ถึงแม้อาจารย์ฮุ่ยจื้อจะปิดประตูนั่งสมาธิ แต่เขาก็จับตาดูเรื่องต่างๆ ภายในวัดอยู่ตลอดเวลา
พระสงฆ์รูปหนึ่งเคาะประตูสามที ประตูถูกเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าระแวงของ
อาจารย์ฮุ่ยจื้อ
“อาจารย์ ข้า…” พระสงฆ์พูด พลันจะเดินเข้าไปด้านใน แต่ถูกอาจารย์ฮุ่ยจื้อยื่นมือรั้งเอาไว้
อาจารย์ฮุ่ยจื้อชะโงกหน้าออกมามองซ้ายมองขวา
พระสงฆ์พูด “อาจารย์ วางใจ คุณหนูตันจูไม่ได้ตามมา”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อตรวจดูจนมั่นใจว่าด้านนอกไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติด้วยตนเอง ก่อนจะเปิดประตูให้พระสงฆ์เข้ามา พลางถาม “วันนี้คุณหนูตันจูทำอันใดบ้าง”
พระสงฆ์พูดอย่างดีใจ “วันนี้คุณหนูตันจูไม่ได้เดินเล่นไปทั่ว อีกทั้งไม่ได้ไปก่อกวนที่โรงอาหาร อยู่ภายในอุโบสถตลอดทั้งวัน ตงเซิงบอกว่าถึงแม้ยังคงไม่ยอมคัดคัมภีร์ แต่ไม่นอนหลับแล้ว”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อไม่มีทีท่าผ่อนคลายแม้แต่น้อย มือของเขาบีบลูกประคำเอาไว้พลันถาม “ยังเหลืออีกกี่วัน”
พระสงฆ์พูด พลางยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง “เหลือเพียงห้าวันแล้ว อาจารย์วางใจเถิด”
ห้าวันวางใจอันใดกัน เวลายาวนานเพียงนี้ อาจารย์ฮุ่ยจื้อคิดภายในใจ อีกทั้งจุดประสงค์ที่คุณหนูตันจูยอมมาวัดถิงอวิ๋นยังไม่เปิดเผยออกมา
การลงโทษของฮองเฮา คำสั่งของฮ่องเต้? สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือคุณหนูตันจูยอมมา ย่อมต้องมีความคิดอย่างอื่น อาทิเพื่อบอกกับเขาว่า พวกเราล้มฮองเฮาด้วยกันเถิด…
เขาควรทำอย่างไร
หากเขาไม่ตกลง คุณหนูตันจูล้มเขาขึ้นมาจะทำอย่างไร เขาเพิ่งได้ขึ้นครองตำแหน่งราชครู อนาคตอีกยาวไกล…
“อาจารย์ อาจารย์” ด้านนอกประตูมีพระสงฆ์วิ่งมาเคาะประตูอีกรูป หลังจากเข้ามาพูดเสียงเบา “คุณหนูตันจูไปพบองค์ชายสามอีกแล้ว”
พระสงฆ์รูปก่อนหน้านี้ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ รีบพูด “องค์ชายสามที่บอกว่าจะจากไปเมื่อสองวันก่อน ตั้งแต่พบเจอกับคุณหนูตันจูแล้วก็ไม่จากไปอีกเลย”
พระสงฆ์ทั้งสองมองไปยังอาจารย์ฮุ่ยจื้อด้วยสายตาร้อนรุ่ม…คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มอายุน้อย อีกคนเป็นชนชั้นสูง คนหนึ่งรูปลักษณ์งดงามดุจดอกไม้ อีกคนสง่างามไม่ธรรมดา นับแต่โบราณมาภายในวัดมักเกิดเหตุการณ์ถูกชะตาในแรกพบ จากนั้นอ้างว่าเป็นวาสนาที่พระพุทธเจ้ากำหนด
อาจารย์ฮุ่ยจื้อถูกพวกเขาจ้องมองจนขนลุก “ทำอันใด องค์ชายสามจากไปหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับพวกเรา คุณหนูตันจูไปหาองค์ชายสาม เป็นเรื่องของคุณหนูตันจู ไม่เกี่ยวกับพวกเราเช่นเดียวกัน”
เรื่องนี้เป็นเรื่องดี คุณหนูตันจูชื่นชอบองค์ชายสาม ไปเกาะเกี่ยวองค์ชายสาม ย่อมไม่มาตามตอแยเขาอีก!
พวกเขาอายุน้อยมีกำลัง คิดจะเกาะเกี่ยวอย่างไรก็ทำอย่างนั้นเถิด เขาเป็นคนชราคงแบกรับไม่ไหว
เงาของต้นซานจาภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นดุจดั่งเปลวเพลิง เฉินตันจูมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เรียกขานองค์ชายสาม
องค์ชายสามเบนสายตาจากต้นซานจากลับมา มองมายังนางพลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นาทีถัดมายกมือขึ้นปิดปากกระแอมไอเสียงเบา
เฉินตันจูเดินเข้าใกล้ มองสีหน้าของเขาอย่างกังวล “อาการประจำวันมีเพียงแค่ไอหรือเพคะ”
องค์ชายสามพูด “เพียงแค่ไอก็ยุ่งยากมากแล้ว มีเรื่องมากมายที่ไม่อาจทำได้ ถูกขัดขวาง ไม่มีแรง นอนไม่ดี กินข้าวก็ได้รับผลกระทบ คนทั้งคนราวกับอยู่ท่ามกลางตลาดที่โหวกเหวกอยู่ตลอดเวลา”
เฉินตันจูถาม “อาการเช่นนี้ ท่านเป็นมานานแค่ไหนแล้วเพคะ”
องค์ชายสามมองนางด้วยรอยยิ้ม “ข้าถูกวางยาตอนสิบขวบ บัดนี้อายุยี่สิบสาม”
สิบสามปี เฉินตันจูมองเขา ยาวนานกว่าที่นางถูกกักขังไว้บนอารามดอกท้อ ทนทุกข์ทรมานด้วยความเคียดแค้นเมื่ออดีตชาติเสียอีก มิน่าถูกหญิงสาวเมืองฉีรักษาหายแล้ว เขาจึงยอมออกตัวปกป้องนาง
“ท่านลำบากแล้ว” นางพูดเสียงเบา
องค์ชายสามพูด “ยังดี อย่างน้อยยังมีชีวิตอยู่ เสด็จแม่ของข้าบอกว่าเมื่อตายก็จะสงบ แต่เมื่อเทียบกับความสงบของความตาย ข้ายอมที่จะอยู่อย่างทนทุกข์ทรมานมากกว่า”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “ถึงแม้ท่านจะดูอ่อนแอ แต่เป็นคนที่อดทนอย่างมาก”
องค์ชายสามมองนาง พร้อมยิ้ม “คุณหนูตันจูดูท่าทางเอาแต่ใจ แต่อันที่จริงเป็นคนอ่อนแอมาก?”
เฉินตันจูรู้ว่าเขากำลังหยอกล้อนางเรื่องที่ร้องไห้ใต้ต้นซานจา จึงเอื้อมมือปิดหน้าแสร้งทำเสียงสะอึกสะอื้น “เพคะ หม่อมฉันอ่อนแอโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง”
องค์ชายสามพินิจนาง ถอนหายใจเสียงเบา “อ่อนแอ น่าสงสารจริงๆ”
เฉินตันจูเผยดวงตาคู่หนึ่งจากใต้แขนเสื้อ มองพินิจองค์ชายสามขึ้นลงเช่นเดียวกัน “องค์ชายอาศัยในวัดนี้นานย่อมต้องอ่อนแอ…อาหารของวัดไม่อร่อยเอาเสียเลย”
องค์ชายสามหัวเราะร่า เสียงหัวเราะดังเกินไป อาการไอที่หยุดลงดังขึ้นอีกครั้ง เขาใช้หลังมือปิดปาก แต่เสียงหัวเราะยังคงไม่ขาดสาย
เฉินตันจูรีบพูดกับองค์ชายสาม “รีบหยุดหัวเราะ รีบหยุดหัวเราะ”
องค์ชายสามกลั้นขำ จากนั้นพูดเสียงเบา “ไม่อร่อยเอาเสียเลยจริงๆ”
เฉินตันจูก็ปิดปากหัวเราะ
ทั้งสองคนยืนหัวเราะอยู่ใต้ต้นซานจา เมื่อนึกได้ว่าหัวเราะเรื่องอาหารของวัด ช่างไร้เหตุไร้ผลเสียจริง ดังนั้นจึงหัวเราะกันอีกสักพัก โชคดีที่ครานี้องค์ชายสามเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้หัวเราะเสียงดังจนกระแอมไอ
เฉินตันจูระลึกถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมาขึ้นได้ จึงหยิบยาออกมาหนึ่งขวด “ยานี้ใช้สำหรับลดอาการไอ”
องค์ชายสามตกตะลึงเล็กน้อย “คุณหนูตันจูฝีมือไม่ธรรมดา ทำยาออกมาได้เร็วเพียงนี้?”
อันที่จริงหากบอกว่าทำเพื่อเขาจะสามารถแสดงถึงความจริงใจของตนเองได้มากยิ่งขึ้น แต่…เฉินตันจูส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ ยานี้หม่อมฉันทำให้สหายท่านหนึ่ง เขาเป็นโรคไอ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ถูกวางยาพิษ อาการแตกต่างจากองค์ชายสาม แต่ว่ายานี้สามารถลดอาการไอได้”
องค์ชายสามมองหญิงสาวที่ยิ้มจนดวงตาระยิบระยับ สหายท่านนี้ย่อมต้องเป็นสหายที่นางคิดถึงอย่างมาก
“ได้ ขอบใจเจ้า” เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะรับขวดยาไป “ขอบใจสหายท่านนั้นของเจ้าด้วย”
จริงสิ เฉินตันจูนึกขึ้นได้ทันที หากจางเหยาสามารถรู้จักองค์ชายสามได้ เขาย่อมไม่ต้องระหกระเหิน สามารถแสดงความสามารถของตนเองได้ทันที?
“องค์ชาย” นางเผยยิ้ม “สหายท่านนั้นของหม่อมฉันมีความสามารถมาก เมื่อรอเขามา ฝ่าบาทพบกับเขาเถิด”
ครานี้รอยยิ้มภายในดวงตาของนางไม่ปิดบังไว้แม้แต่น้อย องค์ชายสามไม่แปลกใจต่อท่าทีเช่นนี้ของเฉินตันจู ถึงแม้เขาไม่อยู่ภายในพระราชวัง ก็อยู่ภายในวัด แต่เขาก็รู้เรื่องของคุณหนูตันจูอย่างดี…
คุณหนูตันจูเรียกร้องเอาผลประโยชน์ต่อหน้าฮ่องเต้อย่างเปิดเผย ทรยศบิดาและท่านอ๋องอู๋ต้อนรับฮ่องเต้ ขับไล่จางเหม่ยเหรินเพราะความแค้นส่วนตน ขอให้ฮ่องเต้หยุดพิพากษาคดีกบฏต่อราษฎรอู๋เพราะสมบัติส่วนตน
อีกทั้งยังเพิ่งสานสัมพันธ์กับองค์หญิงจินเหยาก็เปิดปากขอให้องค์หญิงจินเหยาช่วยบอกให้องค์ชายหกดูแลคนในตระกูลของตนเองในเมืองซีจิง
ตอนที่เขาได้ยินเรื่องเหล่านี้รู้สึกว่าการกระทำเหล่านี้ช่างทำให้คนเกลียดชัง แต่เวลานี้ได้เห็นกับตาได้ยินกับหูของตนเอง เขากลับไม่มีความรู้สึกนั้นแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอยากหัวเราะออกมา นอกจากนี้ยังเกิดความอิจฉาเล็กน้อย
“สหายท่านนี้ของเจ้าย่อมต้องดีมาก” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
มิฉะนั้นจะทำให้คุณหนูตันจูผู้โหดเหี้ยมทั้งทำยา ทั้งแนะนำให้เขา อีกทั้งยังไม่เอาความดีเข้าตัว…หากบอกว่ายานี้ทำขึ้นเพื่อองค์ชายสามโดยเฉพาะ จะดีกว่าเอายาที่ทำให้คนอื่นมาให้ตนเองใช้อย่างมาก
แต่หญิงสาวตรงหน้า ผู้ที่ละโมบในอำนาจเพียงนั้น กลับไม่ยอมแบ่งความจริงใจที่มีต่อสหายท่านนี้ให้คนอื่นแม้แต่น้อย
เฉินตันจูยิ้มจนเห็นฟันขาวอย่างสดใส “เขาเป็นคนที่ดีมาก” ก่อนจะมององค์ชายสามอย่างคาดหวัง “เมื่อถึงเวลาท่านต้องพบเขาให้ได้นะเพคะ”
องค์ชายสามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้ ข้าจะพบเขาอย่างแน่นอน”
เมื่อปูทางแทนจางเหยาแล้ว เฉินตันจูก็รู้สึกมีความสุขมาก ก่อนจะพูดถึงอาการขององค์ชายสามอย่างจริงจัง
“พิษในตัวของท่านยังไม่หายไปจนหมด อีกทั้งใช้พิษอื่นเพื่อขับไล่พิษเดิมในร่างกาย” นางพูด “ดังนั้นร่างกายของท่านจึงเสียหายภายในพิษที่หลงเหลือตลอดมา”
องค์ชายสามตอบรับ “เหล่าไต้ฟูก็พูดเช่นนี้ เวลานานแล้ว พิษและเลือดเนื้อหลอมรวมกัน ดังนั้นจึงไม่มีวิธี”
“ย่อมต้องมีทางอย่างแน่นอน” เฉินตันจูพูดอย่างแน่วแน่ “องค์ชายเชื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันจะคิดค้นยาที่สามารถกำจัดพิษในร่างกายของท่านให้หมดไปได้อย่างแน่นอน”
หญิงสาวเมืองฉีคนนั้นใช้เนื้อมนุษย์ในการเป็นส่วนผสมของยาเพื่อกำจัดพิษในร่างกายขององค์ชายสาม แสดงว่าพิษนี้ไม่ใช่ไม่มีทางกำจัดได้ นางย่อมต้องหาวิธีการขจัดพิษที่ไม่ต้องใช้เนื้อมนุษย์ให้ได้
องค์ชายสามตอบรับ “ข้าจะรอข่าวดี” เอ่ยถาม “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ต้องอยู่ในวัดต่อแล้วใช่หรือไม่”
เฉินตันจูชี้ไปที่ต้นซานจาด้วยรอยยิ้ม “หากท่านอยากชมต้นซานจาต่อ ย่อมสามารถอยู่ต่อได้”
องค์ชายสามหัวเราะออกมา
จู๋หลินที่แอบอยู่บนหลังคาอุโบสถส่งเสียงภายในใจ คุณหนูตันจู ช่าง…