ตอนที่ 937 ปรากฏตัวแล้ว
บรรดาเทพเซียนแต่ละคนล้วนมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างใหญ่หลวงทีเดียว
หากเป็นเทพเซียนรุ่นเล็ก พวกเขาก็ลงโทษได้ในทันที แต่นี่เทพชางเวยเป็นผู้ก่อเรื่องนี้ จึงมีความหมายที่แตกต่างออกไป เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าชางเวยทำเช่นนั้นไปทำไม มิใช่ว่าไม่มีโลกปีศาจแล้วหรือ อีกทั้งเหตุใดเขาต้องทำเรื่องที่เสี่ยงมากถึงเพียงนี้ด้วย!
“ข้าไม่ได้ทำ” ชางเวยตอบหน้าตาเฉย จากนั้นก็กวาดตามองคนอื่นๆ “ข้าชอบอยู่เงียบๆ ต่อไปหากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีศาจอีก ไม่ต้องมาเรียกตัวข้า”
กล่าวจบ ชางเวยก็สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไปทันที
ท่าทางเช่นนี้ทำให้ทุกคนโกรธยิ่ง
“องค์จักรพรรดิ ชางเวยผู้นี้ลงไปที่โลกมนุษย์มา มิใช่ว่าสัมผัสไอชั่วร้ายอะไรเข้าแล้วกระมัง ไฉนตอนนี้จึงเปลี่ยนเป็นคนไม่รู้ความเช่นนี้ได้พะย่ะค่ะ”
“เปลี่ยนหรือ” เทพชีมู่ส่ายหน้า “ในหมู่พวกเจ้ามีสักกี่ตนที่เคยเห็นเขาในยุคโบราณ ตอนนั้นเขาก็นิสัยใจคอแบบนี้ ข้าว่า พวกเจ้า…ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว”
“เทพชีมู่ สัตว์ปีศาจของเจ้าก็หายไปเหมือนกันนะ!” มีคนกล่าวอย่างโมโห
“ข้ารู้ เพียงแต่ข้าคิดว่า…” เทพชีมู่ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าว “เรื่องที่สัตว์ปีศาจหายไปดูมีเลศนัยอยู่บ้าง เมื่อก่อนก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้าลองคิดๆ อย่างถี่ถ้วน ที่งานเลี้ยงครั้งใหญ่ของข้าครานั้น เทพธิดาที่อยู่ข้างกายเทพชางเวยผู้นั้นพาฉื่อเหยียนกลับไปด้วยตนเอง เทียบกับเทพชางเวย เทพธิดาผู้นั้นและฉื่อเหยียนน่าสงสัยเสียยิ่งกว่า”
“อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ได้หรือไม่”
“ตัวข้าสงสัยว่า ซ่งอิงผู้นี้ก็คือสืออิ๋งที่อยู่ในโลกมนุษย์ เทพชางเวยไม่ได้กำจัดปีศาจ และใช้วิธีการบางอย่างปกปิดกลิ่นอายลมหายใจของสืออิ๋ง บัดนี้สืออิ๋งพาฉื่อเหยียนไปแล้ว อีกทั้งเป็นไปได้เช่นกันว่าจะหาวิธีฟื้นจิตสำนึกของฉื่อเหยียนได้แล้ว ด้วยความสามารถของราชันปีศาจสองตน การพาสัตว์ปีศาจหนีก็คงไม่ใช่ปัญหากระมัง” เทพชีมู่กล่าวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากล่าวจบ ทันใดนั้นก็มีคนถลันเข้ามา
“องค์จักรพรรดิสวรรค์พะย่ะค่ะ อสูรทั้งหมดในหอคอยฝึกฝนเทพหายไปแล้วพะย่ะค่ะ!”
ครั้นถ้อยคำนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
“ทั้งหมดเลยหรือ!” จักรพรรดิสวรรค์เองก็งุนงงจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเช่นกัน “รวมถึงราชันปีศาจสองตนนั้นด้วยหรือ!”
“ใช่แล้วพะย่ะค่ะ เฟยเหลียนและเฟยเอ้อไม่อยู่แล้วพะย่ะค่ะ แต่ที่หอคอยฝึกฝนเทพแห่งนี้มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ช่วงนี้ไม่เห็นผู้ใดเข้าไปเลย ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นพะย่ะค่ะ…”
หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้มีปีศาจหายไปจากโลกเทพเป็นจำนวนมากเกินไป เขาจึงไปสอดส่องทางด้านหอคอยฝึกฝนเทพด้วยสักหน่อย เกรงว่าคงไม่รู้เรื่องไปอีกพักใหญ่!
“ชีมู่ ถ้อยคำที่เจ้าเอ่ยเมื่อครู่ เจ้ามั่นใจเพียงไหนหรือ” จักรพรรดิสวรรค์กล่าวถาม
ชีมู่ตะลึงงัน รู้สึกงุนงงเล็กน้อย “เดิมที…เดิมทีก็ไม่มั่นใจมากนักพะย่ะค่ะ เพียงแต่…”
“มีอะไรก็รีบพูดมา!”
“องค์จักรพรรดิ สืออิ๋งและฉื่อเหยียนขโมยสัตว์ปีศาจได้ไม่ยาก ทว่าการบุกรุกเข้าไปในหอคอยฝึกฝนเทพ เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปได้โดยไม่มีร่องรอยอะไรเลยพะย่ะค่ะ อีกทั้งปีศาจรุ่นใหญ่และราชันปีศาจเหล่านั้นก็ถูกขังอยู่ชั้นในหอคอยมาโดยตลอด มิหนำซ้ำยังดุร้ายกว่าสัตว์ปีศาจส่วนใหญ่ พวกมันสติไม่ชัดเจน เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้อื่นนำตัวไปง่ายๆ ดังนั้น…ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…” เทพชีมู่หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง
จักรพรรดิสวรรค์เองก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เช่นกัน “เจ้าหมายความว่า…จักรพรรดิปีศาจปรากฏตัวแล้วหรือ”
“พะย่ะค่ะ ในโลกนี้ มีเพียงจักรพรรดิปีศาจเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้ แต่โลกปีศาจสูญสลายไปนานแล้ว จักรพรรดิปีศาจผู้นี้…มาจากที่ใดกันเล่าพะย่ะค่ะ” ชีมู่งุนงงสับสนมาก
เขาพลันนึกถึงเทพธิดาจากโลกมนุษย์ผู้นั้นขึ้นมาในหัว
บุคลิกและอุปนิสัยที่คุ้นๆ เพียงนั้น แม้ว่ารูปลักษณ์แตกต่างกัน แต่นิสัยสบายๆ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทั้งยังกระทำการตามอำเภอใจ เป็นอะไรที่เหมือนกับจู๋อิ๋งราวไม่ผิดเพี้ยน!
ชีมู่วิตกกังวลเล็กน้อย
เขายังจำเรื่องเมื่อหลายปีก่อนได้อย่างชัดเจน หากเป็นราชันปีศาจพวกนั้นก็แล้วไป แต่หากเป็นจู๋อิ๋ง เขาไม่กล้าเข้าไปมีเรื่องด้วยจริงๆ!
ครั้นคิดเยี่ยงนี้ ชีมู่พลันลุกขึ้นมาอย่างประหม่า “ช่วงนี้ข้าน้อยพบว่ามีปัญหาในการบำเพ็ญเพียรเล็กน้อย อาจจำเป็นต้องขอเวลาเก็บตัวสักระยะพ่ะค่ะ…”
ตอนที่ 938 ต้องหน้าไม่อายขนาดไหน
เทพชีมู่พูดจบก็รีบร้อนเดินออกไป
ไม่ว่าเทพธิดาจากโลกมนุษย์ผู้นี้เป็นจู๋อิ๋งหรือไม่ เขาล้วนจำเป็นต้องหลบลี้หนีหน้าไว้ จะไปมีเรื่องบาดหมางกับโลกปีศาจไม่ได้เป็นอันขาด
โดยเฉพาะบัดนี้ สัตว์ปีศาจหายไปหมดแล้ว ถึงแม้ไม่ใช่ฝีมือจู๋อิ๋ง ก็ต้องเป็นฝีมือของราชันปีศาจหลายตนร่วมมือกันแน่นอน โลกเทพยังจะนิ่งดูดายได้ที่ไหนกัน ต้องสั่งให้เทพเซียนไปปราบปรามเป็นแน่กระมัง ถึงตอนนั้นหากให้เขาออกไปรบจะทำอย่างไรเล่า
จะร้ายจะดีตอนนั้นเขากับจู๋อิ๋งก็ถือว่ามีมิตรภาพต่อกันอยู่บ้าง เรื่องราวในตอนนั้นที่โลกเทพกระทำก็เป็นเรื่องไร้คุณธรรม หากเขาต้องออกไปต่อสู้ถึงที่อีก เทพเซียนเช่นเขาผู้นี้ก็ออกจะดูไม่ใช่คนดีมีคุณธรรมอะไรแล้ว
ท่าทางเช่นนี้ของเทพชีมู่ ทำให้จักรพรรดิสวรรค์เผยสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง
เพียงแต่ตรงนี้เทพเซียนอยู่กันมาก เทพระดับเสินจวินและเทียนจุนต่างก็เป็นอิสระจากพันธนาการแห่งจารีตประเพณีที่ยืดหยุ่นและเข้มงวดของโลกแล้ว ถึงแม้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ชักสีหน้าใส่พวกเขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนไว้
แต่กลับยังหารือเรื่องนี้ไม่จบเลย
การหายไปของสัตว์ปีศาจครานี้ จะเพิกเฉยก็คงไม่ได้กระมัง
จักรพรรดิสวรรค์ครุ่นคิดอยู่ในใจพักใหญ่ จากนั้นจึงเตรียมนำเรื่องนี้ไปให้เทพฟ่านโยวจัดการ
ถึงแม้เทพฟ่านโยวผู้นี้ไม่ชอบจัดการเรื่องราวต่างๆ แต่เรื่องโลกปีศาจตอนนั้นก็เป็นฝีมือเขากับจักรพรรดิสวรรค์องค์ก่อน ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์องค์ก่อนไม่อยู่แล้ว แต่เทพฟ่านโยวยังอยู่ หากโลกปีศาจเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง สิ่งแรกที่จะทำก็คือไปคิดบัญชีกับฟ่านโยว ดังนั้นเรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องของเขา
เทพเซียนรุ่นเล็กรีบนำเรื่องนี้ไปอธิบายกับเทพฟ่านโยวในทันที
ฟ่านโยวไม่สนใจเรื่องราวต่างๆ มาแต่ไหนแต่ไร ทว่าตอนนี้มีเทพเซียนมากมายมาหาตน ก็ทำได้เพียงรับฟังไว้หน่อย
แต่เมื่อรับฟังจนจบ ฟ่านโยวถึงกับตกตะลึง
“แม้แต่สัตว์ปีศาจในหอฝึกฝนเทพก็ไม่อยู่แล้วหรือ!” ฟ่านโยวถามทันที
“เป็นอย่างที่ว่านั่นละ มิฉะนั้นข้าคงไม่กล้ามารบกวนท่านหรอก” เทพเซียนรุ่นเล็กถอนหายใจ “เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราชันปีศาจในโลกมนุษย์ตนนั้นหรือไม่ จึงถามเรื่องนี้กับเทพชางเวย ไม่คิดเลยว่าเทพชางเวยกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย…”
ฟ่านโยวเข้าใจนิสัยใจคอของชางเวย เขาไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของโลกเทพนี้มาแต่ไหนแต่ไร ย่อมไม่เป็นกังวล หรือโกรธเกรี้ยวเพราะเรื่องนี้
“จากมุมมองของเทพชีมู่ เรื่องนี้…ค่อนข้างมีลับลมคมใน ทว่าเทพชีมู่ก็กล่าวอีกว่าตนเองจำเป็นต้องเก็บตัวเพื่อฝึกฝนบำเพ็ญเพียร ดังนั้น…” เหล่าเทพเซียนต่างก็กระวนกระวายใจไม่น้อย
พวกเขากลัวว่าเทพฟ่านโยวจะไม่เต็มใจช่วยจัดการให้เช่นกัน
“ในโลกนี้ ไม่มีราชันปีศาจตนไหนที่จะพาปีศาจในหอคอยฝึกฝนเทพออกไปได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น” เทพฟ่านโยวกล่าว
“ก็นั่นสิ เทพชีมู่ก็กล่าวเยี่ยงนี้ เขาหมายความว่า ที่มีความเป็นไปได้ที่สุดคือจักรพรรดิปีศาจเป็นผู้กระทำ”
สีหน้าฟ่านโยวสงบไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด ทว่าในใจของเขากลับเต้นแรงมาก
ชีมู่พูดไว้ไม่ผิด นอกจากจู๋อิ๋ง ปีศาจตนอื่นไม่มีความสามารถนี้
ในฐานะจักรพรรดิปีศาจ ความผูกพันโดยธรรมชาติของจู๋อิ๋งที่มีต่อปีศาจแข็งเป็นอะไรที่แข็งแกร่งมาก!
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว…
ฟ่านโยวเองนึกถึงวันนั้น ที่ซ่งอิงผู้นั้นพาตัวฉื่อเหยียนไปต่อหน้าตนได้
ฉื่อเหยียนเป็นถึงผู้ใด ถึงแม้กลายร่างเป็นปีศาจแต่ก็กำจัดนิสัยดุร้ายของเขาไปไม่ได้ จะถูกเทพธิดาตัวเล็กๆ กล่าวเพียงประโยคเดียวก็พาตัวไปได้เลยได้อย่างไร
นางคือจู๋อิ๋งหรือ!
ฟ่านโยวใจเต้นรัว
แต่อีกใจก็ไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก
เขาเห็นกับตาว่าจู๋อิ๋งสลายเป็นฝุ่นไปแล้ว จะปรากฏตัวอีกครั้งได้อย่างไร แต่หากเป็นจักรพรรดิปีศาจคนใหม่ ในโลกจะต้องเกิดปรากฏการณ์ประหลาดๆ เป็นแน่ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ฟ่านโยวตอบรับเรื่องนี้ในทันที
เขามีความสงสัยในใจ อีกทั้งเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับจู๋อิ๋ง ย่อมต้องไปถามด้วยตัวเองสักหน่อย
เขาจึงไปปรากฏตัวที่ขุนเขาผูอิ่งทันที
ในอดีตเขาก็เป็นหนึ่งในเจ้านายของขุนเขาผูอิ่ง แต่ตอนนี้ชางเวยกลับมาแล้ว แน่นอนว่าค่ายกลก็ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน เขาอยากกลับเข้าไปอีกจึงเป็นเรื่องยาก
เขาจึงขวางอยู่ที่ด้านนอก
“ไม่นึกเลยว่าเขายังถือของขวัญที่ข้าให้เมื่อตอนนั้นเอาไว้ในมืออีกด้วย ต้องหน้าไม่อายขนาดไหนเชียว” ซ่งอิงแสยะยิ้ม