กลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋อง ยังไม่ทันเข้าประตูเรือนเตี๋ยก็ได้ยินเสียงตำหนิด้วยความโกรธของพระชายาและเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น หนานกงมั่วเลิกคิ้วสวยขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน พระชายาเยี่ยนอ๋องนั่งอยู่ตำแหน่งที่นั่งเหนือสุด ใบหน้าเย็นชามองกงเสี่ยวเตี๋ยที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เห็นชัดว่าโกรธไม่น้อย เห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามา สีหน้าจึงอ่อนลง เอ่ย “อู๋สยา คุณชายเสียนเกอออกจากเมืองไปแล้วหรือ”
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ศิษย์พี่ไม่ชอบความครึกครื้น ไม่ชินกับการอยู่ในเมืองเพคะ” ไม่ใช่ศิษย์พี่ไม่ชอบความคึกครื้น แต่เพราะตอนนี้มีอาจารย์ลุงจับตามองอยู่จึงไม่ชอบความครึกครื้น น่าสงสารตั้งแต่อาจารย์อากลับมา แม้แต่หอนางโลมคุณชายเสียนเกอก็ไม่กล้าไป
“ศิษย์พี่บอกว่าเสด็จลุงไม่เป็นไร ไม่นานเดี๋ยวก็ฟื้นขึ้นมา เสด็จป้าไม่ต้องกังวลนะเพคะ” หนานกงมั่วเหลือบตามองกงเสี่ยวเตี๋ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยกับพระชายาเยี่ยนอ๋อง ไม่ว่าจะเป็นกงเสี่ยวเตี๋ยทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องโกรธ หรือพระชายาเยี่ยนอ๋องใช้โอกาสนี้เอาความโกรธมาลงที่กงเสี่ยวเตี๋ย นี่ต่างก็ไม่ใช่เรื่องของนาง อย่าว่าแต่ตัวตนของกงเสี่ยวเตี๋ยน่าสงสัย ต่อให้เป็นสตรีธรรมดาที่ถูกเยี่ยนอ๋องพากลับมา สามารถขึ้นเป็นพระชายารองของเยี่ยนอ๋องได้คิดว่าคงเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญหน้ากับภรรยาเอกเอาไว้แล้ว
กงเสี่ยวเตี๋ยมองหนานกงมั่วด้วยความคับแค้นใจ หนานกงมั่วกลับก้มหน้าลงดื่มชาด้วยท่าทางนิ่งสงบ ไปส่งศิษย์พี่กลับมา เหนื่อยแล้วเล็กน้อย
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้าเอ่ยด้วยความยินดี “เช่นนั้นก็ดี ท่านอ๋องไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อพี่สามไม่เป็นไรแล้ว พวกเราคงไม่รบกวนพี่สะใภ้สามแล้ว มั่วเอ๋อร์ เรากลับกันเถิด”
พระชายาเยี่ยนอ๋องรีบจับองค์หญิงฉังผิงเอาไว้ เอ่ย “เจ้ารีบไปไย อู๋สยาเพิ่งกลับมาอย่างน้อยก็ให้ได้พักสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น หลายวันมานี้ในจวนวุ่นวาย เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าสักหน่อยมิได้หรือ ให้อู๋สยาชี้แนะเหยียนเอ๋อร์ด้วย” ยามนี้เฉินซื่อก็ช่วยอันใดไม่ได้ จูชูอวี้นอนป่วยอยู่บนเตียง ทว่าสะใภ้สามที่ไม่ได้โดดเด่นอันใดกลับใส่ใจมากกว่า แม้ว่าไม่อาจตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ได้ ทว่าเรื่องที่พระชายาเยี่ยนอ๋องไหว้วานกลับจัดการได้เรียบร้อย ในสายตาพระชายาเยี่ยนอ๋องเองจึงชื่นชมลูกสะใภ้เล็กคนนี้มากขึ้น เซียวเชียนจย่งไม่ใช่ซื่อจื่อ ซุนเหยียนเอ๋อร์เองก็มิใช่พระชายาซื่อจื่อ เพียงอยู่อย่างสงบก็เป็นเรื่องดีแล้ว
องค์หญิงฉังผิงทำอันใดไม่ได้ จึงต้องพยักหน้า ไม่ได้ยืนยันจะกลับแต่อย่างใด
“พระชายา…” กงเสี่ยวเตี๋ยที่ถูกละเลยเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
พระชายาเยี่ยนอ๋องกวาดตามองนางเล็กน้อย เอ่ย “ร่างกายท่านอ๋องไม่แข็งแรงและไม่อาจเคลื่อนย้าย เจ้าย้ายไปอยู่เรือนข้างๆ ก่อนสักสองวัน ให้ท่านอ๋องได้รักษาตัวอย่างสงบ เพียงเท่านี้ก็ทำไม่ได้หรือ”
กงเสี่ยวเตี๋ยเอ่ย “หม่อมฉันดูแลท่านอ๋องได้”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มเย็น เอ่ย “ดูแลหรือ เจ้าดูแลอย่างไรเยี่ยนอ๋องถึงเป็นเช่นนี้ได้”
กงเสี่ยวเตี๋ยหลุบตาลง เอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องป่วย หม่อมฉันเองก็เป็นห่วง แต่ว่า…นี่ไม่ใช่ความผิดของหม่อมฉัน อยากลงโทษผู้ใด อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลนะเพคะ”
เสียงดังปังขึ้นมา พระชายาเยี่ยนอ๋องตบลงไปบนโต๊ะ กงเสี่ยวเตี๋ยสะดุ้ง ได้ยินเพียงเสียงเย็นเยียบของพระชายาเยี่ยนอ๋อง “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรือ หลายวันมานี้เยี่ยนอ๋องอยู่ที่เรือนเตี๋ยตลอด เจ้าไม่รู้จักเตือนให้ท่านอ๋องพักผ่อน ดูแลร่างกาย ในฐานะที่เป็นภรรยารองนับเป็นความผิดใหญ่หลวง”
มองกงเสี่ยวเตี๋ยที่มีสีหน้านิ่งไม่กล้าเอ่ยปาก มุมปากของหนานกงมั่วกระตุกยิ้มขึ้นมา “เสด็จป้า วาจานี้ของพระองค์คงไม่เป็นธรรมต่อชายารองนะเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญกับหนานกงมั่วมาก เห็นนางเอ่ยเช่นนั้นกลับไม่โกรธ กงเสี่ยวเตี๋ยเห็นนางช่วยแก้ต่างให้ตนเองก็อดตกตะลึงไม่ได้ มองไปที่นางอย่างคาดหวัง หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ต่างว่ากันว่า แต่งภรรยาที่คุณธรรม แต่งอนุภรรยาที่ความงาม พระชายาต้องการคุณธรรมจากพระชายารอง เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากเกินไปเพคะ”
ความยินดีบนใบหน้ากงเสี่ยวเตี๋ยยังไม่ทันได้เบ่งบานก็ต้องชะงักนิ่ง ดวงตาพระชายาเยี่ยนอ๋องฉายแววขำขัน ถอนหายใจ เอ่ย “ช่างเถิด ข้าคิดมากเกินไปแล้ว”
ไหนเลยกงเสี่ยวเตี๋ยจะยอมรับวาจาเสียดสีนั้นได้ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา สายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วราวกับนางทำเรื่องร้ายแรงก็ไม่ปาน
องค์หญิงฉังผิงยกมือขึ้นปิดริมฝีปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เอ่ย “เอาล่ะ เรื่องเหล่านี้มีอันใดให้เอ่ยกัน ชายารองกง เจ้าออกไปก่อนเถิด มีเรื่องอันใดก็รอพี่สามตื่นแล้วค่อยว่ากัน” คิดจะเสแสร้งน่าสงสาร ก็ต้องมีคนที่ยอมสงสารเจ้า มาเสแสร้งต่อหน้าพวกนางก็เหมือนกับขยิบตาให้คนตาบอด อีกทั้งเมื่อเห็นกงเสี่ยวเตี๋ยที่ทำตัวน่าสงสาร องค์หญิงฉังผิงก็อดไม่ได้อยากจะตบนางสักที
เมื่อได้ยินสิ่งที่องค์หญิงฉังผิงเอ่ย กงเสี่ยวเตี๋ยพลันนึกถึงความรักความโปรดปรานที่เยี่ยนอ๋องมีต่อตน ตอนนี้ปล่อยให้พวกนางได้ใจไปก่อนไม่เป็นไร รอเยี่ยนอ๋องตื่นแล้ว… คิดมาถึงตรงนี้ กงเสี่ยวเตี๋ยจึงลุกขึ้นเงียบๆ หมุนตัวออกไปไม่แม้แต่จะถวายพระพร
มองกงเสี่ยวเตี๋ยเดินออกไป พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงยกมือขึ้นกุมขมับโบกปัดมือ เอ่ย “ชื่อเอ๋อร์ เหยียนเอ๋อร์ พวกเจ้าไปเถิด ข้าคุยกับเสด็จอาของพวกเจ้าก็พอแล้ว”
เซียวเชียนชื่อและซุนเหยียนเอ๋อร์รีบเอ่ยตอบรับ ยามนี้ในจวนมีเรื่องมากมายพวกเขาเองก็ยุ่ง หนานกงมั่วเองก็ลุกขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันจะออกไปเดินเล่นกับเหยียนเอ๋อร์เพคะ”
ออกจากประตูไป กลุ่มคนที่ออกันอยู่ด้านหน้าพลันกรูกันเข้ามาหา
“พี่สะใภ้ เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ซื่อจื่อ จวิ้นจู่ ท่านอ๋อง…”
เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอกว่าเสด็จพ่อไม่เป็นไรแล้วมิใช่หรือ ไยพวกเจ้าจึงยังอยู่ที่นี่” หมิงอวี้จวิ้นจู่ดึงแขนเสื้อเซียวเชียนชื่อ เอ่ย “พี่ใหญ่ เสด็จพ่อไม่ได้เป็นไรจริงๆ ใช่หรือไม่ หมิงอวี้เข้าไปดูเสด็จพ่อได้หรือไม่เจ้าคะ” เซียวเชียนชื่อยื่นมือไปลูบศีรษะของน้องสาว ส่ายหน้า เอ่ย “เสด็จพ่อยังไม่ตื่น เจ้าวางใจ เมื่อใดที่เสด็จพ่อตื่นขึ้นมาแล้วจะให้เจ้าเข้าไปเยี่ยมอย่างแน่นอน”
หมิงอวี้กะพริบตาปริบ พยักหน้าอย่างลังเล
หย่งเฉิงจวิ้นจู่เอ่ย “เช่นนั้นข้ากับหมิงอวี้ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้ หย่งเฉิงขอตัวลาเจ้าค่ะ”
เหล่าอนุภรรยาของเยี่ยนอ๋องเห็นจวิ้นจู่ทั้งสองไปแล้ว รู้ว่าไม่ใช่เวลามาประจบประแจง จึงได้ขอตัวลาไป
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่” สาวใช้ประคองมือกงเสี่ยวเตี๋ย เดินย่างกรายมาหยุดอยู่ตรงหน้าหนานกงมั่ว มองหนานกงมั่วนิ่งไม่เอ่ยวาจา หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ซุนเหยียนเอ๋อร์ไม่พอใจ “พระชายารอง มีเรื่องอันใดก็เอ่ย ท่านขวางทางของเราแล้ว” กงเสี่ยวเตี๋ยเอ่ย “ข้ามิได้มีความแค้นเคืองอันใดกับจวิ้นจู่ ไยจวิ้นจู่จึงทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้”
หนานกงมั่วไม่เข้าใจ “ข้าไปทำให้พระชายารองอับอายตั้งแต่เมื่อใด”
กงเสี่ยวเตี๋ยกัดริมฝีปาก หากไม่มีสาวใช้ประคองอยู่ เกรงว่าคงยืนได้ไม่มั่นคงแล้ว “เมื่อครู่ต่อหน้าพระชายา…”
หนานกงมั่วเอ่ยอย่างแปลกใจ “พระชายารองกงหมายถึง แต่งภรรยาที่คุณธรรม แต่งอนุภรรยาที่ความงามหรือ นั่นมิใช่คำพูดของข้า นั่นเป็นคำโบราณที่บรรพบุรุษว่าขานกันมา มักมีเหตุผลเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังนับว่าเปิดทางให้พระชายารองอยู่มิใช่หรือ มิเช่นนั้นหากพระชายาคิดถามเอาความจริงขึ้นมา…ไยพระชายารองถึงได้ตอบแทนโดยไร้ความเป็นธรรมกับข้าเช่นนี้เล่า” เจ้าเสียใจ ข้ายิ่งเสียใจกว่าเจ้า
“…” เซียวเชียนชื่อและซุนเหยียนเอ๋อร์มองฟ้ามองพื้นมองอากาศ อืม วันนี้อากาศช่างสดใส
สีหน้ากงเสี่ยวเตี๋ยซีดขึ้นมา ไม่คิดว่าใบหน้าของหนานกงมั่วจะหนาเพียงนี้ กัดฟันเอ่ย “ในสายตาของจวิ้นจู่ ข้าเป็นสตรีแพศยาคอยปรนเปรอ อาศัยมารยาล่อลวงคนหรือ”
หนานกงมั่วตกใจยิ่งกว่า “มิใช่หรอกหรือ หรือว่าพระชายารองกงคิดว่าเจ้าเป็นชายาที่เสด็จลุงเอากลับมาแต่งงานออกหน้าออกตาอย่างเป็นทางการอย่างนั้นหรือ ยังต้องให้ข้าและคนจวนเยี่ยนอ๋องมาเคารพเจ้าด้วยหรือไม่ พระชายารองไม่เห็นเสด็จป้าอยู่ในสายตา หรือลืมไปแล้วว่าตำแหน่งที่ถูกแต่งตั้งของเจ้ายังมีคำว่ารองอยู่”