ตอนที่ 127 เยือนแคว้น ทําลายเมือง
ในขณะที่หนิงฟานกำลังทะลวงระดับเทพปฐพี ณ ชั้นสองของถ้ำปีศาจบรรพกาล
ณ เมืองเทพขนนก วิหารทองคำ
หลัวชิงเซียนกำลังหารืออยู่กับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์
หลังจากผ่านมาห้าปี ตอนนี้หลัวชิงเซียนทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ได้สําเร็จ ด้วยการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณแห่งแคว้นรกร้าง และอาศัยสมบัติที่ได้รับมาจากหนิงฝาน
นอกจากนี้ พลังบ่มเพาะของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็ก้าวกระโดดขึ้นอย่างมาก แม้แต่ปราชญ์ยุทธ์หลายคนก็เข้าสู่ขอบเขตครึ่งก้าวเทพยุทธ์ได้สำเร็จ
ตอนนี้พลังทางจิตวิญญาณฟ้าดินของแคว้นรกร้างได้รับการฟื้นฟูมายี่สิบห้าปีแล้ว และเพราะสิ่งนี้ ความแข็งแกร่งของราชวงศ์เทพขนนกจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“รายงาน!”
ทันใดนั้น องครักษ์ของราชวงศ์ก็รีบเข้ามารายงาน
หลัวชิงเซียนเลิกคิ้วถาม “เกิดอันใดขึ้น?”
องครักษ์ของราชวงศ์พูดทันที “รายงานองค์จักรพรรดินี! ข่าวจากสายลับของเรา ยามนี้ ณ ทางแยกของแคว้นรกร้างและแคว้นอุทก ปรากฏกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกกําลังจะเดินทางเข้าสู่แคว้นรกร้างของเราพ่ะย่ะค่ะ!”
“หือ! เหตุใดจึงมาเร็วเพียงนี้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนก็ขมวดคิ้วทันที!
ในวิหาร ปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์ต่างก็ตกใจเช่นกัน!
แม้ว่าความแข็งแกร่งของราชวงศ์เทพขนนกในตอนนี้มีมากขึ้น แต่มันยังคงห่างชั้นกับกองกําลังทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกอยู่ดี!
…
ณ ทางแยกระหว่างแคว้นอุทกและแคว้นรกร้าง
เหนือท้องฟ้า ธงสิบผืนปลิวไสวไปตามสายลม เบื้องหลังธงผืนใหญ่คือกองทัพขนาดมหึมา ริ้วขบวนนับไม่ถ้วนกำลังควบม้าอย่างอึกทึก ดูเป็นภาพที่น่าเกรงขามมาก!
เป็นกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกที่บุกเข้ามา
ยามนี้ในระดับแนวหน้า บรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบเป็นผู้นำ!
บรรพบุรุษสำนักเทพกระบี่มองไปข้างหน้าและกล่าวคำทันทีว่า “สหายทั้งหลาย ถึงเวลาที่พวกเราจะเข้าสู่แคว้นรกร้างแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของบรรพบุรุษพระราชวังเทพจันทรา โถงวายุอัสนี สำนักปีศาจสวรรค์และคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่แคว้นรกร้างด้วยแววตาเป็นประกาย
ทางทิศแคว้นรกร้าง ดวงตะวันขนาดใหญ่ส่องแสงรำไรให้เห็น และมันก็แผ่ขยายพลังจิตวิญญาณฟ้าดินออกมาอย่างไม่รู้จบ
“สวรรค์! เป็นแหล่งพลังจิตวิญญาณระดับสุริยันจริง ๆ ด้วย!”
“แหล่งพลังจิตวิญญาณระดับสุริยันที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อนในสมัยโบราณ บัดนี้ยังเป็นเพียงช่วงระยะแรกเท่านั้น แต่กลับมีพลังจิตวิญญาณฟ้าดินถึงเพียงนี้แล้ว!”
“ฮ่า ๆ! หลังจากกองกําลังหลักทั้งสิบของเราได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแคว้นรกร้างแล้ว แหล่งพลังจิตวิญญาณระดับสุริยันจะเป็นประโยชน์กับให้เรา”
“พวกเราอยู่บนระดับเทพมนุษย์ขั้นสุดมานานนับพันปีแล้ว แต่เพราะข้อจํากัดของพลังจิตวิญญาณในแคว้นอุทก เราจึงไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพปฐพีได้ ทว่าตราบใดที่เราตั้งถิ่นฐานอยู่ในแคว้นรกร้างได้ เราก็สามารถอาศัยพลังจิตวิญญาณนี้เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเทพปฐพีได้!”
บรรพบุรุษทุกคนต่างพูดขึ้นทีละคน สีหน้าของพวกเขาล้วนตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก!
“เข้าสู่แคว้นรกร้างกันเถอะ!”
ในที่สุด บรรพบุรุษทั้งสิบคนพร้อมด้วยผู้ฝึกยุทธ์นับล้าน ก็ก้าวเข้าสู่แคว้นรกร้าง!
…
ณ เมืองเทพขนนก วิหารทองคำ
มีองครักษ์เข้ามารายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง!
“รายงาน! ตอนนี้กองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกได้ก้าวเข้าสู่แคว้นรกร้างของเราแล้ว!”
“รายงาน! ตอนนี้กองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกถึงแดนผานอู่แล้ว!”
“รายงาน! กองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกได้ก้าวเข้าสู่สามพันดินแดนแห่งราชวงศ์เทพแล้ว! “
“…”
จากการรายงานขององครักษ์แห่งราชวงศ์ครั้งแล้วครั้งเล่า กองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกยังคงเข้ามาใกล้เมืองแห่งเทพขนนกขึ้นเรื่อย ๆ
“รายงาน! กองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกอยู่ห่างจากเมืองเทพไม่ถึงร้อยลี้ พวกเขาจะมาถึงเมืองเทพได้ภายในครึ่งวัน”
แล้วองครักษ์แห่งราชวงศ์ก็เข้ามาในรายงานอีกครั้ง
ปัง!
ทันใดนั้น จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนก็ผุดลุกขึ้นจากบัลลังก์ทันที ในเวลานี้นางสวมชุดเกราะแล้ว และพลังของขอบเขตเทพยุทธ์ก็ถูกปลดปล่อยออกมา!
“เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรู!”
ภายใต้คําสั่งนี้ ทั่วทั้งเมืองเทพพลันระดมกำลังพลทันที
ทหารนับไม่ถ้วนรีบไปที่กำแพงเมืองเทพพร้อมกับกระบี่ในมือ
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียน เหลียงอิ้นหยวนและปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์ต่างก็มาถึงประตูเมือง สายตาของทุกคนเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก!
“ฝ่าบาท บรรพบุรุษทั้งสิบคนของแคว้นอุทกอยู่ในระดับเทพมนุษย์ขั้นสุด เราหาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ข้าว่าเราเชิญผู้พิทักษ์ออกมาจะเป็นการดีกว่า!”
เหลียงอิ้นหยวนพูดกับจักรพรรดินีหลัวชิงเซียน
ปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าแจ้งสามีของข้าแล้ว แต่สามีของข้าบอกว่า เขาอยู่ในช่วงเวลาสําคัญของการทะลวงขั้น ดังนั้นข้าจึงหวังว่าเราจะสามารถยื้อเวลาให้เขาได้!”
“อันใดนะ! ทะลวงขั้น!!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหลียงอิ้นหยวนพลันตกใจจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง
เขารู้อยู่แล้วว่าหนิงฝานอยู่ในระดับเทพมนุษย์ขั้นสุด และหากเขาทะลวงขั้นต่อไปได้ ตอนนี้มิใช่ว่า… เขาจะอยู่ในระดับเทพปฐพีเลยหรือ?
สวรรค์!
หนิงฝานเพิ่งจะอยู่ระดับเทพมนุษย์ได้เท่าใรเอง มาตอนนี้ เขากําลังจะทะลวงเข้าสู่ระดับเทพปฐพีแล้ว นี่จักน่ากลัวและน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
อย่างไรก็ตาม หลังจากตกใจแล้ว สีหน้าของเหลียงอิ้นหยวนก็ดูตื่นเต้นอีกครั้ง!
หากหนิงฝานทะลวงเข้าสู่ระดับเทพปฐพีได้สําเร็จ การประมือกับกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว!
“ดี!”
“ข้าจะยอมสละชีพเพื่อยื้อเวลาให้ผู้พิทักษ์”
เมื่อทุกคนเอ่ยปากแล้วก็รอการมาถึงของอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
กระทั่งเที่ยงวัน ดวงตะวันเจิดจ้าลอยขึ้นสูง จู่ ๆ ท้องนภาอันไกลโพ้นก็ปรากฏคลื่นพลังน่าพรั่นพรึงแผ่ปกคลุม ตามมาด้วยระลอกคลื่นพลังไร้ที่สิ้นสุด ราวกับมหานทีที่ซัดเข้าใส่เข้าเมืองเทพขนนก
“มาแล้ว!”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงทันที!
ทุกคนมองไปยังที่ที่ห่างไกลสุดลูกหูลูกตา พลันเริ่มเห็นธงสิบผืนปลิวไสวอยู่ในอากาศ บนนั้นมีชื่อของกองกําลังหลักทั้งสิบอยู่!
นำโดยบรรพบุรุษทั้งสิบคน ตามด้วยกองทัพนับล้านจากทั้งสิบทิศ เดินหน้าเข้ามาดุจคลื่นน้ำที่กำลังจะท่วมทะลัก!
แม้ว่าผู้คนจากสิบกองกําลังหลักจะมีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับฝ่ายราชวงศ์เทพขนนกที่รวมกำลังคนของอดีตสามราชวงศ์ใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน ทว่ากลิ่นอายโดยรวมของสิบกองกําลังหลักแคว้นอุทกกลับอยู่เหนือกว่าอดีตราชวงศ์เทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่โดยสิ้นเชิง!
แค่กำลังพลขอบเขตปราชญ์ยุทธ์หลายหมื่นคน กึ่งเทพยุทธ์พันคน และเทพยุทธ์อีกหลายสิบคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรพบุรุษทั้งสิบคน ที่อยู่ในระดับเทพมนุษย์ขั้นสุดซึ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัว ทำเอาแทบสั่นสะเทือนไปทั้งท้องฟ้า!
“ราชวงศ์เทพขนนก ครานั้นพวกเราเคยบอกแล้วว่า วันใดที่พวกเรามาเยือนแคว้นรกร้าง วันนั้นจักเป็นวันตายของพวกเจ้า!”
“บัดนี้เรามาถึงแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไปตายอีกหรือ!”
ในเวลานี้เอง บรรพบุรุษสำนักเทพกระบี่ซึ่งเป็นผู้นําของบรรพบุรุษทั้งสิบคนตะโกนเสียงกราดเกรี้ยวออกมา สุ้มเสียงนี้ราวกับเสียงฟ้าร้อง สั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่ว
มิหนำซ้ำ คลื่นเสียงนั้นยังเป็นเหมือนลมพายุกระโชก ทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองเทพขนนกต่างเวียนหัว และร่างกายของผู้คนจํานวนมากก็แทบจะระเบิดออก!
“กองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทก พวกเจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว!”
แม้ว่าจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนจะตกใจกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษทั้งสิบคน แต่นางก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมา
“ราชวงศ์เทพขนนกของข้าหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกําลังหลักแคว้นอุทกของพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับคิดสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างน่ารังเกียจเสียจริง แม้ว่าแคว้นรกร้างของเราจะอยู่ห่างไกล แต่พวกเราแคว้นรกร้างหาได้อ่อนแอไม่ พวกเราไม่มีทางยอมจำนนต่อพวกเจ้า หากตายก็ขอตายอย่างมีเกียรติ!”
คำกล่าวของจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนมั่นคงดุจภูผาและดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน!
“ฮ่า ๆๆ!”
“ก็แค่ผู้นำราชวงศ์คนหนึ่งที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี ข้าอยากรู้เสียจริงว่า เมื่อกองทัพหลายล้านคนของพวกข้าทําลายราชวงศ์เทพของเจ้าแล้ว เจ้าจะยังจองหองอยู่เช่นนี้อีกหรือไม่!”
“มาพวกเรา ทำลายเมืองนี้เสีย!”
บรรพบุรุษทั้งสิบคนแสยะยิ้มกว้าง ก่อนจะโบกมือ
วูบ!
ทันใดนั้น ร่างหลายสิบร่างพลันพุ่งออกมาจากกองกําลังหลักทั้งสิบ ซึ่งแต่ละร่างล้วนมีพลังในขอบเขตเทพยุทธ์ทั้งสิ้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เทพยุทธ์หลายสิบคนลงมือพร้อมกัน พลังศักดิ์สิทธิ์มากมายปะทุออกมาเสมือนมังกรที่โกรธเกรี้ยวแยกฟันและกางกรงเล็บ ระดมโจมตีใส่เมืองเทพอย่างไม่หยุดยั้ง!
แค่เทพยุทธ์คนเดียวลงมือก็สามารถตัดแม่น้ำทําลายเมืองได้แล้ว หากเทพยุทธ์หลายสิบคนโจมตีพร้อมกัน แม้ว่าเมืองเทพขนนกจะยิ่งใหญ่และเกรียงไกร แต่ก็สามารถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองในทันทีได้เช่นกัน!