องค์ชายสามไม่ได้ชื่นชมต้นซานจาต่อ เขาบอกชื่อของขันทีข้างตัวกับองครักษ์แก่เฉินตันจู
“เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเวลา” เขาพูด
หากคนอื่นอาจต้องลำบากเล็กน้อย เพราะอย่างไรก็ตามองค์ชายสามพักอยู่ในพระราชวัง แต่สำหรับคุณหนูตันจูแล้ว พระราชวังไม่ใช่ปัญหา
เฉินตันจูพยักหน้า พร้อมชี้มือไปรอบด้าน “องครักษ์ของหม่อมฉันชื่อจู๋หลิน หากมีความจำเป็นหม่อมฉันจะให้เขาไปหาท่าน”
องค์ชายสามมองไปรอบด้านตามที่นางชี้ แต่ไม่เห็นคนแม้แต่คนเดียว หากว่าเขาเข้าใจว่าคนผู้นั้นอยู่รอบด้าน…จู๋หลิน ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่เขารู้ว่าองครักษ์หลวงแซ่หลินล้วนเป็นองครักษ์หลวงที่ดีที่สุดของฮ่องเต้
คนเหล่านี้นอกจากเป็นองครักษ์ลับข้างกายของฮ่องเต้แล้ว ยังมีอีกจำนวนหนึ่งพระราชทานให้แม่ทัพหน้ากากเหล็ก ส่วนแม่ทัพหน้ากากเหล็กมอบต่อให้เฉินตันจู
องค์ชายและองค์หญิงอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครอง
องค์ชายสามยิ้มเล็กน้อย ไม่สนใจว่าองครักษ์หลวงนั้นจะแอบจับตาดูอยู่รอบด้าน ยิ่งไม่สนใจว่า องครักษ์หลวงนั้นไม่ออกมาคารวะ เขาขอตัวลาจากเฉินตันจู เฉินตันจูส่งเขาไปถึงประตูของสวนด้านหลังตำหนักด้วยตนเอง แม้แต่พระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ต้อนรับองค์ชายยังไม่กล้าเดินขึ้นหน้า ทำได้เพียงมองดูเฉินตันจูส่งองค์ชายสามจากไปจากระยะไกล
เมื่อส่งองค์ชายสามจากไปแล้ว เฉินตันจูเดินไปเดินมาครุ่นคิดหาทางในการขจัดพิษด้วยความดีใจ แต่ในเวลาหนึ่งนางยังไม่มีความคิด จึงเงยหน้าเรียกขานจู๋หลิน
จู๋หลินออกมาถามว่าต้องการอันใดอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนหน้านี้ตำราแพทย์และยาล้วนหยิบมาจนหมดแล้ว หรือว่ายังต้องขนอารามดอกท้อมาอีก? อีกไม่กี่วันก็ออกไปได้แล้ว อดทนไว้เถิด
“รักษาโรคช่วยคนจะอดทนได้อย่างไร” เฉินตันจูสั่งสอนจู๋หลิน “ไต้ฟูอย่างข้ามีจิตดุจดั่งบิดามารดา ไม่อาจรอได้”
“พาอาเถียนมาด้วย”
“อย่าลืมซื้อของกินอร่อยๆ กลับมาด้วย”
จู๋หลินถือกระดาษแผ่นยาวที่เขียนเต็มไปด้วยชื่อของสมุนไพรหนึ่งแผ่นพร้อมทั้งกระดาษที่เขียนเต็มไปด้วยรายชื่อของกินอีกหนึ่งแผ่นกลับไปยังอารามดอกท้อ อาเถียนที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อได้ยินว่าคุณหนูต้องการให้นางเข้าไปพบ ทันใดนั้นก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
“กักบริเวณสิบวันผ่านไปห้าวันแล้ว คุณหนูเพิ่งรับข้าไปได้” นางทั้งเสียใจทั้งเป็นห่วง “เห็นได้ชัดว่านางต้องถูกวัดถิงอวิ๋นทรมาน”
ก่อนจะมองดูรายชื่ออาหารที่ยาวเหยียด น้ำตาแทบจะร่วงหล่นลงมา
“คุณหนูลำบากเสียจริง”
จู๋หลินมองฟ้า คิดมากเกินไปแล้ว คุณหนูของเจ้าไม่ใช่ถูกทรมานจนไม่อาจรับเจ้าได้ หากแต่มีคนใหม่จึงลืมเจ้าไปเท่านั้นเอง หลายวันนี้นางเล่นกับองค์ชายสามอย่างมีความสุขมาก
ไม่ว่าจู๋หลินจะแย้งอย่างไร อาเถียนก็ยังคงเร่งเร้าให้จู๋หลินเคลื่อนรถพานางไปหาซื้อสมุนไพรและอาหารในเมือง อีกทั้งยังแวะไปหุยชุนถังอีก
หลายวันนี้เนื่องจากหลิวเวยเป็นห่วงเฉินตันจูจึงเฝ้ารออยู่ที่ร้านยาเสมอ ร้านยามีคนเข้าออกมาก ย่อมสามารถได้ยินข่าวมากขึ้น เมื่อเห็นอาเถียนเดินทางมาทั้งตะลึงทั้งดีใจ
“อย่ากังวล ข้ากำลังจะไปเยี่ยมคุณหนูแล้ว” อาเถียนบอกนาง
หลิวเวยถามอย่างกังวล “เยี่ยมได้หรือ” กักบริเวณของคนทั่วไปก็ไม่อาจให้สาวรับใช้เยี่ยมได้ ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้คือการลงโทษของฮองเฮา อีกทั้งยังอยู่ที่วัดถิงอวิ๋น
“คุณหนูบอกว่าได้ก็ย่อมได้” อาเถียนพูด
อืม อย่างไรคุณหนูตันจูก็แตกต่างจากคุณหนูท่านอื่น หลิวเวยยิ้ม อีกทั้งยังมีความห่วงใยจากองค์หญิงจินเหยา พูดถึงความห่วงใยจากองค์หญิงจินเหยา หลิวเวยก็อดดีใจไม่ได้ ไม่คิดว่าองค์หญิงจินเหยายังระลึกถึงนาง เมื่อเฉินตันจูถูกลงโทษให้กักบริเวณ องค์หญิงยังส่งนางในมาปลอบนาง ให้นางไม่ต้องกังวล
ประจวบกับพี่อาอวิ้นมารับนางในเวลานั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้อาอวิ้นจึงตกตะลึงอย่างมาก ดังนั้นนางจึงบอกว่ายังไม่เดินทางไปจวนของท่านยายชั่วคราว รอฟังข่าวอยู่ในจวนของตนเอง หากฮ่องเต้และฮองเฮาซักถามเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานั้นขึ้นมานั้น อาอวิ้นจึงผงะไป ไม่กล้าโน้มน้าวให้กลับไป ทุกคนในตระกูลฉางที่ได้ยินข่าวก็รู้สึกกระวนกระวาย ฮูหยินรองตระกูลฉางจึงพาอาอวิ้นมาพักที่ตระกูลหลิว บอกว่าหากมีเรื่องจะสามารถช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น…ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนของตระกูลฉางมาพักที่ตระกูลหลิวในเวลาสิบกว่าปี
หลิวเวยไม่รู้สึกอะไร แต่ใบหน้าของท่านแม่มีรอยยิ้มมากขึ้น ท่านพ่อยืดหลังตรงกว่าแต่ก่อนมากขึ้น
ทุกสิ่งนี้ล้วนเป็นเพราะคุณหนูตันจู
หลิวเวยหยิบขนมกล่องหนึ่งที่เตรียมไว้ออกมา “ข้าไม่รู้ว่านางชอบกินสิ่งใด ปกตินางมักจะนำขนมมาให้ข้ากิน ข้าจึงเตรียมไว้ให้นางบางส่วน เป็นฝีมือของท่านแม่ข้าเอง”
นอกจากนี้ยังมีตำราแพทย์ม้วนหนึ่ง
“สิ่งนี้คือบันทึกของท่านทวดข้าในเวลานั้น วิชาแพทย์ตระกูลข้าทั่วไป มอบให้คุณหนูตันจูไปอ่านเถิด”
อาเถียนรับเอาไว้อย่างดีใจ “คุณหนูต้องชอบอย่างแน่นอน” นางและจู๋หลินเดินทางมาถึงวัดถิงอวิ๋น
พร้อมสิ่งของนานาชนิดครึ่งคันรถ
ได้ยินว่าเป็นสาวรับใช้ของคุณหนูตันจู พระสงฆ์ที่เฝ้าประตูก็ไม่กล้ารั้งเอาไว้ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินมองไม่เห็นให้นางเข้าไป
นายบ่าวพบหน้ากัน อาเถียนทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ จับเฉินตันจูมองสำรวจบนล่างซ้ายขวา พูดอย่างโศกเศร้า “คุณหนูผอมไปแล้ว”
เฉินตันจูบีบหน้าของตนเองพลางพยักหน้า “ผอมลงจริง”
จู๋หลินที่กลับขึ้นไปบนหลังคาจ้องมองใบหน้าแดงระเรื่อของเฉินตันจูคิดภายในใจ มองไม่ออกเสียจริง
เมื่อเห็นภายในอุโบสถมีคนเพิ่มขึ้น ตงเซิงตกใจเป็นอันดับแรก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดีใจ…ยังไม่ต้องสนใจว่ากักบริเวณสามารถนำสาวรับใช้มาได้หรือไม่ ในเมื่อสาวรับใช้นี้มาแล้ว เขาย่อมไม่ต้องคัดคัมภีร์แล้วใช่หรือไม่
แต่เขาก็ผิดหวังอย่างรวดเร็ว สาวรับใช้นั้นนอกจากช่วยเฉินตันจูฝนหมึกค้นหาตำราแล้ว เวลาอื่นก็นั่งเฉยๆ อยู่บนสันถัต
เขาทำใจกล้าไปเตือนให้นางคัดคัมภีร์แทนคุณหนู แต่ก็โดนนางเขกหัวกลับมา “ไม่เห็นว่าพี่ยุ่งอยู่หรือ เจ้าเด็กคนนี้อย่าได้อู้งาน”
สาวรับใช้กับคุณหนูดุเหมือนกันเสียจริง เณรน้อยตงเซิงทำได้เพียงคัดต่อไปด้วยใบหน้าหม่นหมอง แต่ว่าสาวรับใช้คนนี้มักจะแบ่งขนมอร่อยให้เขากิน…อีกทั้งยังบอกว่าขนมเหล่านี้ทำมาจากน้ำมันพืช กินได้อย่างสบายใจ
เมื่ออาจารย์ฮุ่ยจื้อเห็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าวันสุดท้ายแล้ว ในที่สุดเขาก็วางลูกประคำและมู่อวี๋ลงอย่างโล่งใจ จากนั้นจัดระเบียบชุดแล้วเปิดประตูเดินออกมา
“รถของคุณหนูตันจูไปแล้วหรือไม่…” เขาถามพระสงฆ์ที่เฝ้าอยู่ด้านหลังประตู
เพิ่งเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “อาจารย์ฮุ่ยจื้อ…”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อใจหล่นวูบ เหตุใดจึงยังไม่ไปอีก ก่อนหน้านี้เหล่าพระสงฆ์รายงาน ขันทีและนางในของฮองเฮาเดินทางมาถึงแล้ว เฉินตันจูก้มกราบขอบพระทัยฮองเฮาแล้ว ย่อมต้องจากไปอย่างไม่รอช้า เขาคำนวณเวลาว่ารถควรจะจากไปแล้ว เหตุใด…
เขามองไปตามเสียง เห็นบริเวณใต้ต้นไม้ที่ห่างออกไปไม่ไกล เฉินตันจูกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หินโบกมือให้เขา
อาจารย์ฮุ่ยจื้อทำได้เพียงเดินเข้าไป
“อาจารย์” เฉินตันจูพูดอย่างดีใจ “ไม่พบกันนาน”
ไม่พบก็ไม่เป็นอันใด อาจารย์ฮุ่ยจื้อคิดภายในใจ ก่อนจะมองขนมและผลไม้ตากแห้งที่วางอยู่เต็มโต๊ะหิน เฉินตันจูกำลังหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อย
“ท่าน ท่าน ท่านอย่าได้ทำเกินไป” เขาพูดเสียงต่ำอย่างขุ่นเคือง “ท่านกินอาหารด้านนอกภายในวัดอาตมาได้อย่างไร บาปกรรมเสียจริง”
เฉินตันจูมองขนมภายในมือ พลางส่ายหัวถอนหายใจ “อาจารย์ ข้าไม่ได้ทำเกินไปเสียหน่อย”
ต้องรู้ว่าหลี่เหลียงเมื่ออดีตชาติจัดโต๊ะอาหารคาวในวัดถิงอวิ๋น อีกทั้งยังวางแผนสังหารคนในวัดอีกด้วย
เวลานี้นางเพียงแค่กินขนมเล็กน้อย อีกทั้งยังกำชับอาเถียนเลือกขนมที่ไม่เป็นของคาวมาด้วย ยิ่งไม่มีการสังหารคน นางยังคิดหาทางทำยาช่วยเหลือคนในวัดอีก
อาจารย์ฮุ่ยจื้อไม่โต้เถียงกับนาง ถามอย่างระแวง “เหตุใดคุณหนูตันจูจึงยังไม่จากไป”
เฉินตันจูพูด “ข้ายังไม่ได้พบอาจารย์ฮุ่ยจื้อ ข้าจะจากไปโดยไม่ลาได้อย่างไร”
“คุณหนูตันจูไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้” อาจารย์ฮุ่ยจื้อนั่งลงด้านข้าง “อาตมาก็ไม่เกรงใจกับท่าน ท่านอย่าได้ก่อเรื่อง คำพูดอย่างการล้มฮองเฮาเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องพูดกับอาตมา”
เฉินตันจูผงะ “เหตุใดท่านจึงต้องล้มฮองเฮา”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อตกใจ “ท่านอย่าใส่ร้ายอาตมา ท่านเป็นคนพูดแท้ๆ อาตมาไม่ได้พูด”
เฉินตันจูถลึงตา “ข้าพูดเมื่อใดกัน”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อชี้ไปที่หัวใจของนาง สีหน้าหนักใจ “ท่านไม่ได้พูดในใจหรือ”
เฉินตันจูกระจ่าง เพราะว่าครั้งก่อนนางมาบอกให้อาจารย์ฮุ่ยจื้อล้มท่านอ๋องอู๋…เวลานี้ฮองเฮาลงโทษนาง นางแค้นอยู่ภายในใจ ดังนั้นจึงต้องการแก้แค้น…นางหัวเราะร่าขึ้นมาทันที
“อาจารย์ เรื่องแค่นี้เอง ข้าดื้อรั้นไปเสียจริง เหนียงเหนียงลงโทษข้าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง สมควรแล้ว ข้าจะโกรธแค้นได้อย่างไร”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อทำหน้าไม่เชื่อ
เฉินตันจูเอามือยันคางมองไปยังเขา “อาจารย์ ถึงแม้ข้าจะเป็นคนทรยศ มีแค้นต้องชำระภายในสายตาของท่าน เฮ้อ แต่ท่านก็ต้องตระหนักก่อน ข้าเป็นแค่คนผู้น้อย มีความสามารถนั้นที่ใดกัน ท่านยกยอข้ามากเกินไปแล้ว”
สีหน้าของอาจารย์ฮุ่ยจื้อเคร่งเครียด ภายในดวงตาฉายแววฉงน “ถึงแม้อาตมาไม่อยากเชื่อ แต่ไม่รู้เหตุใด อาตมานั่งสมาธิต่อหน้าพระพุทธเจ้า อาตมาบรรลุได้ว่าคุณหนูตันจูไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้”
ช่างน่าขันสิ้นดี เฉินตันจูยิ้ม ก่อนจะชี้นิ้วมาหาตนเอง “อาจารย์ ท่านดูข้าเวลานี้เหมือนไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้หรือ”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อมองนาง “ถึงแม้เวลานี้ยังไม่ได้ แต่ภายภาคหน้าอาจทำได้”
อย่างไรเขาก็ไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับคุณหนูตันจูนี้เด็ดขาด!