รถยนต์สีขาวส่งเสียงแหลมบาดหูก่อนจะหยุดลงบนถนน ผู้ชายที่ลงมาจากรถมีสีหน้าดุดัน เขาย่างสามขุมเข้าไปเปิดประตูของร้านที่เปิดไฟอยู่ออกกว้าง
“คุณอินซอบ”
เสียงเรียกของอีอูยอนเรียกให้อินซอบซึ่งนั่งอยู่ตรงซอกเงยหน้าขึ้น วินาทีที่เห็นเลือดเปรอะเปื้อนบนใบหน้าขาวซีด แววตาของอีอูยอนก็วูบไหวด้วยความเจ็บปวดอันเจ็บแสบ อีอูยอนวิ่งไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าอินซอบ
“นี่มันเลือดอะไรกันครับ ใครทำแบบนี้ แล้วบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าครับ”
“มะ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น…”
อินซอบกะพริบตาอย่างมึนงงพลางเอ่ยตอบ เลือดนั้นแห้งติดต้นคอรวมไปถึงขนตาของเจ้าตัว อีอูยอนจ้องมองอินซอบพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาทนไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนมีแท่งโลหะเผาไฟเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของเขา
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ คุณควรจะไปโรงพยาบาลสิ!”
อีอูยอนกำข้อมือของอินซอบ อินซอบจับชายเสื้อของอีอูยอนอย่างรีบร้อน
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้บาดเจ็บ”
“อะไรนะ?”
“ไม่ใช่ผมครับ แต่จอห์น…”
อินซอบพูดต่อด้วยริมฝีปากที่แห้งผาก
“จอห์นบาดเจ็บ ผมก็เลยพามาน่ะครับ นี่ไม่ใช่เลือดของผมหรอกครับ”
“ที่บอกว่าจอห์น…แมวเหรอครับ”
“ครับ”
อีอูยอนร้องเหอะก่อนจะกลืนลมหายใจสั้นๆ เข้าไป
อีอูยอนรออยู่สักพัก แต่อินซอบก็ยังไม่โทรมา ทั้งที่เป็นเวลาที่อีกฝ่ายต้องถึงบ้านได้แล้ว เขาจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาเอง หากเป็นปกติเขาต้องโทรศัพท์ไปหาสักสองถึงสามรอบแล้ว แต่เขากลับจงใจทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อที่จะไม่ทำให้อินซอบเครียด
และอินซอบก็รับโทรศัพท์หลังจากที่สัญญาณดังอยู่สองถึงสามครั้ง เขาได้ยินเสียงรถผิดกับที่คิดไว้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังเตรียมตัวนอน
‘อยู่ไหนครับ’
อินซอบตอบคำถามของอีอูยอนด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่าเดี๋ยวจะโทรกลับไปก่อนจะตัดสายไป อีอูยอนสวมเสื้อ คว้ากุญแจรถ และโทรศัพท์หาอินซอบอีกครั้ง แต่ก่อนที่อินซอบก็จะได้พูดอะไร อีอูยอนก็บอกให้อีกฝ่ายพิมพ์ที่อยู่ส่งมาและวางสายไป เขาเตรียมตัวที่จะได้จ่ายค่าใบสั่งเรื่องขับรถเร็วเกินกำหนดหลายสิบใบ และเหยียบคันเร่งเหมือนเป็นคนบ้ามาจนถึงที่นี่
ตอนนั้นเองสายตาของอีอูยอนก็มองเห็นคำว่าโรงพยาบาลสัตว์ ก่อนหน้าสติของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนสิ่งรอบข้างไม่อาจเข้ามาในสายตา
“โล่งอกไปทีนะครับ”
การพึมพำของอีอูยอนทำให้อินซอบมือกระตุก อีอูยอนจึงปล่อยมือจากข้อมือของอินซอบ
“เอ่อ…สวัสดีค่ะ”
อีอูยอนหันหน้าไปทางต้นเสียงที่ดังมาจากด้านข้าง ผู้หญิงที่สวมหมวกดึงลงต่ำยิ้มเจื่อนๆ พลางเอ่ยทักทายเขา
“สวัสดีครับ”
แม้จะตอบไปแบบนั้น แต่สายตาของอีอูยอนกลับอยู่ที่อินซอบ
“นักข่าวยุนอารึมน่ะครับ ที่เล่าให้ฟังคราวก่อนว่า…”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เป็นนักข่าวแล้วด้วย”
“ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
หลังจากที่ตอบรับอย่างไร้ชีวิตชีวาแล้ว อีอูยอนก็ยังไม่ยอมละสายตาไปจากอินซอบ เขาส่งสายตาเป็นเชิงสั่งให้อีกฝ่ายอธิบายมาว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงมานั่งอยู่ตรงนี้
“โรงพยาบาลรักษาสัตว์ที่ผมค้นเจอไม่ยอมรับโทรศัพท์น่ะครับ ผมก็เลยติดต่อไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับมาคราวก่อนดู เพราะไม่รู้จักโรงพยาบาลรักษาสัตว์ที่เปิดในเวลานี้เลย แล้วเธอก็อยู่ใกล้บ้านด้วย…”
“อย่างนั้นเองสินะครับ”
อีอูยอนตอบรับอย่างเฉยชา แม้จะเป็นชเวอินซอบที่มักจะน้ำตาร่วงเผาะๆ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่กลับตัดสินใจได้อย่างมีสติมาก ถ้าอีกฝ่ายเรียกเขา เวลาที่จะใช้เดินทางไปคงไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาจะบอกให้อินซอบตัดใจว่าไม่มีโรงพยาบาลรักษาสัตว์ที่เปิดในเวลานี้หรอก เพราะเรื่องที่ว่าโรงพยาบาลรักษาสัตว์เปิดทำการถึงกี่โมงไม่เคยอยู่ในใจของเขาตั้งแต่แรกแล้ว
“…เธอก็เลยช่วยพาผมมาที่นี่น่ะครับ”
อินซอบพูดแม้กระทั่งความจริงที่เขาไม่อยากรู้
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว ถึงจะตกใจที่จู่ๆ ก็ได้รับสายในเวลาแบบนี้ก็เถอะ”
ยุนอารึมยิ้มพลางถ่อมตัวให้กับคำขอบคุณของอีอูยอน
“ขอโทษด้วยนะครับ ในบรรดาคนที่ผมรู้จักก็มีแต่คุณยุนอารึมเท่านั้นที่เลี้ยงสัตว์…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ ค่ะ”
ยุนอารึมโบกมือปฏิเสธ มีเลือดเปื้อนอยู่ที่ชุดกีฬาของเธอด้วย นิสัยของเธอที่ไม่แสดงความรู้สึกเกลียดออกมาเลยสักครั้งทำให้อีอูยอนหงุดหงิด
“แต่ฉันเป็นห่วงนะคะ เพราะดูเหมือนคุณอินซอบจะตกใจมาก มือยังสั่นอยู่เลย…”
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
อินซอบรีบซ่อนมือที่สั่นเล็กน้อยไว้ข้างหลังก่อนจะเอ่ยตอบ อีอูยอนกดน้ำจากเครื่องกรองน้ำมายื่นให้อินซอบ
“ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ มียาหรือเปล่าครับ”
อินซอบส่ายหน้าพลางเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วและรับแก้วมา ใบหน้าของอินซอบยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด อีอูยอนใช้ฝ่ามือของตนลูบหน้าอีกฝ่ายเพื่อเช็ดเลือดออกให้
“ที่หน้านี่มันอะไรกันครับ ไปล้างหน้า…”
อินซอบรีบปัดมือของอีอูยอนทิ้ง
“เดี๋ยวผมเช็ดเองครับ มือคุณอีอูยอนจะเปื้อนเลือดเอานะครับ”
อีอูยอนมองมือที่กลายเป็นไร้ที่ไปพลางยิ้มอย่างขมขื่น ยุนอารึมรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้อินซอบ
“ใช้แล้วทิ้งได้เลยนะคะ พอดีฉันได้เป็นของแถมมา”
“ขอบคุณครับ”
“ดูเหมือนก่อนหน้านี้ก็ได้ผ้าเช็ดหน้าอีกผืนไปนะครับ”
การตำหนิที่ดุดันของอีอูยอนทำให้อินซอบทำตัวไม่ถูก ได้แต่พูดว่า ‘เรื่องนั้นน่ะ’ ตอนนั้นเองสัตวแพทย์ในชุดผ่าตัดก็ได้เดินออกมาจากห้องผ่าตัด
อินซอบรีบลุกขึ้น อีอูยอนเป็นฝ่าเดินไปหาสัตวแพทย์ก่อน และเอ่ยถามถึงสภาพของแมวอย่างสุขุม
“การผ่าตัดเรียบร้อยดีไหมครับ”
“เอ๊ะ? อ๋อ ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ”
สัตวแพทย์ที่รู้จักอีอูยอนตอบทั้งๆ ที่ยังทำตาโต
“เพราะกระดูกหักจึงทำให้เกือบจะเป็นอันตรายถึงชีวิตจากการตกเลือดแล้วล่ะค่ะ ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคงแย่เลย”
ได้ยินดังนั้นอินซอบก็พยักหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องพักฟื้นนะคะ ดูเหมือนว่าต้องอยู่ที่โรงพยาบาลสักสองอาทิตย์ …คุณอีอูยอนใช่ไหมคะ”
สัตวแพทย์เอ่ยถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“ครับ ใช่ครับ”
อีอูยอนตอบพลางสำรวจใบหน้าของอินซอบที่ยืนอยู่ข้างๆ ตน ดวงตาที่มีหยดน้ำตากลมๆ คลออยู่กำลังกลั้นการร้องไห้ไว้อย่างยากลำบาก
“ผมมารับตอนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาลเลยได้ใช่ไหมครับ”
สัตวแพทย์พยักหน้าให้กับคำถามของอีอูยอน
“ค่ะ อาจต้องคอยดูแลที่บ้านไปสักระยะนะคะ แต่ดูจากสภาพของแมวแล้ว น่าจะไม่ใช่แมวเลี้ยง”
“เป็นแค่แมวที่ผมเอาข้าวให้กินเฉยๆ ครับ”
อินซอบตอบด้วยเสียงสั่นๆ
“งั้นก็เรื่องใหญ่แล้วล่ะค่ะ ต่อให้ออกจากโรงพยาบาลไปได้ แต่ด้วยสภาพแบบนั้นก็น่าจะทนอยู่ได้แค่ไม่กี่วันนะคะ”
สัตวแพทย์ทำหน้าตาสงสาร
“งั้น…”
ก่อนที่อินซอบจะทันได้พูดจบ อีอูยอนก็พูดแทรก
“ผมจะพาไปเองครับ”
“ครับ?”
อินซอบย้อนถามด้วยความตกใจ
“ก็บ้านของคุณอินซอบห้ามเลี้ยงสัตว์นี่ครับ แล้วบ้านของผมก็มีห้องให้เล่นอยู่เยอะเลย”
“ไม่เป็นไรครับ คุณอีอูยอนไม่เคยลองเลี้ยงแมวนี่ครับ”
“ผมก็จะได้ลองเลี้ยงตอนนี้ไงครับ”
“ถ้าเป็นเพราะผม คุณไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ครับ อีกอย่าง…”
ดูเหมือนอินซอบจะไม่สามารถเก็บคำพูดต่อไปไว้ได้ เจ้าตัวรู้ว่าอีอูยอนไม่ชอบสัตว์ อีอูยอนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาอ่านใจอินซอบออก
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาเกลียดสัตว์มาก ทั้งขนที่ปลิวและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเขาเกลียดสิ่งที่น่ารำคาญ แต่เพื่ออินซอบแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ทนได้ และเขาก็สามารถใช้มันเป็นข้ออ้างในการดึงอินซอบมาที่บ้านได้ด้วย
“แต่คุณมักจะไม่อยู่บ้าน แล้วช่วงนี้คุณก็ยุ่งมากด้วยนะครับ”
“ผมบอกคนที่มาทำความสะอาดไว้ก็ได้ครับ”
“แต่…”
“ถ้าพวกคุณไม่ว่าอะไร ให้ฉันพากลับไปไหมคะ”
ยุนอารึมที่มองอยู่ด้านหลังเอ่ยแทรกอย่างระมัดระวัง
“ครับ? ไม่เป็นไรครับ ผมต้องรับผิดชอบเองอยู่แล้วครับ ผมย้ายบ้านก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบหาบ้านให้เร็วที่สุด”
อินซอบส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้คุณอินซอบเองก็ยุ่งมากเหมือนกันนี่คะ”
“…แต่”
นี่เป็นปัญหาที่ติดอยู่ในใจของอินซอบมากกว่าอะไรทั้งหมด แม้จะบอกว่าจะเปลี่ยนที่อยู่ แต่เขาก็ยังมีเวลาไม่พอที่จะดูแลแมวอยู่ดี และเขาก็ไม่สามารถพูดว่าจะลาออกจากงานเพราะแมวต่อหน้าคนที่ตัวเองกำลังดูแลอยู่ได้
“ฉันชอบแมวมากเลยค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเลี้ยงด้วย ให้คนที่เคยเลี้ยงคอยดูแลน่าจะดีกว่านะคะ”
“นั่นสิคะ เพราะต้องดูแลนั่นนี่เยอะมาก การอยู่กับคนที่ดูแลอยู่ข้างๆ ได้ตลอดจะเป็นผลดีกว่านะคะ”
สัตวแพทย์เห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาว อินซอบก้มหัวลง มือทั้งสองข้างประสานเข้าด้วยกัน
“ขอบคุณครับ ค่ารักษา ค่าอาหาร และเงินที่ต้องใช้นอกเหนือจากนั้นผมจะจัดการเองทั้งหมด ผมจะให้ค่าตอบแทนด้วยครับ ถ้ามีของที่ต้องการหรืออยากได้…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ค่าตอบแทนอะไรกันคะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องได้ค่าตอบแทนซะหน่อย”
“ผมต้องขอโทษและก็ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”
อินซอบไม่ยอมเงยหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยุนอารึมเป็นความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะเจอกันได้แค่สามครั้งรวมวันนี้ไปด้วยเท่านั้น แม้จะได้เบอร์โทรศัพท์มา แต่เขาก็ไม่เคยติดต่อไปแบบนี้ มีแค่การส่งข้อความสั้นๆ ไปบอกว่าคงจะไม่สามารถไปเจอเจ้าคงได้สักพักเพราะงานยุ่งเท่านั้น
ยุนอารึมตอบกลับการติดต่อที่เหมือนจะไม่ค่อยมีมารยาทอย่างสุภาพว่าจะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้หากมีเวลา เขารู้สึกขอบคุณมากที่อีกฝ่ายยอมมาโรงพยาบาลด้วยกันกลางดึก ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แทบจะเหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก แต่เขากลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรด้วยรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาลำบากถึงขนาดนี้
“อย่าทำแบบนั้นสิคะ ฉันจะยิ่งรู้สึกผิดนะคะ”
ยุนอารึมยื่นมือออกไปเพื่อที่จะทำให้อินซอบยืดตัวขึ้นมา ทว่าอีอูยอนเป็นฝ่ายจับไหล่ของอินซอบเอาไว้ก่อน และทำให้เขายืนตรงๆ
“พอแล้วครับ ถ้าคุณทำแบบนี้มากๆ คุณยุนอารึมจะทำตัวไม่ถูกเอานะครับ แล้วก็เรื่องค่ารักษา ผมจะจ่ายเองครับ”
“ไม่ครับ ผม…”
“ผมจะจ่ายเองครับ แค่นี้ผมทำได้”
อีอูยอนกำลังยิ้ม แต่ดวงตากลับดูเย็นชาอย่างน่าประหลาด อินซอบพยักหน้าโดยที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ในระหว่างที่อีอูยอนจ่ายค่ารักษา อินซอบก็กล่าวขอบคุณยุนอารึมอีกครั้ง
“อะไรที่ผมทำได้ ผมจะทำทุกอย่างเลยครับ ติดต่อมาได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
“ได้เลยค่ะ เมื่อกี้ไม่มีโอกาสฉันเลยไม่ได้ถาม แมวบาดเจ็บได้ยังไงเหรอคะ”
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
แม้เขาจะคาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจจึงไม่สามารถพูดกับใครได้
“ดูยังไงก็เหมือนมีใครบางคนจงใจใช้ของแข็งๆ ตีเลยนะคะ ใช่ไหมคะคุณหมอ”
ยุนอารึมเอ่ยถามสัตวแพทย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ค่ะ หมอเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน มีรอยไหม้จากไฟของบุหรี่ด้วยนะคะ”
“รอยไหม้จากไฟของบุหรี่เหรอคะ คนบ้าแบบนั้น…เหอะ ให้ตายสิ ไอ้เดนนรก”
ยุนอารึมโกรธและพ่นคำด่าออกมา คำว่าไฟของบุหรี่ทำให้อินซอบมั่นใจว่าข้อสงสัยของตนถูกประมาณหนึ่ง
“แล้วไม่มีเด็กๆ ตัวอื่นแล้วเหรอคะ ตัวแค่นี้น่าต้องอยู่กับแม่แน่ๆ”
“มีอีกสองตัวครับ”
และจอห์นก็เป็นเด็กที่อ่อนแอและเชื่องช้าที่สุดในบรรดาพี่น้อง มันเข้าหาอินซอบเป็นตัวแรกเสมอ และมักจะยื่นหัวเล็กๆ นั้นมาหาพร้อมกับทำตัวน่ารักใส่ ต่างจากพี่น้องตัวอื่นที่มีความระมัดระวังตัวมากกว่า ไม่รู้ว่าทำไมพอเขาคิดว่ามีแค่จอห์นเท่านั้นที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก
“งั้นฉันจะหาเจ้าของให้เด็กๆ พวกนั้นด้วยค่ะ”
ยุนอารึมกอดอกพร้อมกับแสดงความตั้งใจ อินซอบทำตาโตพลางเอ่ยถามว่า ‘จะทำยังไงเหรอครับ’
“จะทำยังไงล่ะคะ ก็จับมาที่บ้าน อาบน้ำล้างขนให้สะอาด เพิ่มน้ำหนักให้อ้วนขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็ถ่ายรูปและโพสต์ข้อความหาบ้านยังไงล่ะคะ คุณอินซอบช่วยจ่ายค่าอาหารให้ทีนะคะ”
“ครับ ผมจะจ่ายให้ทั้งหมดแน่นอนครับ!”
“อินซอบพยักหน้าอยู่สองสามครั้ง”
“งั้นวันนี้พวกเรากลับได้แล้วใช่ไหมครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามสัตวแพทย์
“กลับได้เลยค่ะ วันพรุ่งนี้ถึงจะเข้ามาดูอาการของลูกแมวได้ แล้วก็ช่วยเขียนเบอร์โทรติดต่อฉุกเฉินที่ทางเราจะติดต่อไปในกรณีที่เกิดปัญหาอะไรให้อีกเบอร์หนึ่งด้วยนะคะ”
“ฉันจะเขียนเบอร์ของฉันไว้เองค่ะ”
อีอูยอนมองยุนอารึมที่เดินเข้าไปเขียนเบอร์โทรติดต่อตรงโต๊ะของแผนกต้อนรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“รบกวนคุณหมอด้วยนะครับ วันนี้ผมต้องขอบคุณคุณหมอมากจริงๆ ครับ”
อินซอบกล่าวกับสัตวแพทย์ก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไป
“ผมจะไปส่งคุณอินซอบเองครับ”
หลังจากออกมาด้านนอก อีอูยอนก็หันกลับไปมองยุนอารึมพลางเอ่ย
“ว่าแต่คุณทั้งคู่ดูจะสนิทกันมากเลยนะคะ เพราะคุณมาหาในเวลาแบบนี้ด้วย เยี่ยมไปเลยค่ะ”
ยุนอารึมพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“ครับ เราสนิทกัน”
อีอูยอนตอบสั้นๆ จากนั้นอินซอบก็ค้อมหัวให้ยุนอารึม
“วันนี้ผมรบกวนคุณเยอะจริงๆ ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ฉันจะติดต่อไปพรุ่งนี้อีกทีนะคะ”
“งั้นกลับดีๆ นะครับ”
ยุนอารึมเดินไปทางลานจอดรถ ส่วนอีอูยอนก็เดินไปทางรถที่จอดอย่างไม่ใส่ใจบนถนน อินซอบรีบเดินตามหลังอีกฝ่ายไป หลังจากเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้เขาแล้ว อีอูยอนก็เดินไปทางประตูฝั่งคนขับ
หลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถ อินซอบก็เปิดปากพูดกับอีอูยอน
“ขอโทษนะครับ เพราะผมแท้ๆ คุณเลย…”
“ผมทำอะไรเหรอครับ”
อีอูยอนเผยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะสตาร์ทรถ
“เข็มขัด”
ครั้นได้ยินคำเตือนของอีอูยอน อินซอบจึงรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาเสียบลงในช่องล็อก จากนั้นอีอูยอนก็ค่อยๆ ขับรถไป ตลอดทางกลับบ้านอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเลย อินซอบรู้ดีว่าอีอูยอนกำลังโมโห เขาจึงได้แต่ลูบเข็มขัดนิรภัย และรอโอกาสที่จะได้พูด