เขาไม่ใช่พระสงฆ์
เฉินตันจูระแวงขึ้นมาทันที
เวลานี้วัดถิงอวิ๋นเป็นวัดหลวง นางถูกฮองเฮาส่งมากักบริเวณ การปรนนิบัติอาจเทียบกับตอนที่ฮ่องเต้มาปฏิบัติธรรมไม่ได้ แต่ตำหนักหลังถูกปิด ไม่ใช่ผู้ใดก็เข้ามาได้
คนที่เข้ามาได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
ชายหนุ่มนั้นไม่ได้สนใจสายตาระแวงของนาง เดินยิ้มเข้าใกล้ หยุดลงอยู่ข้างตัวของเฉินตันจู มือที่กอดอกไว้ด้านหน้ายกขึ้น ในมือถือเครื่องยิงหินขนาดเล็กไว้ในมือ
เอ๊ะ? เฉินตันจูตกตะลึง ชายหนุ่มหยิบดินก้อนหนึ่งออกมาจากถุงหอมที่แขวนไว้บนเอว ก่อนจะเล็งไปที่ต้นซานจา เสียงกระทบดังขึ้น ใบไม้บนต้นสั่นไหวก่อนที่ผลไม้พวงหนึ่งจะร่วงลงมา
เฉินตันจูเช็ดน้ำตา ก่อนจะยิ้มออกมา ยิงได้แม่นยำยิ่งนัก
ชายหนุ่มเดินไปเก็บพวงซานจาขึ้นมา ก่อนจะเก็บเครื่องยิงไว้ที่เอว หยิบผ้าเช็ดมือสีขาวสะอาดออกมาเช็ด ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเก็บไว้เองหนึ่งลูก ส่วนอีกสองลูกใช้ผ้าห่อเอาไว้ยื่นมาให้ทางเฉินตันจู
เฉินตันจูมองดูนิ้วเรียวยาวของเขา ยื่นมือออกไปรับ
“ตามข้ามา” ชายหนุ่มพูด ก่อนจะเดินนำไปนั่งลงบนขั้นบันไดของอุโบสถ
เฉินตันจูลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไป นั่งลงข้างตัวเขา ก้มหน้ามองผ้าเช็ดมือและผลซานจาที่ถือเอาไว้ หยิบขึ้นมาลูกหนึ่งกัดลงไป ใบหน้าของนางย่นขึ้นมา จากนั้นน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง หยดลงบนผ้าเช็ดมือสีขาวที่วางอยู่บนหัวเข่า
ชายหนุ่มกัดผลซานจาเข้าไปคำหนึ่งเช่นเดียวกัน ก่อนจะกระแอมไอออกมา
เฉินตันจูร้องไห้มองเขา ชายหนุ่มใช้มือปิดปาก พูดพลางกระแอมไอ “เปรี้ยวเหลือเกิน”
เฉินตันจูพูดพลางร้องไห้ “ยัง ยังไม่ถึงเวลา ผลซานจาที่นี่อันที่จริงหวานมาก”
นางพลางร้องไห้พลางพูด อีกทั้งยังกินผลซานจา ใบหน้าเล็กย่นลง ดูแล้วทั้งน่าอนาถทั้งน่าขัน
ชายหนุ่มอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เขาเคี้ยวผลซานจาที่ทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด ใบหน้ารูปงามก็เปลี่ยนไปอย่างประหลาด
เฉินตันจูพูดเสียงสะอื้น “ท่านไม่ต้องกินก็ได้”
แต่ชายหนุ่มยังคงกินจนหมด เขาคายเมล็ดผลซานจาออกมา เงยหน้ามองต้นซานจา มองลมพัดผ่านกิ่งก้านและใบไม้จนปลิวไหว ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เฉินตันจูก้มหน้าพลางร้องไห้พลางกิน กินผลซานจาที่ไม่สุกทั้งสองผลจนหมด ร้องไห้อย่างสะใจ จากนั้นเงยหน้ามองต้นซานจาเช่นเดียวกัน
เวลานี้ชายหนุ่มจึงหันมามองนาง มองหญิงสาวที่ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่ถูกน้ำตาชำระล้างยิ่งขาวใสมากยิ่ง
“กินอีกหรือไม่” เขาถาม “หรือว่ารอ รอสุกก่อน อร่อยกว่านี้ค่อยกิน”
เฉินตันจูไม่ได้มองเขา เพียงแต่มองต้นซานจา “ข้ายิงได้แม่นเหมือนกัน ตอนเด็กเมื่อผลซานจาสุกแล้ว ข้าเคยมายิง ยิงจนร่วงหล่นทั้งต้น แต่ข้าก็ไม่กิน”
ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่ายหัว “เป็นเด็กที่ไม่ดีเสียจริง”
เฉินตันจูยิ้ม “ใช่ เด็กไม่ดี คนไม่ดี สมควรถูกคนอื่นใส่ร้าย”
ชายหนุ่มส่งเสียง “เรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดที่สมควรหรือไม่สมควร มีเพียงสามารถหรือไม่สามารถ…คุณหนู
ตันจู แค่กินผลซานจาเท่านั้น อย่าได้คิดมาก”
เขารู้ว่านางเป็นผู้ใดก็ไม่แปลก ชื่อเสียงของคุณหนูตันจูโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวงมานานแล้ว ถูกกักบริเวณในวัดถิงอวิ๋นก็รู้กันทุกคน เฉินตันจูมองต้นซานจาไม่พูดสิ่งใด ไม่เป็นอันใด เขาเป็นผู้ใดไม่สำคัญ นางอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากพูดก็พูด…
ชายหนุ่มกระแอมขึ้นมา เขาใช้มือปิดปาก ราวกับต้องการข่มเอาไว้อย่างสุดกำลัง
เฉินตันจูเงี่ยหูขึ้นฟัง ก่อนจะรู้ว่าผิดปกติ นางหันไปมองเขา
ชายหนุ่มอธิบาย “ข้าไม่ได้ไอเพราะความเปรี้ยวของผลซานจา แต่ร่างกายข้าไม่ดี”
เฉินตันจูมองหน้าเขา พินิจอย่างละเอียด ก่อนจะกระจ่าง “อ่อ…ท่านคือองค์ชายสาม”
ชายหนุ่มถูกนางจำได้ มีความตะลึงเล็กน้อย “เจ้าเคยเห็นข้า?”
เขาคิดว่านางจำหน้าของตนได้ เฉินตันจูหัวเราะ ส่ายหัว “หม่อมฉันเป็นไต้ฟู หม่อมฉันแค่ดูแค่ฟังก็รู้ว่าร่างกายของท่านไม่ดี ได้ยินว่าองค์ชายของฮ่องเต้ มีสองคนที่ร่างกายไม่ดี องค์ชายหกออกจากจวนไม่ได้ อยู่ต่อในเมืองซีจิง เช่นนั้นผู้ที่อยู่ต่อหน้าหม่อมฉันย่อมต้องเป็นองค์ชายสาม”
ที่แท้ก็เช่นนี้เอง ในเมื่อเรียกชื่อของนางได้ ย่อมรู้เรื่องราวของนาง อาทิเปิดร้านยารักษาโรค
ชายหนุ่มยิ้ม พูดขึ้น “ข้าชื่อฉู่ซิวหยง เป็นบุตรคนที่สามของฮ่องเต้”
ฉู่ซิวหยง เฉินตันจูท่องในใจ ชาติก่อนหรือชาตินี้นี่ล้วนเป็นครั้งแรกที่นางรู้ชื่อขององค์ชายสาม นางยิ้มให้อีกฝ่าย “เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ คงไม่ได้ถูกกักบริเวณเหมือนหม่อมฉันกระมัง”
องค์ชายสามพูด “ข้าร่างกายไม่ดี ชอบความสงบ จึงมักจะมาฟังบทสวดนั่งสมาธิ ก่อนที่เจ้าจะมา ข้าก็อาศัยอยู่ที่นี่สามวันแล้ว” พูดพลางยิ้มให้เฉินตันจู “ข้าไม่ได้ตั้งใจตามเจ้ามา”
เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องตามนางมา เฉินตันจูยิ้ม
“ข้ารู้ว่าเจ้าถูกกักบริเวณที่นี่ เดิมทีวันนี้จะจากไปแล้ว” องค์ชายสามพูดต่อ “แต่เมื่อเดินผ่านทางนี้ ไม่คิดว่าคุณหนูตันจูที่กล้าลงมือกับตระกูลใหญ่และองค์หญิงจะร้องไห้ต่อหน้าต้นซานจา”
เฉินตันจูสูดจมูก หันไปมองต้นซานจา ดวงตาฉ่ำน้ำรื้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง นางพูดพึมพำเสียงเบา “หากทำได้ ผู้ใดยินดีที่จะทำร้ายคนกัน”
องค์ชายสามเงียบสักพัก ก่อนจะหยิบเครื่องยิงหินออกมาอีกครั้ง “หรือไม่ ข้ายิงผลซานจาให้เจ้าอีกพวงเถิด”
เฉินตันจูหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ยื่นมือดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “ไม่ต้องหรอกเพคะ ยังไม่สุก ยิงลงมาก็กินไม่อร่อย”
องค์ชายสามยืนมองนางจากที่สูง พยักหน้าด้วยดวงตาสดใส “เช่นนั้นรอผลสุกก่อนข้าค่อยยิงให้เจ้า”
เฉินตันจูมองใบหน้าอ่อนโยนนี้ องค์ชายสามเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีเสียจริง มิน่าชาติก่อนเขาหลงรักกับหญิงสาวเมืองฉี ไม่เกรงกลัวที่จะทำให้ฮ่องเต้โกรธ อดอาหารคุกเข่าขอร้องไม่ให้ฮ่องเต้ใช้กำลังกับท่านอ๋องฉี ถึงแม้เมืองฉีจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็กลายเป็นเมืองเดียวที่อยู่รอด…
ดวงตาของนางเป็นประกาย มือที่ดึงแขนเสื้อขององค์ชายสามไม่ปล่อยออก หากแต่ออกแรงมากขึ้น
“องค์ชาย” นางพูด พลางเขย่าแขนเสื้อ “ท่านนั่งลง หม่อมฉันจับชีพจรให้ท่าน ดูว่ารักษาโรคของท่านได้หรือไม่”
องค์ชายสามผงะ ก่อนจะยิ้มออกมา เขาไม่ได้สงสัยในวิชาของเฉินตันจู อีกทั้งไม่ได้พูดว่าโรคของตนเองมีหมอหลวงมากน้อยเพียงใดเคยดูแล้ว เขาพูดเพียงแค่ได้ ก่อนจะนั่งลงตามคำขอ ยื่นมือให้เฉินตันจู
เฉินตันจูยื่นมือจับชีพจร สีหน้าตั้งใจ คิ้วขมวดเล็กน้อย จากชีพจรถึงแม้ร่างกายขององค์ชายสามจะมีความเสียหายจริง แต่ชาติก่อนเล่าลือว่าหญิงสาวเมืองฉีเฉือนเนื้อของตนเองเป็นส่วนผสมหลักของยารักษาองค์ชายสาม…โรคอันใดต้องใช้เนื้อมนุษย์ หมอทหารชราเคยบอกไว้ว่าเป็นคำพูดเหลวไหล บนโลกนี้มียาอันใดต้องใช้เนื้อมนุษย์ อีกทั้งเนื้อมนุษย์มิได้มีสรรพคุณวิเศษอันใด
“ตอนเด็ก ข้าเคยถูกวางยาพิษ” องค์ชายสามพูด “มีคนแขวนหญ้าพิษไว้บนหัวเตียงเป็นเวลาหนึ่งปี พิษสะสมเป็นเวลานาน ถึงแม้จะช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่ร่างกายสูญเสียไปนับแต่นั้น มักต้องใช้ยาต่ออายุตลอดปี”
ถูกวางยาพิษ? เฉินตันจูทั้งกระจ่างทั้งประหลาดใจ กระจ่างเพราะรู้ว่าถูกวางยาพิษ มิน่าถึงได้มีอาการเช่นนี้ ประหลาดใจเพราะองค์ชายสามบอกนาง ในฐานะองค์ชายถูกคนวางยาพิษ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องน่าอายของราชวงศ์กระมัง
องค์ชายสามมองดูท่าทางตกตะลึงของนาง “ในเมื่อไต้ฟูต้องการรักษาให้ข้า ข้าย่อมต้องบอกอาการให้กระจ่าง”
เฉินตันจูยิ้ม ดวงตาอ่อนโยน “องค์ชายช่างเป็นคนป่วยที่ดี”
องค์ชายสามยิ้มขึ้นเช่นเดียวกัน
เฉินตันจูจับชีพจรอีกครั้ง ก่อนจะชักมือกลับ เอ่ยถาม “องค์ชายถูกวางยาพิษชนิดใด”
องค์ชายสามส่ายหัว “นางในที่วางยาพิษปลิดชีพตนเอง ตอนนี้หมอหลวงในวังไม่มีผู้ใดรู้ได้ วิธีต่างๆ ล้วนลองมาแล้ว ถึงแม้จะช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่ทุกคนไม่อาจรู้ได้ว่ายาใดได้ผล”
เช่นนี้หรือ หมอหลวงมากมายยังไขความสงสัยไม่ได้ นางก็ไม่ใช่หมอที่มีฝีมืออันใด…เฉินตันจูไม่มีเบาะแสในเวลาหนึ่ง
“องค์ชาย” นางครุ่นคิดก่อนพูด “ท่านอยู่ต่ออีกสองวันได้หรือไม่ หม่อมฉันอยากดูอาการขององค์ชายอีกเล็กน้อย”
องค์ชายสามพยักหน้า “ได้ อย่างไรข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องทำ”
ดีเสียจริง เฉินตันจูใช้ผ้าซับน้ำตาที่ค้างอยู่บนใบหน้า ก่อนจะเผยยิ้มออกมา “ขอบพระทัยองค์ชาย หม่อมฉันกลับไปครุ่นคิดบัดนี้”
พูดจบพลันลุกขึ้นวิ่งจากไป ในมือยังถือผ้าขาวผืนนั้นเอาไว้
องค์ชายสามมองแผ่นหลังของเฉินตันจูด้วยรอยยิ้ม นั่งอยู่บนขั้นบันไดจ้องมองต้นซานจาที่พลิ้วไหวต่อ