ชายชุดดำยิ้มเย็น เอ่ย “นายท่านไม่พอใจกับการกระทำของพวกเจ้ามาก”
คุณชายใหญ่กงจนปัญญา “ข้าเองก็จนปัญญา เรื่องบ้าเหล่านั้นข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด คนในจวนเยี่ยนอ๋องเองก็ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา” เขาเป็นเพียงนักต้มตุ๋นมืออาชีพก็เท่านั้น อีกทั้งเป็นนักต้มตุ๋นที่ไม่เคยคิดอยากหลอกลวงชินอ๋องมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นหากเขามีความสามารถในการดูแลจวน ไยเขาต้องมาเป็นนักต้มตุ๋นเล่า
“ในเมื่อไม่เข้าใจก็เชื่อฟัง นายท่านจะส่งคนมาคอยแนะนำเจ้าว่าควรทำเช่นไร หากเกิดความผิดพลาดอันใด ระวังชีวิตของเจ้าเอาไว้ด้วย”
คุณชายใหญ่กงมีสีหน้าไม่เข้าใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นายท่านของเจ้าก็ใช้คนที่มีความสามารถมาแทนข้าไม่ดีกว่าหรือ ทำอันใดยัง…เกินความพอดี”
ชายหนุ่มยิ้มเย็น เอ่ย “เจ้าคิดว่าจวนเยี่ยนอ๋องเข้าไปง่ายขนาดนั้นเลยหรือ นอกจากเจ้าที่ดูไร้ความสามารถ ความจริงก็ไร้ความสามารถ คนทั่วไปจะแฝงตัวเข้าไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ”
“…” ข้าไม่เข้าใจว่าคนบ้าอย่างพวกเจ้าคิดอันใดอยู่กันแน่
ชายชุดดำเก็บกริชในมือ เอ่ยเสียงเรียบ “อย่างไร ครั้งหน้าหากทำอันใดบุ่มบ่ามอีก ก็คงไม่ใช่เพียงคำเตือนง่ายๆ เช่นนี้แล้ว”
คุณชายใหญ่กงกลอกตา มองชายชุดดำนิ่ง ชายชุดดำจึงเอ่ยถาม “เรื่องเยี่ยนอ๋องป่วยหนักเกิดอันใดขึ้น”
“ข้าจะไปรู้ได้เยี่ยงไร เมื่อวานกลับมาข้าก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก” คุณชายใหญ่กงเอ่ย เขาถูกโบยจนไม่อาจลุกได้รู้หรือไม่
“ไปสืบ” ชายชุดดำเอ่ย “ก่อนหน้านี้ไม่นานมีการชำระล้างจวนเยี่ยนอ๋อง ข้างนอกยังพอว่า ในจวนเยี่ยนอ๋องนั้นคนของเราไม่อาจใกล้เยี่ยนอ๋องได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้มีเพียงพวกเจ้าที่ยังเข้าออกจวนเยี่ยนอ๋องได้อย่างอิสระ”
คุณชายใหญ่กงรีบพยักหน้า เอ่ย “รู้แล้ว พรุ่งนี้ข้า…ไม่สิ วันมะรืนจะไป” เขาบาดเจ็บหนัก อยากลุกขึ้นยังทำไม่ได้ ชายชุดดำพยักหน้า เอ่ยเสียงเข้ม “รีบด้วย นอกจากนี้ บอกคุณหนูกง อย่าลืมภารกิจของนาง”
“รู้แล้ว ข้ารู้แล้ว”
เมื่อสั่งเสร็จ ชายชุดดำก็หมุนตัวออกจากประตูไป หายออกไปนอกเรือน
บนหอเล็กๆ ไม่ไกลจากนอกเรือน ชายหนุ่มทั้งสองกำลังจับตามองเรือนเล็กตรงข้าม เห็นชายชุดดำหายตัวไปจึงมองสบตากัน เอ่ย “เจ้าไปรายงานจวิ้นจู่ ข้าจะตามไป”
ชายอีกคนพยักหน้า “ระวังตัวด้วย”
นอกเมืองโยวโจว บนเนินเขามีบ้านหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ ด้านนอกประตู ภายใต้แสงจันทร์มีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างสบายใจอยู่บนโต๊ะ มองเห็นชายชุดดำอีกคนปรากฏตัวกลับไม่มีความแตกตื่น เอ่ยเสียงเรียบ “กลับมาแล้วหรือ”
ชายชุดดำยกมือประสานทำความเคารพ เอ่ยอย่างนอบน้อม “รายงานเจ้าสำนัก ข้าน้อยกลับมาแล้วขอรับ”
ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้างดงามภายใต้หน้ากากแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ คนผู้นี้ก็คือกงอวี้เฉินเจ้าสำนักหอธารานั่นเอง กงอวี้เฉินหันมามองลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า เลิกคิ้วเอ่ย “เจ้าโง่สองคนนั่นยังมีชีวิตอยู่หรือ” ชายชุดดำพยักหน้า “ตอบเจ้าสำนัก ยังมีชีวิตอยู่ขอรับ”
“เอ๋ เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ดูเหมือนจะมีเมตตานะ”
ชายชุดดำไม่มีคำจะเอ่ย ซิงเฉิงจวิ้นจู่ร้ายกาจมากจริงๆ แต่เดิมทีก็ไม่ใช่คนชอบสังหารหรือไม่
กงอวี้เฉินส่ายศีรษะ ราวกับมีความกังวล “ตอนนี้ข้าชักสงสัย ส่งอู๋ซินเข้าไปอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ นางมิใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวมั่วเอ๋อร์” ชายชุดดำไม่เข้าใจ ราวกับไม่เข้าใจว่าในเมื่อเจ้าสำนักรู้อยู่แล้วว่าคุณหนูอู๋ซินมิใช่คู่ต่อสู้ของซิงเฉิงจวิ้นจู่ ไยจึงยังส่งนางเข้าไป
กงอวี้เฉินยิ้มหยัน เอ่ย “ขอเพียงนางไม่รนหาที่ตาย เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ไม่มีทางแตะต้องนาง ยิ่งไปกว่านั้น…คนที่เก่งกาจก็ไม่อาจเข้าใกล้ตัวเยี่ยนอ๋องได้ เจ้าเชื่อจริงหรือว่าเยี่ยนอ๋องจะหลงมัวเมาในตัวนาง แม้ว่า…นางจะมีใบหน้านั้น” ชายชุดดำลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ก็คงจะ…ไม่หรือขอรับ” อย่างไรเยี่ยนอ๋องก็เป็นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ยังเป็นช่วงที่อันตราย หากถูกสตรีล่อลวงได้ง่ายๆ ก็คงไม่เหมาะกับชื่อเสียงอ๋องผู้ยิ่งใหญ่เท่าใดนัก เพียงแต่…บนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน แม้แต่พระถังซัมจั๋งยังตกอยู่ในกำมือของหยางกุ้ยเฟยได้
กงอวี้เฉินยกถ้วยเหล้าหันไปหาดวงจันทร์ เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่จำเป็นต้องให้นางมีความสามารถ ยิ่งไม่ต้องให้นางไปต่อสู้กับพระชายาเยี่ยนอ๋อง ไม่ต้องให้นางทำเรื่องสำคัญ นางเองไม่มีความสามารถ ขอเพียงครั้งแรกที่เจอหน้าเยี่ยนอ๋องไม่สังหารนางก็พอ หลังจากนั้น…แน่นอน แน่นอนว่าถ้าหากมีบุตรชายให้เยี่ยนอ๋องได้ก็ยิ่งดี เพียงแต่ ข้าว่านางไม่มีความสามารถนั้น”
ชายชุดดำเอ่ยเสียงเข้ม “วันนี้ซิงเฉิงจวิ้นจู่เชิญคุณชายเสียนเกอไปตรวจเยี่ยนอ๋อง เจ้าสำนัก จะ…”
ดวงตากงอวี้เฉินหดเกร็ง กัดฟันเอ่ย “เสียนเกอหรือ เสียนเกอว่าอย่างไร”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “คล้ายกับจะไม่ได้เอ่ย จวนเยี่ยนอ๋องเองก็ไม่มีความเคลื่อนไหว จากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วยามคุณชายเสียนเกอก็ออกมา อีกทั้ง คุณหนูอู๋ซินก็ไม่ได้ส่งข่าวอันใดมา คงไม่พบสิ่งใดขอรับ” กงอวี้เฉินเงียบไปชั่วครู่ ส่ายศีรษะ “ไม่ได้ เสียนเกอผู้นี้วุ่นวายเกินไป กำจัดเขา”
“เจ้าสำนักหมายถึง?”
“ฆ่าทิ้งเสีย” กงอวี้เฉินเอ่ยเสียงเย็น
ชายชุดดำลังเลเล็กน้อย อดไม่ได้ เอ่ย “เจ้าสำนัก หากสังหารคุณชายเสียนเกอ เกรงว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่จะล้างแค้น อีกทั้งสำนักของคุณชายเสียนเกอเองยังไม่อาจสืบได้แน่ชัด แม้ว่าวรยุทธ์คุณชายเสียนเกอจะไม่โดดเด่น แต่ว่าด้วยวรยุทธ์ของซิงเฉิงจวิ้นจู่และคนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์อาที่ปรากฏตัวในพิธีแต่งงานของซิงเฉิงจวิ้นจู่คงจะไม่ง่าย” ชายวัยกลางคนผู้นั้นสามารถกดได้แม้กระทั่งคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่สองคนรวมกัน อีกทั้งคุณชายเสียนเกอเองก็ไม่ง่าย แม้ว่าวรยุทธ์เขาจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่ว่าการใช้พิษนั้นเชี่ยวชาญดุจเทพ
กงอวี้เฉินเอ่ยเสียงเย็น “เสียนเกอวิชาการแพทย์เยี่ยมยอด เขาเคยรักษาข้า ต่อไปไม่เจอกันเสียจะดีกว่า สังหารเขา”
ชายชุดดำไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอีก เพียงเอ่ยตอบรับ “ข้าน้อยรับ…ใคร!” ดวงตาดุจลูกธนูหันกลับไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ตัวเขาก็พุ่งออกไปทันที บนพุ่มไม้บนเนินเขาไม่ไกลออกไป ชายชุดดำเหมือนกันกำลังมุ่งหน้าลงเขาไป
ดวงตากงอวี้เฉินเย็นยะเยือก เอ่ยเสียงย็น “ขวางเขาเอาไว้ ขัดขวางไม่ได้ ฆ่าทิ้งเสีย”
“ขอรับ” ในมุมมืดมีเสียงตอบรับดังขึ้น
เงาดำหลายสายพุ่งออกไปทันที มุ่งหน้าลงเขาตามไป มุมปากกงอวี้เฉินกระตุกยิ้ม ยกถ้วยเหล้าขึ้นดื่มกับดวงจันทร์ “เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ ร้ายกาจนัก หาข้าเจอเร็วเพียงนี้ มีเจ้าอยู่ช่างไม่เป็นผลดีต่อเรื่องของข้าจริงๆ”
รุ่งเช้า ในยามที่ซิงเวยนำคนมุ่งหน้ามายังตีนเขาพลันพบเข้ากับร่างที่เพิ่งตายไปไม่นาน ใบหน้าที่เย็นชาอยู่แล้วของซิงเวยเยือกเย็นมากขึ้น มองดูคนที่ตายไปและมองไปรอบๆ เอ่ยเสียงเข้ม “พาเขากลับไปก่อน”
“ขอรับ หัวหน้า”
ซิงเวยลอยตัวขึ้นไปบนไหล่เขา บ้านว่างเปล่าไม่มีคน บนโต๊ะหินหน้าบ้านยังมีขวดเหล้าหยกขาวหนึ่งขวดและจอกเหล้าหนึ่งจอกวางอยู่ ในจอกยังมีเหล้าจางๆ เหลืออยู่ครึ่งจอก”