และพูดก่อนว่าผมชอบคุณอินซอบแค่ไหนไงครับ”

“ยะ อย่างนั้นเหรอครับ”

“ความจริงแล้วผมไม่ชอบให้ใครมาลูบหัวมากๆ เลยครับ”

มือของอินซอบหยุดลง แต่อีอูยอนกลับเอาหัวของตัวเองมาแตะไว้ที่มือของอินซอบราวกับจะสั่งให้ลูบต่อ

“…ก็คุณบอกว่าไม่ชอบนี่ครับ”

“ไม่ชอบถ้าเป็นคนอื่นครับ เพราะฉะนั้น…ช่วยลูบต่อไปเรื่อยๆ ด้วยนะครับ”

อินซอบลูบผมของอีอูยอนเบาๆ อีกครั้ง

อีอูยอนหลับตาลงทั้งที่ยังกอดเอวของอินซอบไว้ เขาไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าความรู้สึกที่ตนเองรู้สึกนั้นใช่ความรักที่คนทั่วไปรู้สึกหรือเปล่า

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ

“คุณอินซอบ”

อินซอบตอบรับว่า ‘ครับ’ ให้กับเสียงเรียกของอีอูยอน

“เก็บพาสปอร์ตไว้ที่ไหนเหรอครับ”

ว่าแม้กระทั่งผมแม้แต่เส้นเดียวของชเวอินซอบเขาก็ไม่สามารถยกให้ใครได้

ไม่ได้โดยเด็ดขาด

***

“จะเอาพาสปอร์ตไปเหรอครับ”

“ครับ ใช่ครับ”

อินซอบหยิบซองน้ำตาลออกมายื่นให้

“แล้วบัตรประชาชนล่ะครับ”

“ผมใส่ไว้ในนี้ทั้งหมดเลยครับ”

อีอูยอนขอพาสปอร์ตและบัตรประชาชนของอินซอบด้วยข้ออ้างว่าอาจต้องไปถ่ายนิตยสารที่ต่างประเทศเร็วๆ นี้ก็ได้

“ถ้าต้องการเอกสารอื่นๆ ก็บอกนะครับ ผมจะได้เตรียมเอาไว้ให้”

พอสบเข้ากับดวงตาที่สดใส และไม่มีความระแวงอยู่เลยสักจุดเดียว อีอูยอนก็แอบทำตายิ้ม อินซอบเป็นคนที่มอบให้ได้แม้กระทั่งหัวใจของตัวเอง ถ้าอีอูยอนบอกว่าต้องการ ไม่สิ ตอนที่มอบหัวใจให้ อีกฝ่ายอาจจะพูดเสริมว่าให้ระวังตัวด้วยซ้ำ

“ถ้าต้องการเอกสารอะไรอีก ผมจะบอกนะครับ”

อีอูยอนรับซองเอกสารมา และคิดว่าจะเก็บมันไว้ในตู้นิรภัยสักพักหนึ่ง

“งั้นจะออกเดินทางแล้วนะครับ”

อินซอบว่าพลางหมุนพวงมาลัย วันนี้ไม่ใช่ตารางที่เป็นทางการ เขาจึงไม่ได้ใช้รถตู้ และต้องมาขับรถยนต์ของอีอูยอนแทน อีอูยอนซึ่งนั่งพิงกระจกรถอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับจ้องมองอินซอบอย่างเหม่อลอย

“ทำไมถึงจ้องแบบนั้นล่ะครับ”

“ผมกำลังมองของของผมอยู่นี่ครับ ไม่ได้เหรอ”

“การพูดแบบนั้นข้างนอกมัน…”

“ตรงนี้ไม่ใช่ข้างนอกสักหน่อยนี่ครับ มีแค่เราสองคนในรถเท่านั้น ใครจะมาได้ยินล่ะครับ”

“ก็ต้องระวังอยู่เสมอนะครับ เราไม่มีทางรู้ได้เลย”

อินซอบเม้มปากแน่นพร้อมกับทำสีหน้าจริงจังอย่างต่อเนื่อง

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำอย่างที่คุณอินซอบพูด”

อินซอบเหลือบมองอีอูยอนที่ตอบอย่างง่ายดายผิดปกติ

“ทำไมเหรอครับ”

คราวนี้เป็นอีอูยอนที่เอ่ยถาม

“เปล่าครับ…ยังเหนื่อยอยู่ไหมครับ”

อีอูยอนหัวเราะ

แม่งเอ๊ย น่ารักฉิบหายเลยว่ะ

“ไม่เหนื่อยแล้วครับ”

อีอูยอนกดความต้องการที่อยากจะจอดรถเสียเดี๋ยวนั้น และเสียบแก่นกายของตัวเองเข้าไปตรงหว่างขาของอินซอบเอาไว้ และยิ้มอย่างสดใส

“โล่งอกไปทีนะครับ ผมเป็นห่วงมากเลย”

อินซอบมองด้านหลังด้วยกระจกมองหลังและเห็นช่องทางเดินรถ

“เฮ้อ ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกดีขนาดนี้เวลาที่คุณอินซอบเป็นห่วงผม”

อีอูยอนว่าพลางเอนศีรษะพิงเบาะที่นั่งข้างคนขับรถ

“ผมว่าการที่ไม่ต้องเป็นห่วงน่าจะดีกว่านะครับ”

แม้จะเป็นคำตอบที่แกล้งทำเป็นเคร่งขรึม แต่เขาก็เห็นต้นคอที่แดงซ่านของอินซอบผ่านช่องว่างระหว่างคอกับเสื้อเชิ้ต อีอูยอนสอดนิ้วเข้าไปในช่องว่างนั้น เขาดึงเบาๆ พร้อมกับเอ่ยถามว่า ‘ไม่ร้อนเหรอครับ’

“ไม่เป็นไรครับ อย่าแกล้งสิครับ มันอันตรายนะ ผมกำลังขับรถอยู่”

อินซอบรีบจัดปกเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่พลางเอ่ย อีอูยอนเก็บมือกลับมาพลางครุ่นคิดว่าควรจะบอกอีกฝ่ายดีหรือไม่ว่าตนไม่ได้แกล้ง แต่กำลังแสดงผลงานชิ้นเอกอยู่ต่างหาก เขากอดอกและเอนตัวพิงเบาะรถก่อนจะหลับตาลง

“ถ้าถึงแล้วให้ผมปลุกไหมครับ”

“ผมไม่นอนหรอก”

อีอูยอนลืมตาขึ้นพร้อมกับเอ่ยตอบ

“นอนเถอะครับ ถ้าคุณเกิดเหนื่อยขึ้นมาอีกจะทำยังไงล่ะครับ ตารางงานวันนี้มีตั้งสองที่เลยนะ”

สำหรับนักแสดงแล้วถ้าไม่ได้เข้าร่วมผลงานอะไรก็จะไม่มีตารางงานจนเรียกได้ว่าเป็นการหยุดพัก แต่ถ้ามีผลงาน หรือภาพยนตร์เริ่มฉายก็จะยุ่งจนไม่มีเวลาหายใจ

“แค่สัมภาษณ์สองรอบเองครับ”

“ได้ลองอ่านคำถามล่วงหน้าที่ผมส่งให้เมื่อวานหรือยังครับ”

อินซอบวิเคราะห์เกี่ยวกับภาพยนตร์ และเขียนอธิบายเกี่ยวกับตัวละครได้ดีพอที่จะเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ และส่งให้อีอูยอนทางอีเมล อีอูยอนยิ้มโดยไม่พูดอะไรให้กับความซื่อตรงของผู้จัดการที่แสนจะเสมอต้นเสมอปลาย

อินซอบเชื่อว่าคนที่สัมภาษณ์สงสัยในเรื่องนั้นจริงๆ และรู้สึกตื่นเต้นมาก ทว่าคำถามที่อีอูยอนจะได้รับในวันนี้แน่นอนว่าต้องเป็นคำถามที่ว่าเขาเจอกับแชยอนซอได้อย่างไร ทำไมถึงคบกัน และอาจจะให้พูดถึงผู้หญิงคนนั้นด้วย

“ครับ ผมลองอ่านแล้ว ช่วยได้มากเลยล่ะครับ”

“งั้นก็ดีเลยครับ คุณนอนสักพักเถอะครับ เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีผมจะปลุกคุณเอง”

แม้จะไม่ง่วง แต่อีอูยอนก็หลับตาลงตามเดิมเพราะอินซอบบอกให้ทำแบบนั้น ยี่สิบนาทีต่อมาอินซอบก็จอดรถหลังจากขับมาถึงคาเฟ่ย่านพันกโย

“ถึงแล้วครับ”

สัมผัสจากมือที่กำลังเขย่าปลุกอย่างระมัดระวังนั้นดีเสียจนอีอูยอนจงใจไม่ยอมลืมตา

“คุณอูยอน ถึงแล้วนะครับ …หลับอยู่เหรอครับ”

“ครับ ผมกำลังนอนอยู่”

อีอูยอนตอบทั้งที่ยังหลับตา ในระหว่างที่อินซอบกำลังครุ่นคิดว่าต้องตอบรับการแกล้งเล่นของอีกฝ่ายอย่างไรดี อีอูยอนก็ลืมตาขึ้นมา

“ไม่รู้จักวิธีปลุกเจ้าหญิงนิทราเหรอครับ”

“…ถ้าตื่นแล้วก็รีบไปสิครับ”

แม้คำว่าเจ้าหญิงจะเป็นคำนามที่ใช้ชี้ถึงเพศหญิง แต่อินซอบกลับคิดว่าการแปะคำนั้นเข้ากับอีอูยอนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไรเลย อีอูยอนยิ้มพลางปลดตัวล็อกของเข็มขัดนิรภัยก่อนจะลงจากรถ เมื่อพบว่าอินซอบไม่ขยับตามมา อีกฝ่ายก็หันกลับมาทันที

“ไม่ไปด้วยกันเหรอครับ”

“ผมจะรออยู่ในรถครับ”

“ข้างในมีคาเฟ่นะครับ จะรอในรถทำไมล่ะ ลำบากเปล่าๆ”

“ไม่เป็นไรครับ รีบไปเถอะครับ”

อีกแล้ว

แม้จะรู้สึกได้ว่าอินซอบกำลังขีดเส้นกั้นอย่างประหลาด แต่อีอูยอนก็พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

“ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมานะครับ”

“ครับ”

อีอูยอนปิดประตูรถก่อนจะหายเข้าไปในร้าน

ตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท