แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 186 ไม่ขายให้พวกคุณ

ตอนที่ 186 ไม่ขายให้พวกคุณ

ตอนที่ 186 ไม่ขายให้พวกคุณ

สองแม่ลูกยืนอยู่หน้ารถสามล้อของหลินม่ายลองมือคุ้ยเขี่ยกองเสื้อผ้าอีกครั้ง สุดท้ายก็ได้เลือกเดรสสีส้มอมแดงสว่างในนั้นขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง

ผู้เป็นแม่ชูเดรสสีส้มอมแดงตัวนั้นขึ้นมาให้หลินม่ายดู “เดรสตัวนี้ขายยังไง?”

เดรสตัวนี้เองก็ราคาเท่ากันกับเดรสสีแดงตัวเมื่อครู่ คือตัวละ10หยวน

หลินม่ายไม่ชอบขี้หน้าของสองแม่ลูกคู่นี้ จึงไม่อยากจะทำการค้ากับพวกหล่อน

ดังนั้นเธอจึงจงใจขึ้นราคาสูงลิบ “ตัวนี้ราคาแพงกว่า ตัวละ35หยวนค่ะ”

แม่ฟางฟางโมโหสุดขีด “เดรสสีแดงที่พวกฉันเลือกไว้ตัวเมื่อกี้เธอก็ขายให้คนอื่นไปแล้ว เดรสสีส้มแดงตัวนี้เธอต้องขายให้พวกเราในราคา15หยวนสิ!”

“ถูกต้อง! ถ้าเธอไม่ขายให้เราในราคานี้ ก็คอยดูแล้วกัน!” ฟางฟางช่วยพูดเสริมอยู่ข้างๆ

ต่อให้เป็นพระพุทธองค์หากได้ยินคำพูดนี้ก็คงจะโมโหเหมือนกัน นับประสาอะไรกับคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างหลินม่าย

สีหน้าของเธอเริ่มบึ้งตึง “ฉันก็บอกพวกคุณไปชัดเจนแล้วนะคะ เดรสตัวนี้ราคาที่รับมาแพงกว่าตัวเมื่อกี้เสียอีก พวกคุณจะให้ฉันขายพวกคุณ15หยวน อย่างนั้นฉันก็ขาดทุนอยู่ทนโท่เลยไม่ใช่เหรอ?”

สองแม่ลูกพูดประสานเสียง “นั่นมันเรื่องของเธอ พวกเราไม่สน ต่อให้เธอจะขาดทุนจนไม่เหลืออะไรเลย มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องขายให้เราในราคานี้!”

เอาอีกแล้ว

หลินม่ายเอ่ยอย่างเย็นชา “ฉันไม่ขายให้พวกคุณ คอยดูก็คอยดูไปสิ พูดเหมือนว่าฉันจะกลัวหัวหดอย่างนั้นล่ะ”

สองแม่ลูกเห็นเธอไม่สะทกสะท้าน ก็เดินจากไปด้วยความโมโห

ก่อนจะจากไป ฟางฟางชี้หน้าหลินม่ายพูดขึ้น “เธออย่าหนีนะ! รอฉันก่อนเถอะ!”

มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะรอให้เทศกิจมาจับ

หลินม่ายมองตามฟางฟางสองแม่ลูกเดินไปจนลับตา แล้วรีบขายเสื้อผ้าอีกสามสี่ตัว ก่อนจะเข็นรถสามล้อพาหลี่หมิงเฉิงกับอาหวงไปหลบอยู่ที่มุมถนน

เธออยากจะเห็นว่าสองแม่ลูกนั่นจะพูดจริงหรือเปล่า จะเรียกเทศกิจมาได้จริงๆ ไหม

ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนหนุ่มที่ใส่ชุดเครื่องแบบเทศกิจสองสามคนขี่จักรยานมาวนเวียนอยู่ในตำแหน่งที่เธอตั้งแผงเมื่อครู่นี้ตามคาด

วนอยู่ประมาณสิบกว่านาที เมื่อไม่พบเงาร่างของเธอ บวกกับแสงแดดแผดเผาในตอนเที่ยงวัน สองสามคนนั้นก็ขี่จักรยานจากไป

หลี่หมิงเฉิงจ้องมองแผ่นหลังที่จากไปของพวกเขาอย่างดุร้าย “สองแม่ลูกคู่นั้นน่ารังเกียจจริงๆ ไม่นึกว่าจะเรียกคนมาจับพวกเราจริงๆ ด้วย”

“อย่าไปสนเลยว่าใครน่ารังเกียจไม่น่ารังเกียจ รีบพาอาหวงตามไปสืบเร็วเข้า ดูซิว่าพวกเขาเป็นเทศกิจหน่วยไหน แล้วแอบฟังมาว่าน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นคือใคร”

สองแม่ลูกฟางฟางอยากจะหาเรื่องเธอ เธอเองก็อยากเอาคืนเหมือนกัน

เจ้าพนักงานที่ใช้อำนาจหาผลประโยชน์ส่วนตนแบบนี้ เบื้องหลังก็คงไม่สะอาดนักหรอก

อาศัยว่าไม่ได้ของของพ่อค้าแม่ค้าแผงลอย ก็มาเรียกเอาผลประโยชน์จากคนขายของริมทางไม่น้อย

ขอแค่ตรวจสอบชื่อสกุลของน้าฟางฟางได้ เธอก็จะให้สำนักงานหนังสือพิมพ์เขียนกระทู้ให้

โจมตีการกระทำเช่นนี้ในฐานะคนธรรมดาทั่วไป เธอไม่เชื่อหรอกว่าผู้บังคับบัญชาของน้าฟางฟางจะไม่ตรวจสอบเขา

ขี้ติดอยู่ที่ก้น แล้วจะหลุดพ้นจากการตรวจสอบได้อย่างไร ก็รอโดนไล่ออกได้เลย!

เธอเขียนนิยายไม่เป็นก็จริง แต่หากเป็นการตีแผ่เรื่องร้ายกาจแบบนี้ หลินม่ายคิดว่าตัวเองก็มีฝีมือพอตัว

หลี่หมิงเฉิงพาอาหวงไล่ตามไปสืบว่าน้าของฟางฟางนั้นคือใคร

จากนั้นหลินม่ายก็ขี่รถสามล้อ นำเอาสินค้าที่ยังขายไม่หมดกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว

พนักงานร้านคนอื่นๆ ก็กินอาหารเที่ยงกันแล้ว เหลือเพียงโจวฉายอวิ๋นกับโต้วโต้วที่กำลังรอหลินม่ายกับหลี่หมิงเฉิงกลับมากินมื้อเที่ยง

โต้วโต้วร่างกายอ่อนแอ โจวฉายอวิ๋นไม่กล้าปล่อยให้หิว จึงต้มบะหมี่เนื้อฉีกชามหนึ่งให้หล่อนกินรองท้องไปก่อนแล้ว

เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกลับมาเพียงคนเดียว โจวฉายอวิ๋นก็งุนงงสงสัยอย่างยิ่ง “หมิงเฉิงล่ะ อาหวงล่ะ ทำไมถึงไม่ได้กลับมาพร้อมกับเธอ?”

“ฉันให้พวกเขาไปทำธุระให้น่ะ รออีกเดี๋ยวพวกเขาก็คงกลับมาแล้ว”

หลินม่ายไม่เป็นห่วงหลี่หมิงเฉิงกับอาหวงแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะช่วยเฝ้าต้นทางให้เธอ แต่ก็แค่ยืนอยู่ข้างๆ เท่านั้น แม้แต่ปากก็ยังไม่ได้อ้าเลย

ฟางฟางสองแม่ลูกไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกับเธอแน่ การที่หลี่หมิงเฉิงพาอาหวงตามไปสืบก็คงไม่มีอันตรายอะไร

โจวฉายอวิ๋นช่วยหลินม่ายหอบเอาเสื้อผ้าที่ยังขายไม่หมดขึ้นไปชั้นบน แม้แต่เจ้าตัวน้อยเองก็อุ้มเสื้อผ้าสองสามตัวตามมาข้างหลังด้วยเช่นกัน

หลังจากขนเสื้อผ้าขึ้นไปชั้นบนแล้ว หลินม่ายก็ตรวจเช็คเสื้อผ้าที่ยังขายไม่หมดเล็กน้อย เหลืออยู่แค่120ตัวเท่านั้น

อย่างมากที่สุดขายพรุ่งนี้อีกวันหนึ่งก็ขายหมดแล้ว อีกสองวันก็ไปรับสินค้าที่กว่างโจวได้อีกครั้งแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะได้ไปเจอกับฟางจั๋วหรานอีกด้วย

แค่คิดถึงฟางจั๋วหราน มุมปากของหลินม่ายก็อดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้

นี่ก็คือความรู้สึกของการชอบใครสักคนสินะ เพียงแค่คิดถึงเขา ก็รู้สึกหวานฉ่ำเสียแล้ว

มาตรวจเช็คเสื้อผ้าเสร็จ หลินม่ายก็ตรวจสอบรายได้อีกครั้ง

ไม่เพียงได้ต้นทุนคืนมาทั้งหมดแล้ว ยังได้กำไรอีกสองสามร้อยด้วย

โจวฉายอวิ๋นโบกมือสื่อว่าช่างมือเถอะ แล้วเอ่ยชม “ขายเสื้อผ้าที่เหลือหมดแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ได้กำไรสามพันหยวน ขนเสื้อผ้ามาแบบนี้อีกสักสองสามรอบ เงินสำหรับซื้อบ้านหนึ่งหมื่นหยวนจะต้องมาอยู่ในกำมือแน่ มิน่าเธอถึงได้ยืนกรานจะไปรับสินค้ามาจากกว่างโจวให้ได้!”

หลินม่ายมองดูโต้วโต้วที่นั่งดูหนังสือนิทานภาพอยู่ข้างๆ ก็ทำสัญญาณมือให้เงียบเสียง

“พี่รู้อยู่ในใจก็เพียงพอแล้ว อย่าพูดออกมาเลยค่ะ โต้วโต้วยังเด็กอยู่ ได้ยินแล้วอาจเอาไปพูดก็ได้”

เธอไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอหาเงินได้มากมาย เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเกิดความอิจฉา

เธอแค่อยากรับทรัพย์อย่างเงียบๆ เท่านั้น

โจวฉายอวิ๋นพลันดึงโต้วโต้วเข้ามาให้อ้อมแขนของตน แล้วพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม “เรื่องที่น้าอวิ๋นกับคุณแม่คุยกันหนูห้ามเอาไปพูดกับคนอื่นนะ ไม่อย่างนั้นน้าอวิ๋นจะตีก้นน้อยๆ ของหนู!”

หนูน้อยรีบกุมก้นน้อยๆ ของตนทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยเจี้ยว “หนูไม่บอกใครหรอกค่ะ หนูจะให้คุณแม่หาเงินได้คนเดียวเท่านั้น แล้วหนูก็ยังอยากดื่มอันนั้น… น้ำที่พ่นฟองได้น่ะค่ะ”

หลินม่ายคงจะรู้ว่าน้ำที่พ่นฟองได้นั่นของหล่อนคือโคล่า

เธอจิ้มศีรษะเจ้าตัวน้อยเบาๆ อย่างไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “รู้จักแต่กินๆๆ ดื่มๆๆ ยังมีน้ำที่พ่นฟองได้อีกหนึ่งกระป๋อง แต่แม่ให้หนูดื่มไม่ได้หรอก ต้องเก็บไว้ให้คุณปู่คุณย่าดื่ม”

เมื่อเจ้าหนูน้อยได้ยินว่าต้องเก็บไว้ให้คุณปู่คุณย่าดื่ม ก็ไม่ได้งอแงจะเอาให้ได้

เด็กคนนี้แม้ว่าจะยังเด็กมาก แต่ใครที่ดีกับหล่อน ในใจหล่อนจะรู้ชัดเจน และเต็มใจที่จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี

หลี่หมิงเฉิงและอาหวงกลับมาหลังจากที่หลินม่ายตรวจสอบรายได้เสร็จสิ้นไปไม่นานนัก

โจวฉายอวิ๋นจึงเริ่มมื้อเที่ยงในทันที

เธออุ่นห่านย่างกวางตุ้งที่หลินม่ายเอากลับมาตัวนั้นให้ร้อนอย่างทั่วไป อีกทั้งยังสับเป็นชิ้นจัดลงจานอีกด้วย

ทุกคนนั่งกันพร้อมหน้าแล้ว ก็พากันยื่นตะเกียบไปทางห่านย่างจานนั้นโดยไม่ได้นัดกันไว้

ทุกคนต่างก็ไม่เคยกินห่านย่างกวางตุ้งกันมาก่อน ล้วนอยากลิ้มลองรสชาติกันทั้งนั้น

หลินม่ายคีบน่องห่านสองชิ้นมาไว้ในถ้วยเล็กๆ ของโต้วโต้วก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงคีบปีกขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ แทะอย่างระมัดระวัง

หนังห่านกรุบกรอบ เนื้อห่านภายในเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำ กินเพียงหนึ่งคำรสชาติก็ติดปากไม่หาย

หลินม่ายกินแต่ปีกห่านไปพลางถามหลี่หมิงเฉิง ว่าสืบหาของที่เธอต้องการมาได้หรือเปล่า

หลี่หมิงเฉิงเคี้ยวเนื้อห่านชิ้นหนึ่งดังกร้วมๆ “จะสืบมาไม่ได้ได้ยังไงกัน! ตอนที่ฉันกับอาหวงตามไป สองแม่ลูกคู่นั้นกำลังต่อว่าน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นคนไม่ได้เรื่องอยู่พอดี ให้พวกเขาไปจับคนคนเดียวก็ยังจับไม่ได้ ก็เลยยืนยันได้แล้วว่าน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นคือใคร แถมยังแอบฟังชื่อของเขาได้ง่ายๆ เลยด้วย”

หลินม่ายถาม “งั้นน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าอะไรล่ะ?”

“โต้วหย่ง เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตถนนต้าจื้อคนหนึ่ง”

โจวฉายอวิ๋นได้ยินลางๆ ก็จับสังเกตได้ “พวกเธอกำลังทำอะไรกันน่ะ ทำไมต้องแอบไปตรวจสอบคนอื่นด้วย ทำอย่างกับพวกคนทำงานใต้ดินอย่างนั้นแหละ”

หลินม่ายจึงบอกต้นสายปลายเหตุกับหล่อน

โจวฉายอวิ๋นแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ ทำไมหล่อนถึงนึกไม่ถึงเลยนะว่าบนโลกนี้จะยังมีคนหน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้ด้วย

ไม่นึกว่าบังคับซื้อบังคับขายแล้ว พอไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็มาโจมตีแก้แค้นกันอีก!

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ทางม่ายจื่อสืบจนรู้แล้วว่าเป็นใคร อีกฝ่ายนึงเตรียมตัวโดนเอาคืนได้เลย

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท