พระชายาเยี่ยนอ๋องโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ “ไร้ประโยชน์สิ้นดี แม้แต่ร่างกายของท่านอ๋องยังดูแลไม่ได้ ยังจะอยู่ทำไม ไสหัวออกไป”
“พระชายา…” กงเสี่ยวเตี๋ยมองคนที่อยู่บนเตียง ทว่ายังคงยืนยัน กัดริมฝีปากเอ่ยเสียงเบา “หม่อมฉันจะดูแลท่านอ๋องเพคะ”
เห็นพระชายาเยี่ยนอ๋องโกรธ หนานกงมั่วจึงจับนางเอาไว้พลางเอ่ยเสียงเบา “เสด็จป้า ช่างเถิดเพคะ เสด็จลุงตื่นขึ้นมาแล้วจะอธิบายได้ยาก”
พระชายาส่งเสียงหยัน ไม่สนใจกงเสี่ยวเตี๋ยอีก หนานกงมั่วตรวจชีพจรอย่างละเอียดอีกครั้ง กงเสี่ยวเตี๋ยเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ท่านอ๋องเป็นอย่างไร”
เนิ่นนาน หนานกงมั่วจึงส่ายศีรษะ เอ่ย “ชีพจรของเสด็จลุงดูเหมือนจะไม่มีปัญหา เพียงแต่หลับไม่ตื่น…นี่ หม่อมฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม”
ใบหน้าของพระชายาขาวซีด “หรือว่า ท่านอ๋องป่วยเป็นโรคแปลกประหลาดหรือไม่ ไยจึงเป็นเยี่ยงนี้” หากได้รับพิษก็ยังมีวิธีแก้ แต่ตอนนี้เล่าเป็นอันใดกันแน่
“เอ่อ…จะทำอย่างไรดี หรือต้องไปเชิญหมอหลวงที่จินหลิง” พระชายาเยี่ยนอ๋องส่ายศีรษะเอ่ย “ไม่ได้”
ทันใดนั้นเมื่อนึกถึงตัวตนของหนานกงมั่ว พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงยื่นมือไปจับมือหนานกงมั่วเอาไว้ เอ่ย “มั่วเอ๋อร์ ได้ยินมาว่าอาจารย์และศิษย์พี่ของเจ้าต่างก็เป็นหมอเทวดา ช่วย…ช่วยเชิญพวกเขามาดูสักหน่อยได้หรือไม่” พระชายาเยี่ยนอ๋องรู้ว่าคุณชายเสียนเกอทั้งสามคนมาอยู่ที่โยวโจว เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้มาข้องเกี่ยวกับคนจวนเยี่ยนอ๋อง เห็นชัดว่าไม่คิดเชื่อมสัมพันธ์กับจวนเยี่ยนอ๋องมากนัก เพียงแต่ตอนนี้ไม่สนใจอันใดอีกแล้ว
กงเสี่ยวเตี๋ยขมวดคิ้ว เอ่ย “พระชายา…คงไม่เหมาะสมหรือไม่ ท่านอ๋องฐานะสูงส่ง จะ…”
เซียวเชียนชื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว เอ่ย “พระชายารอง ศิษย์พี่ของพี่สะใภ้ในยุทธภพได้รับการขนานนามว่าเป็นหมอเทวดา เชิญเขามาดูอาการเสด็จพ่อได้นับเป็นเรื่องที่ดี หรือว่าท่านกลัวจะมีคนทำร้ายเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ” พระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็เอ่ยเสียงเรียบ “ชื่อเอ๋อร์เอ่ยไม่ผิดเลย ศิษย์พี่ของอู๋สยาจะทำร้ายท่านอ๋องได้อย่างไร” ความหมายของพระชายาเยี่ยนอ๋องนั้นชัดเจน หากเป็นคนนอก ที่มาไม่ชัดเจน กงเสี่ยวเตี๋ยที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนไม่ถึงเดือนต่างหากที่เป็นคนนอก
กงเสี่ยวเตี๋ยกัดริมฝีปากน้อยใจ เพียงแต่ยามนี้กลับไม่มีใครสนใจอารมณ์น้อยใจของนาง
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาจริงจังของทุกคน หนานกงมั่วจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย ครั้งนี้เป็นนางที่ทำร้ายเยี่ยนอ๋องจริงๆ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นางความรู้ตื้น เพียงตรวจเบื้องต้นง่ายๆ ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเยี่ยนอ๋องนั้นมีปัญหาหรือไม่ ถือว่า…เชิญศิษย์พี่มาตรวจร่างกายเยี่ยนอ๋องก็แล้วกัน หากป่วยก็รักษา ไม่ป่วยถือว่าป้องกันเอาไว้
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันจะให้ซิงเวยไปเชิญศิษย์พี่มาตรวจให้เพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องรีบพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง
ซิงเวยออกจากเมืองไปโดยไวเมื่อได้รับคำสั่ง หนานกงมั่วประคององค์หญิงฉังผิง เอ่ย “เสด็จแม่ เสด็จป้า พวกเราออกไปนั่งก่อนเถิดเพคะ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามศิษย์พี่คงมาถึง ไม่ต้องกังวลนะเพคะ”
เกิดเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนยังไม่ทันได้กินข้าว พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า เอ่ย “ตามอู๋สยาว่า”
หนานกงมั่วนั่งอยู่ด้านข้างองค์หญิงฉังผิง มองไปยังกงเสี่ยวเตี๋ยที่มีท่าทางเหม่อลอยนั่งอยู่ถัดไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “พระชายารองกงกำลังเป็นห่วงเสด็จลุงหรือ” กงเสี่ยวเตี๋ยเม้มริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องมีความรักลึกซึ้งต่อข้า แน่นอนว่า…ข้าต้องเป็นห่วงท่านอ๋องอยู่แล้ว”
หนานกงมั่วมุมปากกระตุก ไม่ได้หันไปมองสีหน้าของพระชายาเยี่ยนอ๋อง กงเสี่ยวเตี๋ยผู้นี้ ไม่รู้ว่าไม่มีตาจริงๆ หรือตั้งใจกันแน่
“พระชายารองไม่ต้องกังวล บนโลกใบนี้โรคที่ศิษย์พี่ข้ารักษาไม่ได้นั้นมีไม่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ศิษย์พี่ข้ารักษาไม่ได้ก็ยังมีอาจารย์และอาจารย์อาของข้าอีก เสด็จลุงจะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน เพียงแต่ อยู่ดีๆ ไยเสด็จลุงจึงไม่ตื่นขึ้นมาเล่า หลายวันมานี้พระชายารองอยู่ข้างกายเสด็จลุงตลอด เห็นว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถามเสียงเนิบนาบ กงเสี่ยวเตี๋ยส่ายศีรษะ เอ่ย “มะ…ไม่มี ท่านอ๋องสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “แต่ว่า ข้าตรวจดูชีพจรของเสด็จลุง หมอเหล่านั้นเอ่ยก็ไม่นับว่าผิด เสด็จลุงเหน็ดเหนื่อยจนเกินไปจึงร่างกายอ่อนแอ” เพียงแต่ยังห่างไกลที่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายจนถึงขั้นนี้ เยี่ยนอ๋องได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่อายุยังน้อย แม้หนานกงมั่วจะจ่ายยาให้จนดีขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้กลับมาแข็งแกร่งเหมือนวัยหนุ่ม
“เอ่อ…” กงเสี่ยวเตี๋ยหลุบตาลง เอ่ย “บางทีอาจเป็นเพราะท่านอ๋องกังวลกับเรื่องการปกครองมากไป จนพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นได้”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เสด็จลุงเคยได้รับบาดเจ็บหนักเมื่อยังหนุ่ม อย่างไรร่างกายก็ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”
“ขอบคุณจวิ้นจู่ที่ชี้แนะ” กงเสี่ยวเตี๋ยรีบเอ่ยตอบ
คุณชายเสียนเกอมาอย่างรวดเร็ว คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างเคยเห็นคุณชายเสียนเกอเป็นครั้งแรก ทว่ากลับตกตะลึงกับชายหนุ่มหล่อเหลาสง่างามเปรียบดั่งเทพเซียนที่ลอยลงมาจากบนเขา คุณชายเสียนเกอในอา-รณ์สีขาวกำลังย่างกรายเข้ามา หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย “มั่วเอ๋อร์ ซิงเวยบอกว่าเจ้ามีเรื่องเร่งด่วน”
สองพี่น้องส่งสายตารู้กันเพียงสองคน หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ย “ศิษย์พี่ เสด็จลุงป่วยกะทันหัน จึงได้เชิญท่านมาช่วยดูเจ้าค่ะ”
คุณชายเสียนเกอตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ป่วย เจ้ารักษาเองก็ไม่จบแล้วหรือ”
หนานกงมั่วเอ่ยอย่างจนใจ “เพราะข้าไม่อาจรักษาได้ จึงได้เชิญศิษย์พี่มาอย่างไรเล่า”
เซียวเชียนชื่อเองก็ยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “ขอคุณชายได้โปรดช่วยเสด็จพ่อของข้าด้วย” เอ่ยพร้อมเตรียมคุกเข่าลง คุณชายเสียนเกอยื่นมือไปจับแขนเขาเอาไว้ เขาจึงไม่ได้คุกเข่าลงไป ได้ยินคุณชายเสียนเกอเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ในเมื่อมั่วเอ๋อร์เรียกข้ามาแล้ว ตรวจดูสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร”
เซียวเชียนชื่อดีใจ “ขอบคุณคุณชายมาก”
เดิมทีคุณชายเสียนเกอก็ไม่ชอบให้มีคนรุมล้อมดังนั้นจึงยอมให้หนานกงมั่วและเซียวเชียนชื่อเข้าไปด้วยเท่านั้น พระชายาเยี่ยนอ๋องและคนอื่นๆ ต่อให้ร้อนใจเพียงใดก็ต้องรออยู่ด้านนอก ผ่านไปราวๆ หนึ่งเค่อ จึงเห็นทั้งสามคนเดินออกมา พระชายาเยี่ยนอ๋องรีบลุกขึ้น เอ่ย “คุณชายเสียนเกอ ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณชายเสีนเกอเอ่ยราบเรียบ “ไม่มีอันใด เพียงแต่ช่วงนี้ค่อนข้างเหนื่อย ทำให้อาการป่วยที่มีมานานกำเริบขึ้นมาเพียงเท่านั้น”
“เอ่อ…” พระชายาเยี่ยนอ๋องลังเลอยู่ชั่วครู่ “อาการป่วยเดิมมิใช่หายแล้วหรือ อีกทั้ง ท่านอ๋องไม่เคยสลบไสลไม่ฟื้นมาก่อนนี่นา”
คุณชายเสียนเกอส่งเสียงหยัน “อาการป่วยยี่สิบกว่าปี ต่อให้เป็นยาวิเศษเพียงใดก็ต้องใช้เวลา ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนอ๋องเองไม่ใช่ผู้ป่วยที่เชื่อฟังเพียงนั้น เกรงว่าอาการป่วยยังไม่หายดีก็ไม่ใช้ยาเท่าไรแล้วใช่หรือไม่”
“เอ่อ…” พระชายาเยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วลังเล เมื่อครั้งเยี่ยนอ๋องอยู่ที่เรือนแน่นอนว่านางบังคับให้กินยา แต่เมื่อเยี่ยนอ๋องไปยังค่ายทหาร เกรงว่าคงไม่มีใครบังคับให้ดื่มยา ดังนั้นยานี้ดื่มหรือไม่นางเองก็ไม่รู้
คุณชายเสียนเกอเอ่ย “พระชายาไม่ต้องกังวล ข้าฝังเข็มให้แล้ว อย่างช้าก็คืนนี้ เดี๋ยวท่านอ๋องก็ตื่น หลังจากนี้ ขอให้ท่านอ๋องดูแลร่างกายสักหน่อย”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” พระชายาเยี่ยนอ๋องรู้สึกยินดีขึ้นมา รีบพยักหน้าเอ่ย “ขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ พวกเราจะจำเอาไว้”