เซียวเชียนชื่อกระตุกมุมปาก เอ่ย “พี่สะใภ้ ชายารองคิดว่าตนเองเป็นที่โปรดปราน แน่นอนว่าไม่เห็นเสด็จแม่อยู่ในสายตา” เซียวเชียนชื่อนั้นเดิมทีอ่อนโยน ไม่เคยว่าร้ายผู้ใด ทว่ากลับเกลียดชังกงเสี่ยวเตี๋ยผู้นี้ที่ทำให้จวนเยี่ยนอ๋องต้องวุ่นวายอลหม่านแล้วยังทำหน้าไร้เดียงสาเป็นที่สุด แน่นอนจึงไม่เกรงใจ
หนานกงมั่วถอนหายใจ “พระชายารอง บางอย่างคิดมากไปก็ไม่ดีนัก”
ซุนเหยียนเอ๋อร์มองสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดของกงเสี่ยวเตี๋ย ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะออกมา “พี่สะใภ้ ไม่เอ่ยดีกว่าเจ้าค่ะ เกิดท่านอ๋องตื่นขึ้นมาพระชายารองบอกว่าเรารังแกนาง ทุกคนต้องคิดเผื่อว่าผลจะเป็นอย่างไรด้วยเจ้าค่ะ”
“ได้อย่างไร” หนานกงมั่วเอ่ย “พระชายารองกงเป็นสตรีจิตใจดีงดงาม อ่อนโยนเพียงนี้ จะใช้มารยาไร้ยางอายแบบนี้ได้เยี่ยงไร จะมาเอ่ยว่าร้ายคนอื่นลับหลังได้อย่างไรเล่า พระชายารอง เจ้าว่าใช่หรือไม่ เมื่อครู่ข้าช่วยเจ้าแล้ว เจ้าอย่าลืมบอกกับเสด็จลุงเล่า ไม่แน่เสด็จลุงอาจพอใจและให้รางวัลข้าก็เป็นได้”
“เจ้า…เจ้า…” กงเสี่ยวเตี๋ยตัวสั่นไปทั้งร่าง กัดฟันเอ่ย “นั่น มัน แน่ นอน อยู่ แล้ว” นางจะบอกว่านางจะฟ้องต่อเยี่ยนอ๋องได้หรือ
“เช่นนี้สิจึงจะถูก” หนานกงมั่วยิ้มตาหยี เอ่ย “การรับใช้ปรนเปรอคนนั้นไม่น่าฟัง แต่การที่ยืนหยัดในการเป็นภรรยารองที่จิตใจดีมีเมตตานับเป็นเรื่องดี”
“…” ดวงตาของกงเสี่ยวเตี๋ยกลอกไปมา ในที่สุดก็สลบไป
สาวใช้ที่ประคองกงเสี่ยวเตี๋ยอยู่มุมปากกระตุกโดยไม่รู้ตัว จวิ้นจู่ ต่อให้พระชายารองกงจะเป็นภรรยารองที่จิตใจดีมีเมตตา แต่ก็หน้ามืดเพราะโกรธท่านได้นะเจ้าคะ
หนานกงมั่วก้มลงมองกงเสี่ยวเตี๋ยบนพื้น “ชายารองกงร่างกายอ่อนแอเกินไป หญิงงามมักอาภัพจริงๆ รีบประคองนางไปพักผ่อนเถิด”
“พี่สะใภ้” เซียวเชียนชื่อกุมขมับอย่างอดไม่ได้ “หญิงงามมักอาภัพคล้ายว่าจะไม่ได้ใช้แบบนี้นะขอรับ” กงเสี่ยวเตี๋ยดูแล้วไม่เหมือนกำลังจะตายเลยสักนิด
“อย่าไปใส่ใจในรายละเอียดนัก” หนานกงมั่วเอ่ย
“ขอรับ ขอบคุณพี่สะใภ้ที่ชี้แนะ” พี่สะใภ้ช่างแข็งแกร่ง ครั้งนี้กลับมาเพียงไม่กี่วัน สามพี่น้องที่เสด็จพ่อพากลับมาก็ล้มไปทั้งหมดแล้ว หากไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกไปตลอดชีวิตก็คงดี
ยามเย็น เยี่ยนอ๋องรู้สึกตัวตื่นแล้วจริงๆ ในห้อง พระชายาที่เห็นเยี่ยนอ๋องลืมตาขึ้นช้าๆ ยกมือเช็ดน้ำตาอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าของเยี่ยนอ๋องปรากฏรอยยิ้มบางๆ “ร้องไห้ทำไมกัน ข้าเป็นอันใดไปหรือ” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยทั้งน้ำตา “ท่านอ๋องนอนหลับนานเกินไปสักหน่อยเพคะ คนทั่วทั้งจวนตกใจกันแย่แล้ว”
เยี่ยนอ๋องลุกขึ้นนั่ง สังเกตร่างกายตนเองแล้วกลับไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอันใด ยื่นมือไปตบหลังมือพระชายาเบาๆ เอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า เอ่ย “ท่านอ๋องนอนหลับไม่ตื่น หมอต่างจนปัญญา โชคดีที่อู๋สยาเชิญศิษย์พี่ของนางมาตรวจดูให้ พวกเราจึงได้สบายใจ”
“คุณชายเสียนเกอหรือ” เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว มองไปยังหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้างองค์หญิงฉังผิง หนานกงมั่วหยิบขวดยาส่งให้ “นี่เป็นยาที่ศิษย์พี่ให้กับเสด็จลุง ช่วยให้จิตใจสงบขึ้น เพียงใส่ไว้ในถุงหอมติดกายหรือในแขนเสื้อก็พอเพคะ” ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หนานกงมั่วจึงเอ่ยเสริมขึ้นมา “ไม่มีกลิ่น เสด็จลุงวางใจได้เพคะ”
เยี่ยนอ๋องยื่นมือไปรับ “ช่วยขอบคุณคุณชายเสียนเกอแทนข้าด้วย”
หนานกงมั่วก้าวขึ้นไปด้านหน้า เอ่ย “หม่อมฉันช่วยตรวจชีพจรให้เสด็จลุงเพคะ”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า ยื่นมือออกมาให้หนานกงมั่วจับชีพจร มีคุณชายเสียนเกอบอก หนานกงมั่วจึงตรวจชีพจรโดยละเอียดมากขึ้น พบว่าชีพจรที่อ่อนแรงของเยี่ยนอ๋องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะบาดแผลเก่า ทว่ากลับเพิ่งมีในช่วงนี้ทว่าอาการไม่หนัก หากรักษาให้ดีคงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อร่างกาย
และยังมีกลิ่นหอมที่ศิษย์พี่บอก มียาของศิษย์พี่ กลิ่นหอมนั้นชัดเจนขึ้นมาจริงๆ คล้ายกล้วยไม้ชนิดหนึ่งทว่าไม่ใช่ กลิ่นหอมอ่อนมาก กลมกลืนไปกับกลิ่นหอมในห้อง หากไม่แยกแยะให้ดีก็ไม่ได้กลิ่น
“เสี่ยวเตี๋ยอยู่ที่ใดแล้ว” ปล่อยให้หนานกงมั่วจับชีพจร พลางค้นพบว่าในห้องนั้นหายไปหนึ่งคน
“ท่านอ๋อง…” กงเสี่ยวเตี๋ยโซซัดโซเซพุ่งเข้ามาจากด้านนอก ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างเตียงเยี่ยนอ๋อง
สีหน้าของเยี่ยนอ๋องอ่อนโยนลง ยื่นมือไปลูบเส้นผมนุ่มของนาง “ร้องไห้ทำไม ข้าไม่เป็นไร”
กงเสี่ยวเตี๋ยรีบเช็ดน้ำตา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องไม่เป็นไรช่างดีจริงๆ หม่อมฉันกลัวมากเลยเพคะ…”
“อย่ากลัว…ไม่เป็นไร” เยี่ยนอ๋องเอ่ย หนานกงมั่วปล่อยแขนของเยี่ยนอ๋อง หันไปยิ้มให้กงเสี่ยวเตี๋ย กงเสี่ยวเตี๋ยตกใจหนานกงมั่ว อดไม่ได้หดตัวไปอยู่หัวเตียง รอยยิ้มของหนานกงมั่วยิ่งสดใสมากขึ้น “ร่างกายของเสด็จลุงไม่ได้เป็นอันใดมาก เพียงอ่อนแอเล็กน้อย ช่วงนี้ทางที่ดี...อืม หึๆ…เรื่องเข้าหอทางที่ดีก็อดใจเอาไว้ก่อน”
สีหน้าเยี่ยนอ๋องทะมึนขึ้นมาเล็กน้อย คนที่อยู่ในสถานการณ์ก็กระอักกระอ่วน
ดีที่ไม่นานเยี่ยนอ๋องก็ได้สติ ส่งเสียงหยัน เอ่ย “ช่วงนี้ร่างกายข้าไม่ดีจริงๆ เรื่องในจวนให้เชียนชื่อจัดการไปก่อน อู๋สยา เจ้าคอยช่วยเชียนชื่อดูแลสักหน่อย ความสามารถของเจ้าข้าวางใจ” หนานกงมั่วและเซียวเชียนชื่อตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ย “ในเมื่อท่านอ๋องตื่นแล้ว ไปรักษาตัวที่เรือนหน้าดีหรือไม่”
ได้ยินเช่นนั้น กงเสี่ยวเตี๋ยก็กำแขนเสื้อเยี่ยนอ๋องแน่น เยี่ยนอ๋องลูบหลังเบาๆ ปลอบใจนาง “ไม่ต้องหรอก ข้าอยู่ที่เรือนเตี๋ยก็ได้ เรือนหน้าคนเยอะข้าเองก็ไม่อาจรักษาตัวอย่างสงบได้”
สีหน้าของพระชายาเข้มขึ้น ทำได้เพียงพยักหน้า เอ่ย “เช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านอ๋องว่าเถิด”
การปะทะกันครั้งนี้ระหว่างภรรยาเอกและภรรยารอง สุดท้ายเห็นชัดว่ากงเสี่ยวเตี๋ยชนะ มองกงเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่ข้างเตียง ท่าทางว่าง่าย มุมปากหนานกงมั่วยกยิ้มขึ้นมา ชนะหรือ ใครแพ้ใครชนะยังไม่อาจบอกได้หรอก
กลางดึก จวนแห่งหนึ่งห่างจากจวนเยี่ยนอ๋องไม่ไกล เงาดำลอยพุ่งเข้าไปด้านในเรือนอย่างรวดเร็ว เปิดประตูเรือนด้านในออกด้วยความคุ้นเคย ภายในห้อง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาคว่ำตัวอยู่บนเตียง ด้านข้าง หญิงสาวงดงามดั่งหยกกำลังนวดไหล่ให้เขา เมื่อมีเสียงดังขึ้น หญิงสาวล้มลงไปกองบนพื้นโดยไร้เสียง ชายหนุ่มลืมตาและมองไปยังประตูทันที “ใคร”
ชายหนุ่มผู้นั้นก็คือคุณชายใหญ่กงที่เพิ่งถูกโบยไปเมื่อวาน
ชายชุดดำส่งเสียงหยัน เอ่ย “เจ้าช่างมีความสุข ลืมไปแล้วหรือว่านายท่านให้เจ้ามาทำอันใด”
คุณชายใหญ่กงส่งเสียงหยัน กลอกตา เอ่ย “มีความสุขอันใด เมื่อวานข้าเพิ่งถูกโบยไป พระชายารองกงของพวกเจ้าจะได้เรื่องหรือไม่ เยี่ยนอ๋องมองพวกเราถูกโบยยังไม่คิดปล่อย ยังโบยเพิ่มอีกตั้งยี่สิบไม้หนักๆ”
ชายชุดดำเอ่ย นั่นเพราะเจ้าโง่ เพิ่งเข้าไปอยู่ในจวนก็กล้าหาเรื่องซิงเฉิงจวิ้นจู่ ยังมีชีวิตรอดมาได้นับเป็นความโชคดีของเจ้า”
คุณชายใหญ่กงพลันโกรธขึ้นมา “คิดว่าข้าโง่ก็ไปหาคนอื่นเสีย”
กริชสั้นจี้มาที่ลำคอของเขา ชายชุดดำหรี่ตา เอ่ย “หากมิใช่เพราะเจ้ายังมีประโยชน์ เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้หรือ ล่วงเกินนายท่าน เจ้าจะไม่ตายทั้งเป็น เพียงอาจเสียใจภายหลังว่าไยต้องเกิดมาบนโลกนี้” คุณชายใหญ่กงตัวสั่นเทา รีบหดลำคอพร้อมกับเอ่ยว่า “ก็ได้ๆ ข้าสำนึกผิดแล้วไม่ได้หรือ เจ้ามาหาข้าคงมิใช่เพียงเพื่อมาข่มขู่ข้าใช่หรือไม่”