“ยังไม่ตาย” ผู้ว่าการโยวโจวกัดฟันเอ่ย
ชายผู้นั้นพยักหน้าเข้าใจ “เข้าใจ ทิ้งไป โชคไม่ดีนับเป็นดวงชะตาของเขา ได้เจอกับซิงเฉิงจวิ้นจู่นับว่าโชคร้าย” ผู้ว่าการโยวโจวกัดฟัน เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ก็ไม่ควรส่งคนไปสังหารชาวบ้านทั่วไปหรือไม่” เอ่ยจบกำลังจะลุกขึ้น ชายผู้นั้นราวกับได้ยินเรื่องตลก “ชาวบ้านธรรมดาหรือ หากเจ้าคิดไปหาเรื่องซิงเฉิงจวิ้นจู่ จะขอเตือนเจ้าว่าทางที่ดีนั้นอย่าเลย เจ้าคิดว่านางส่งคนไปทำร้ายคนพวกนั้นปางตายเพียงเพราะอารมณ์หุนหันพลันแบ้รเมื่อได้ยินคนเหล่านั้นพูดคุยกันหรือ”
ผู้ว่าการโยวโจวเงียบไม่เอ่ยวาจา ชายผู้นั้นส่ายศีรษะ ถอนหายใจ เอ่ย “นั่นโง่เง่ายิ่งนัก ไม่ใช่ซิงเฉิงจวิ้นจู่ หากนางไม่มีความมั่นใจเจ็ดส่วน ไยจะให้คนลงมือในเมืองโยวโจวเล่า คนพวกนั้นของเจ้าใสสะอาดจริงหรือ อย่าได้หาเรื่องนาง หากไม่สำเร็จจะกลับกลายเป็นไฟแผดเผาตนเอง ในกองทัพแม่ทัพเซี่ย...แม่ทัพเฉินใช่หรือไม่ ข่าวที่ส่งมาเจ้าดูแล้วหรือ”
ผู้บังคับการโยวโจวส่งเสียงหยัน เอ่ยด้วยความรำคาญ “ข้าทำอันใดได้ คำสั่งยากจะขัดขืน เป็นขุนนางขัดต่อรับสั่งได้หรือ” อยู่เมืองโยวโจวคิดจะเล่นกับเยี่ยนอ๋อง เปรียบดั่งกำลังเล่นอยู่กับศีรษะตนเองรู้หรือไม่
ชายคนนั้นยิ้ม เอ่ย “เจ้ากลัวอันใดเล่า ยามนี้คนที่ร้อนรนควรเป็นเยี่ยนอ๋อง ไม่ใช่พวกเรา ต่อให้เยี่ยนอ๋องไม่ร้อนใจ ก็ควรเป็นฮ่องเต้ที่ร้อนใจจึงจะถูก”
เจ้าจะบอกว่าข้าร้อนตัวหรือ
ผู้ว่าการโยวโจวเปลี่ยนเรื่อง เอ่ยถาม “พระชายารองคนใหม่จวนเยี่ยนอ๋องผู้นั้น ท่านคิดอย่างไร”
ชายผู้นั้นยิ้มหยันอย่างไม่พอใจ “เจ้าเชื่อจริงหรือว่าเยี่ยนอ๋องจะหลงมัวเมาในสตรีเพียงคนเดียวจนไม่สนใจอันใดแล้ว”
“เอ่อ…” ตามความเข้าใจที่เขามีต่อเยี่ยนอ๋อง แน่นอนว่าไม่ แต่ว่านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็มีวีรบุรุษที่ปล่อยบ้านเมืองล่มจมเพียงเพราะสตรีไม่เคยขาด
ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงเรียบ “เอาล่ะ ต่อให้เยี่ยนอ๋องเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าคิดว่าคนผู้นั้นในจินหลิงจะเชื่อหรือไม่”
ผู้ว่าการโยวโจวส่ายศีรษะ ถอนหายใจ เอ่ย “เอ่ยตามตรง ข้ามีความหวังให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง การเคลื่อนไหวภายใต้มือเท้าของเยี่ยนอ๋อง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ท่านว่า ฝ่าบาทคิดจะทำอันใดกันแน่”
ชายผู้นั้นส่งเสียงหยัน เอ่ย “อยากทำอันใดหรือ เจ้ายังเดาไม่ออกหรือ”
ผู้ว่าการเปลือกตากระตุก เอ่ย “ยึดอำนาจคืนหรือ”
ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงหยัน “มิใช่ยึดอำนาจคืนหรือ” ฮ่องเต้องค์ใดจะชื่นชอบเสด็จลุงที่กุมอำนาจทหารฟังยามออกศึกทว่าไม่สนใจรางวัล เพียงแต่นิสัยของเซียวเชียนเยี่ยวู่วามสักหน่อย
ผู้ว่าการเมืองโยวโจวสูดปาก ดึงเคราที่ปลายคางของตนเอง แยกเขี้ยวยิงฟันอย่างเจ็บปวด และไม่สนสิ่งใดมาก รีบเอ่ยว่า “ฝ่าบาทคิดสังหารเยี่ยนอ๋องหรือ” เขานึกว่าฝ่าบาทจะถือโอกาสทำลายชื่อเสียงของเยี่ยนอ๋องเพียงเท่านั้น
ชายผู้นั้นไหวไหล่ เพียงยิ้มบางไม่เอ่ยสิ่งใด
ผู้ว่าการเมืองโยวโจวแทบกระโดดจากเก้าอี้ “ล้อเล่นอันใดกัน เยี่ยนอ๋องมีอำนาจที่สุดในบรรดาผู้ปกครองเมืองที่มีกำลังทหารอยู่ในมือ ระยะห่างจากโยวโจวก็ห่างไกล ผลกระทบของฝ่าบาทที่มีต่อโยวโจวสู้เยี่ยนอ๋องไม่ได้ หากทำอันใดเยี่ยนอ๋องขึ้นมา ต่อไปผู้ปกครองเมืองคนใดจะยอมฟังฝ่าบาทเล่า” ร่วมมือกับเป่ยหยวนเผชิญหน้ากับเยี่ยนอ๋องหรือ นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพียงถูกแพร่งพรายออกไป ฮ่องเต้คงต้องลงจากบัลลังก์
“นี่เป็นความคิดของใครกันแน่”
ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “จะใครได้อีกเล่า ก่อนหน้านี้เยี่ยนอ๋องทำใครขุ่นเคืองเล่า”
“โจวเซียงหรือ” ผู้ว่าการเมืองโยวโจวสีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา “ตาเฒ่าพวกนี้ คิดอะไรไม่เป็นยังกล้าออกความคิดเห็น”
ผู้ว่าการเมืองโยวโจวรู้สึกว่าตนเองนั้นขมขื่น “ช่างเถิด เป็นดีไม่เป็นร้าย เป็นร้ายก็หนีไม่พ้น ท่านคิดว่า พวกเราควรจะทำเช่นไรต่อไป”
ชายผู้นั้นเอ่ย “ในเมื่อทำแล้ว ก็ไม่อาจถอยได้ มิเช่นนั้นจะเป็นการไม่ดีทั้งสองทาง วางใจเถิด ในระยะเวลาสั้นๆ เยี่ยนอ๋องไม่ทำอันใดเจ้าหรอก ใต้เท้าคิดให้ดี ข้าคงต้องขอตัวแล้ว” เอ่ยจบ ชายคนนั้นก็เดินออกไปด้านนอก ผู้ว่าการที่กำลังก้มหน้าครุ่นคิดก็ไม่ได้สนใจเขา คนผู้นี้มีที่มาไม่ชัดเจน เพียงแต่บนตัวนั้นมีของแทนตัวฝ่าบาททำให้เขาต้องให้ความเคารพเท่านั้น หลายอย่างยังต้องพึ่งพาตนเอง
ชายผู้นั้นเดินออกมาจากห้องหนังสือ เงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก มุมปากภายใต้หน้ากากกระตุกยิ้มเบาๆ
จวิ้นจู่ ความสนุกสนานเพิ่งจะเริ่ม เจ้าเตรียมตัวดีแล้วหรือยัง
เช้าวันต่อมา เพิ่งลุกขึ้นมากินข้าวพร้อมกับองค์หญิงฉังผิง จวนเยี่ยนอ๋องพลันมาส่งข่าวการป่วยกะทันหันของเยี่ยนอ๋อง เมื่อได้ยินข่าวนี้ ไหนเลยที่องค์หญิงฉังผิงจะนั่งนิ่งได้ แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่กินแล้วรีบพาหนานกงมั่วตรงไปยังจวนเยี่ยนอ๋องทันที
เยี่ยนอ๋องนอนป่วยอยู่ที่เรือนเตี๋ย เมื่อป่วยหนักแล้วแน่นอนว่าไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้นทั้งสองจึงจำต้องไปดูอาการที่เรือนเตี๋ย ครั้งที่แล้วได้เห็นเพียงทางเข้าเล็กน้อย เมื่อได้เข้าไปจริงๆ ถึงได้รู้ เรือนแห่งนี้ถูกตกแต่งออกมาด้วยความใส่ใจเป็นอย่างดี เกรงว่าแม้แต่ที่อยู่ของเยี่ยนอ๋องเองก็คงไม่ได้มีสมบัติล้ำค่ามากมายเพียงนี้
เหล่าภรรยาของเยี่ยนอ๋องเองก็ไม่ได้สนใจอันใดมาก ต่างมารอฟังข่าวอยู่หน้าประตู ไม่สนใจว่าได้รับการโปรดปรานหรือไม่ เยี่ยนอ๋องล้วนเป็นที่พึ่งของพวกนาง หากเยี่ยนอ๋องเกิดเป็นอันใดขึ้นมาจริงๆ ชีวิตของพวกนางยิ่งจะลำบากมากไปกว่านี้ เมื่อคิดเช่นนี้เหล่าภรรยาอดกล่าวโทษกงเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้ เดิมทีเยี่ยนอ๋องนั้นร่างกายแข็งแรงมาตลอด สตรีนางนี้มาได้ไม่นานก็ป่วย ต้องเป็นเพราะสตรีนางนี้เป็นเป็นกาลกิณีทำให้เยี่ยนอ๋องต้องป่วยอย่างแน่นอน
มองเห็นองค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่วเดินเข้ามา ทุกคนก็รีบเข้าไปถวายพระพร “ถวายพระพรองค์หญิง คารวะจวิ้นจู่”
“พี่สามเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
หย่งเฉิงจวิ้นจู่เอ่ยเสียงเบาขึ้นด้านข้าง “เสด็จอา เสด็จพ่อยังไม่ฟื้นเลยเพคะ เสด็จแม่และพี่ใหญ่อยู่ด้านในเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เอ่ย “ข้าจะเข้าไปดูก่อน เด็กดี เจ้าไม่ต้องกังวล ดูแลน้องสาวให้ดี” หย่งเฉิงจวิ้นจู่พยักหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เสด็จพ่อนอนหลับไม่ตื่น นางเองก็เป็นห่วง
ภายในห้อง เยี่ยนอ๋องนอนหมดสติอยู่บนเตียง กงเสี่ยวเตี๋ยยืนใช้ผ้าซับน้ำตาอยู่ข้างเตียง พระชายาเยี่ยนอ๋องนั่งอยู่ขอบเตียงฟังหมอรายงานอาการ ใบหน้ายิ่งทะมึนขึ้นเรื่อยๆ หมอมีชื่อเสียงในโยวโจวหลายคนมาตรวจชีพจร ทว่ากลับไม่อาจรู้ได้ว่าเยี่ยนอ๋องป่วยเป็นอันใด เพียงเอ่ยไม่ชัดเจนว่าเยี่ยนอ๋องร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยเกินไป ไหนเลยพระชายาเยี่ยนอ๋องจะดูไม่ออกถึงท่าทางลังเลของพวกเขา
มองเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงรีบลุกขึ้น เอ่ย “อู๋สยา เจ้ารีบมาดูท่านอ๋องสักหน่อย พระองค์เป็นอันใดกันแน่”
หนานกงมั่วทำตามคำขอของพระชายาเยี่ยนอ๋อง พาตัวเองเข้าไปอยู่ข้างเตียง ก้มลงไปมองคนที่อยู่บนเตียง ขมวดคิ้ว เอ่ย “เสด็จป้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ เมื่อวานเสด็จลุงยังดีๆ อยู่เลย” พระชายาเยี่ยนอ๋องจ้องมองกงเสี่ยวเตี๋ยเขม็ง เอ่ยเสียงเข้ม “ชายารอง เจ้าพูดมา เกิดอันใดขึ้นกับท่านอ๋อง”
กงเสี่ยวเตี๋ยหน้าซีด เอ่ยเสียงเบา “หม่อมฉันไม่รู้…เมื่อเช้าตื่นขึ้นมา ท่านอ๋องก็…”