หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 696

ตอนที่ 696

บทที่ 696 หนีตาย!
หวังเป่าเล่ออาจสู้กับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นและชั้นกลางได้ด้วยการเสริมพลังจากวัตถุเวทและเคล็ดวิชา แต่เมื่อต้องประมือกับผู้ฝึกขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายก็ถือเป็นที่เรื่องท้าทายมาก หากพลาดไปแม้แต่นิดเดียวอาจจะต้องบาดเจ็บหนักเหมือนตอนที่สู้กับโยวหรันก็เป็นได้

ชายหนุ่มอยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นปลาย แม้จะเสริมพลังด้วยวัตถุเวทและเคล็ดวิชาต่างๆ แล้วก็ยังสามารถสำแดงพลังได้ถึงเพียงขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายเท่านั้น เกราะจักรพรรดิเองก็มีขีดจำกัด วิญญาณจุติดวงดาราก็มีข้อจำกัดไม่น้อย ส่วนวิชาดวงตาปีศาจก็อันตราย ผลกระทบที่ตามมาจากการใช้มันเสริมพลังนั้นรุนแรงทีเดียว

ด้วยระดับการฝึกตนในปัจจุบัน มีหลายวิธีที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการปลดปล่อยพลังของฝักกระบี่ หรืออาศัยพลังเฉพาะตัวของวิญญาณจุติแล้วไปหาดาวเคราะห์ที่เป็นแหล่งพลังไม่สิ้นสุดให้ตนเอง

ตอนนี้วิธีแรกนั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนวิธีที่สองก็ไม่มีดาวเคราะห์ให้เห็นเลยสักดวง

พลังการโจมตีจากเรือบินรบตระกูลไม่รู้สิ้นนั้นเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณชั้นปลาย เทียบเท่าพลังขั้นจุติวิญญาณชั้นสมบูรณ์หรืออาจถึงขั้นจิตวิญญาณอมตะเลยทีเดียว เป็นระดับพลังที่ทำให้หวังเป่าเล่อต้องตัวสั่นเทิ้ม

กล้ามเนื้อและเส้นประสาททุกส่วนเริ่มกรีดร้องบอกให้หวังเป่าเล่อรีบหนีออกไปในทันที ประสาทสัมผัสทั้งหลายร้องเตือนส่งสัญญาณถึงภัยอันตรายราวกับเป็นคลื่นยักษ์ที่สาดซัดทุกสิ่ง

ถ้าหนีไปก็เท่ากับพ่ายแพ้ให้กับจิตใจ เช่นนั้นข้าคงจะทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้! ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแววดุดัน เขาจ้องไปยังหัตถ์สีดำขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาตาไม่กะพริบ ขณะส่งข้อความเสียงไปหาเฟิ่งชิวหรันที่กำลังตามมาเสริมทัพ เฟิ่งชิวหรันหยุดชะงักเมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มบอก ทันใดนั้น หัตถ์ยักษ์สีดำพลังกล้าแกร่งก็เอื้อมเข้ามาคว้าตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้

พลังของมันพวยพุ่งเข้าใส่ก่อนที่หัตถ์จะเอื้อมถึงตัวเสียอีก เป็นพลังที่เหมือนจะแผดเผาทุกสิ่งให้เป็นจุณได้ ชุดคลุมของหวังเป่าเล่อสลายหายไป ส่วนเกราะจักรพรรดิก็ส่งสัญญาณเหมือนจะพังทลายลง

หวังเป่าเล่อยืนต้านคลื่นพลังวิญญาณที่พวยพุ่งเข้ามา ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะยกสองมือขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือก่อนจะชี้ตรงไปยังหัตถ์ยักษ์ที่กำลังตรงมาหา

“ดวงตาปีศาจ จงระเบิด!”

เสียงร้องคำรามที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่และความดุดัน ดวงตาสีดำนับหมื่นปรากฏขึ้นเต็มผืนฟ้าด้านหลัง ดวงตาปีศาจของชายหนุ่มเบิกตาขึ้นในทันใด!

ดวงตานับหมื่นจ้องมองผ่านห้วงอวกาศ ตรึงหัตถ์ยักษ์สีดำที่กำลังตรงเข้ามาจับให้นิ่งอยู่กับที่!

แต่ระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อและโยวหรันห่างชั้นกันเกินไป หัตถ์ยักษ์ทลายการจ้องมองของเหล่าดวงตาปีศาจได้ในทันที และพุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่มต่อ!

การโจมตีเมื่อครู่ไม่ได้ไร้ประโยชน์ ทันใดที่หัตถ์ยักษ์ทลายการจ้องมองลงได้ ดวงตาสีดำนับหมื่นด้านหลังหวังเป่าเล่อก็หายวับไปและปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้า ก่อนจะระเบิดในทันใดจนกลายเป็นพายุสีดำที่เกิดจากการผสานระหว่างความชั่วร้ายและการทำลายล้าง พายุหมุนร้องคำรามขณะพุ่งเข้าปะทะหัตถ์ยักษ์สีดำ

เสียงกัมปนาทดังก้องในห้วงอวกาศ สะท้อนออกไปไกลไม่สนใจกฎของจักรวาล ดวงตาปีศาจระเบิดทันที่ที่เข้าปะทะหัตถ์ยักษ์ สร้างคลื่นปะทะโหมเข้าใส่หัตถ์ยักษ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัตถ์ยักษ์สีดำสั่นไหวและเริ่มเลือนรางเมื่อโดนคลื่นพลังวิญญาณพัดโหมเข้าใส่ซ้ำๆ

คลื่นพลังวิญญาณหลายระลอกที่เกิดจากการปะทะพัดกระแทกเข้าใส่กลุ่มผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่ใกล้ๆ หลายคนเพิ่งจะได้ตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นหัตถ์ยักษ์ปรากฏขึ้น ก่อนที่ครู่ต่อมาจะโดนคลื่นปะทะเข้าใส่ฉีกกระชากร่างกายและวิญญาณออกมา

หวังเป่าเล่อไม่สนใจการตายของพวกเขาแม้แต่นิด เขายกสองมือขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆพร้อมปลดปล่อยพลังจากเกราะจักรพรรดิไปเสริมวิชาลักอัคคี ชายหนุ่มเห็นพลังกล้าแกร่งของดวงตาปีศาจ แต่ก็คิดว่ายังมีจำนวนไม่เพียงพอ ดวงตาปีศาจระเบิดปล่อยพลังทำลายล้างโหมใส่หัตถ์ยักษ์ไม่หยุด หัตถ์ยักษ์เริ่มจางหาย ขนาดเริ่มหดเล็กลง แต่แก่นในยังคงอยู่

เมื่อดวงตาปีศาจดวงสุดท้ายระเบิด หัตถ์ยักษ์ที่หดขนาดเหลือครึ่งหนึ่งก็พุ่งเหยียดมือเข้ามาหาชายหนุ่ม!

หัตถ์ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแผ่จิตสังหารของโยวหรัน มันพยายามเอื้อมเข้ามาคว้าตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ ทันใดนั้นดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแววดุดัน เส้นผมพัดปลิวไปในห้วงอวกาศนิ่งสงบ เสียงร้องคำรามราวกับเป็นเทพปีศาจดังขึ้นพร้อมกับที่หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังเกราะจักรพรรดิเต็มขั้น!

พลังแกร่งกล้าไร้เทียมทานปะทุขึ้นจากตัวหวังเป่าเล่อ จากเส้นปราณมากมาย จากเกราะจักรพรรดิ และจากแขนอาวุธเทพที่ชายหนุ่มยกขึ้นฟาดเข้าใส่หัตถ์ยักษ์อย่างรุนแรง

วิญญาณจุติภายในกายลืมตาตื่น ร่างกายชายหนุ่มเปล่งแสงสุกสว่าง ดาวดวงหนึ่งปรากฏขึ้นและหมุนอยู่ในร่างวิญญาณจุติ มันปลดปล่อยพลังเต็มขั้น ช่วยเสริมพลังทั้งหมดที่มีให้หวังเป่าเล่อ!

หัตถ์ยักษ์สีดำและชายหนุ่มเข้าปะทะกันเกิดเป็นเสียงดังสนั่น หัตถ์สีดำหยุดนิ่งจากการต้านทานของหวังเป่าเล่อ นิ้วทั้งห้าพยายามบีบเข้าหากันเพื่อกำเป็นกำปั้นขังชายหนุ่มเอาไว้…

แต่มันก็ไม่สามารถบีบเป็นกำปั้นได้สมบูรณ์ หวังเป่าเล่อยืนนิ่งอยู่ภายในราวกับเป็นศิลาแสนดื้อรั้น ไม่ว่าหัตถ์ยักษ์จะปล่อยพลังกล้าแกร่งสักเพียงใดก็ไม่สามารถบดขยี้เขาลงได้

อาวุธเทพที่ฟาดฟันไปช่วยลดทอนพลังหัตถ์ยักษ์ลงได้ มันเริ่มเลือนรางจางสีไปมาก ถึงกระนั้นก็ยังต้องใช้เวลาสักพัก อาวุธเทพจึงจะสามารถพุ่งทะลวงฝ่ามือตรงหน้าไปได้

ทั้งสองฝ่ายต้านพลังกันได้อย่างเท่าเทียม หวังเป่าเล่อหน้าแดงก่ำ การโดนหัตถ์ยักษ์บีบเข้าใส่ก็เหมือนโดนชนด้วยเรือบินที่แล่นมาอย่างรวดเร็ว อวัยวะต่างๆ เริ่มกระตุกเกร็ง ในหูได้ยินแต่เสียงอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใดอื่นอีก

พลังที่หัตถ์ยักษ์ปล่อยออกมาเหมือนจะสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง ชีวิตของเขากำลังจะดับหายไปเหมือนเปลวไฟ ชายหนุ่มกำลังจะโดนบดขยี้ทั้งเป็น!

เกราะจักรพรรดิเริ่มปริแตกจากแรงกดดัน เหมือนจะทานพลังมาจนถึงขีดสุด เลือดเนื้อที่วิชาลักอัคคีรวมรวบมาพวยพุ่งเข้าไปช่วยซ่อมแซมเกราะ ถึงกระนั้นก็ยังเกิดรอยปริแตกขึ้นทั่วอย่างต่อเนื่อง วิญญาณจุติดวงดาราเริ่มสั่นไหวเมื่อปลดปล่อยพลังจนถึงขีดจำกัด

การต่อสู้ของทั้งสองไม่ได้วัดกันที่พลังการโจมตีแต่เป็นพลังในการต้านทาน ฝ่ายใดทนไม่ไหวก่อนก็ต้องแพ้ไป!

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต้านทานพลังกันสุดชีวิต เฟิ่งชิวหรันที่ยืนอยู่ไกลออกไปก็มองมาด้วยแววตาเป็นกังวลและใบหน้าซีดเผือด นางไม่ได้เข้าไปช่วยในทันที แต่กำลังรอหาจังหวะที่เหมาะสมอยู่ นางรู้ว่าหากเข้าไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรหวังเป่าเล่อไม่ได้มากและรู้ดีว่าตนควรทำเช่นไร หากชายหนุ่มเป็นฝ่ายชนะ นางจะเข้าไปปกป้องและพาเขาออกจากสนามรบ แต่ถ้าแพ้ขึ้นมา นางก็จะรีบเข้าไปช่วยในทันที!

นี่คือแผนที่หวังเป่าเล่อบอกนางผ่านข้อความเสียง!

เวลาล่วงผ่านไป หัตถ์ยักษ์ยังคงพยายามบีบมือเป็นกำปั้น เหมือนมันจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า ชายหนุ่มเริ่มแพ้ให้กับแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้น เกราะจักรพรรดิส่งเสียงปริแตกดังก้อง กลุ่มผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งชิวหรันกังวลใจหนัก ไม่สามารถทนดูอยู่ห่างๆ ได้อีกต่อไป นางเตรียมพุ่งเข้าไปช่วยหวังเป่าเล่อ โดยไม่สนว่าจะเกิดผลกระทบอะไรตามมา

ทันใดนั้น เสียงคล้ายจักรวาลถูกฉีกกระชากออกก็ดังขึ้นจากที่ที่ไกลออกไป คลื่นพลังมหาศาลก่อตัวขึ้นและพัดกระจายไปทั่วบริเวณ เรือบินรบของสหพันธรัฐมากมายปรากฏขึ้นพร้อมคลื่นพลัง พวกเขาใช้วงแหวนปราณระบบสุริยะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอวกาศมายังสนามรบ!

วงแหวนปราณหลายชั้นปรากฏขึ้นพร้อมเรือบินรบ แสงคาถามากมายพัดกระจายไปทั่วสนามรบราวกับเป็นพายุคลั่ง กลุ่มผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลหน้าตาตื่น รีบหลบการโจมตีและเสริมการป้องกัน เสียงที่เสริมด้วยพลังวิญญาณระเบิดก้องไปทั่วอวกาศจากภายในเรือบินรบของสหพันธรัฐ

“อย่ากลัวไปชิวหรัน ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”

ดวงแสงนับร้อยสว่างวาบขึ้นภายในเรือบินรบทันใดที่เสียงของหลี่ซิงเหวินดังก้องไปทั่ว ภายในดวงแสงแต่ละดวงมีผลึกศิลาประหลาดที่ปลดปล่อยพลังไร้เทียมทานออกมา!

ดวงแสงสีแดงอีกสิบดวงสว่างวาบขึ้นดึงความสนใจจากทุกคนในสนามรบ!

ดวงแสงเหล่านี้…คือระเบิดต้านทานวิญญาณ ไพ่ตายของสหพันธรัฐ ดวงแสงสีฟ้ามีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ ส่วนดวงแสงสีแดงคือลูกที่เพิ่งพัฒนาเพิ่ม ด้วยข้อจำกัดบางประการทำให้ไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลมากนัก ถึงกระนั้น ระเบิดต้านทานพลังรุ่นที่สองก็มีพลังเหนือชั้นขั้นจุติวิญญาณไปมาก จนสามารถเทียบได้กับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณเลยทีเดียว!

ระเบิดต้านทานวิญญาณรุ่นที่สองมีแค่ไม่กี่ลูก มีเพียงผู้ที่มีสิทธิ์การเข้าถึงสูงสุดเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งานได้ หลี่ซิงเหวินนำระเบิดต้านทานวิญญาณรุ่นที่สองติดตัวมาเกือบครึ่งจากจำนวนทั้งหมดที่มี เขาปล่อยระเบิดทุกลูกที่นำมาอย่างไม่ลังเลใจเมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อกำลังตกอยู่ในอันตราย

ดวงแสงนับร้อยพุ่งไประเบิดพลังมหาศาลใส่หัตถ์ยักษ์สีดำในทันที!

หัตถ์ยักษ์สีดำกล้าแกร่งเกินต้านทาน แต่ก็โดนดวงตาปีศาจและการโจมตีสุดกำลังของชายหนุ่มจนอ่อนกำลังลงไป และแทบจางหาย มันไม่สามารถหลบระเบิดต้านทานวิญญาณได้จึงโดนแรงระเบิดจากระเบิดกว่าร้อยลูกเข้าเต็มๆ ระเบิดสีฟ้ายังพอต้านทานได้ไหว แต่เมื่อผสานเข้ากับการระเบิดของลูกสีแดงก็สามารถสร้างความเสียหายให้แก่นในได้!

ดวงตาของเฟิ่งชิวหรันฉายแสงวาบเมื่อเห็นโอกาสโจมตี นางปล่อยวัตถุเวทและกระบวนเวทอย่างดุดัน การโจมตีจากภายนอกช่วยผ่อนแรงที่กดดันหวังเป่าเล่อได้มาก สถานการณ์เริ่มพลิกผัน

“ตอนนี้แหละ!” เสียงเหนื่อยอ่อนของหวังเป่าเล่อดังขึ้น วิญญาณจุติดวงดาราในร่างที่ใกล้จะสลายหายไปพลันลืมตาตื่น มันปลดปล่อยพลังเฮือกสุดท้ายไปยังอาวุธเทพ ชายหนุ่มเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาวตก ชี้อาวุธเทพพุ่งตรงไปข้างหน้าทันใด!

เขาทะยานไปด้วยพลังมหาศาลราวกับเป็นคลื่นยักษ์ทลายเขื่อน หัตถ์ยักษ์ไม่สามารถคงรูปได้ มันสั่นไหว เริ่มปริแตก อาวุธเทพของหวังเป่าเล่อเจาะทะลุผ่านหัตถ์ยักษ์ไป สุดท้ายมันก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ!

คลื่นปะทะรุนแรงพัดกระจายไปทั่วราวกับเป็นคลื่นยักษ์ ชายหนุ่มพุ่งผ่านหัตถ์ยักษ์ที่สลายตัวลง เป็นอิสระได้ในที่สุด!

……………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท