อินซอบถอดเสื้อที่ชื้นเหงื่อใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าและไปอาบน้ำ
เขาตั้งใจจะกลับบ้านหลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จ แต่คอนโดแมวที่พ่อของหญิงสาวสั่งดันมาถึงพอดี เขาจึงมีโอกาสได้ประกอบด้วย พอประกอบเสร็จก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี สุดท้ายเขาก็ได้ออกจากบ้านหลังนั้นหลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ
อินซอบใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ยังคงไม่มีการติดต่อจากอีอูยอนอย่างที่คิด แม้จะคอยเช็กเป็นระยะๆ ขณะเล่นกับแมวที่บ้านของยุนอารึม แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบข้อความเขาง่ายๆ
[ช่วยโทรศัพท์มาหาผมตอนกลับบ้านทีนะครับ ผมจะรอ]
อินซอบมองเวลาหลังจากที่ส่งข้อความเสร็จ ยังเหลือเวลาอีกสองถึงสามชั่วโมงกว่าอีกฝ่ายจะเสร็จงาน
อินซอบค้นหาชื่อของอีอูยอนในเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้น เขาไม่เห็นข่าวที่มีเนื้อหาใหม่อะไร
“โล่งอกไปที”
ดูเหมือนว่าคำพูดที่คังยองโมพูดในตอนนั้นจะเป็นเพียงคำพูดเดาสุ่ม แต่การระวังตัวไปสักระยะหนึ่งน่าจะดีกว่า บางทีการที่เขาห่างกับอีอูยอนสักวันสองวันอาจจะเป็นเรื่องโชคดีก็ได้ ถึงสมองจะคิดแบบนั้น แต่หัวใจของเขากลับไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด
ยุนอารึมบอกว่าจะรับโลอิสกับลูกๆ ไว้ประมาณหนึ่งเดือน หลังจากที่พวกมันรู้สึกปลอดภัยแล้ว เธอจะหาเจ้าของให้ ส่วนจอห์น เธอจะตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่มันออกจากโรงพยาบาลและได้เห็นอาการของมัน นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีมากสำหรับพวกแมว แต่อินซอบก็ยังไม่สามารถสลัดความรู้สึกผิดที่ว่าเขาควรจะติดต่ออีอูยอนเป็นคนแรกหรือเปล่าออกไปได้
เขานึกถึงคำที่อีอูยอนพูดกับตน อีกฝ่ายบอกว่าตอนจบที่มีความสุขแบบนั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขาอย่างนั้นเหรอ
“แล้วอะไรคือตอบจบที่มีความสุขล่ะ…”
อินซอบพึมพำอย่างอ่อนแรง เขาวางโทรศัพท์ลงข้างๆ และนอนลงบนเตียง เขารู้สึกแปลกๆ ก่อนจะนอนเขามักจะคิดถึงหน้าพ่อแม่และครอบครัวเสมอ แต่ตอนนี้เขาคิดถึงแต่อีอูยอนเท่านั้น อินซอบหัวเราะฝืนๆ เขาคิดถึงคนที่สามารถไปเจอได้ทันทีมากกว่าคนที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทรเสียอีก
“ขอโทษนะครับ”
อินซอบเอ่ยขอโทษพ่อแม่อย่างจริงใจก่อนจะหลับตาลง
ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ
อินซอบลืมตาขึ้นทันทีเพราะเสียงโทรศัพท์ รอบตัวตกอยู่ในความมืด อินซอบใช้มือคลำหาโทรศัพท์ เขาเห็นชื่อของอีอูยอนปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ความง่วงจึงหายเป็นปลิดทิ้ง อินซอบรีบรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
[นอนอยู่เหรอครับ]
“ครับ ผมหลับไปแป๊บหนึ่ง”
[ต้องนอนเยอะๆ สิครับ นี่ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า]
“เปล่าครับ ผมไม่เป็นไร …ผมเผลอหลับไประหว่างที่รอโทรศัพท์น่ะครับ”
อินซอบกำโทรศัพท์ไว้ก่อนจะรีบส่ายหน้า น้ำเสียงของอีอูยอนที่ได้ยินในรอบสองวันทำให้เขาดีใจจนน้ำตาจะไหล
“เสร็จงานแล้วเหรอครับ”
[อยู่หน้าบ้านแล้วครับ]
“วันนี้มีเรื่องแปลกๆ อะไรหรือเปล่าครับ”
เขารู้สึกไม่สบายใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับอีกฝ่ายหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้อยู่ข้างๆ อย่างทุกที
[ไม่มีเรื่องแปลกๆ อะไรหรอกครับ ว่าแต่วันนี้คุณอินซอบไปเล่นอะไรที่ไหนล่ะครับ]
อีอูยอนถามกลับอย่างขี้เล่น ได้ยินดังนั้นอินซอบจึงคลายความกังวลลงขณะเดียวกันก็รู้สึกอ่อนระทวยเพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่คล้ายกับปกติ
“ตอนเช้าผมไปที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์มาครับ ส่วนตอนบ่ายผมก็ไปหาแมว”
[ดีจังเลยนะครับ ได้เจอทั้งหมาทั้งแมวแบบนี้ เพราะคุณอินซอบคงจะได้เจอสิ่งที่ชอบทั้งหมด]
“…ครับ”
อินซอบกำลังจะบอกว่าแต่เขาไม่ได้เจอคนที่เขาชอบที่สุด แต่แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ เพราะเขามีคำพูดที่ต้องพูดออกไปก่อน
“คุณอูยอน”
ได้ยินอินซอบเรียกดังนั้น อีอูยอนก็หัวเราะน้อยๆ
[ทำไมเรียกแบบนั้นล่ะครับ มันทำให้คนหวั่นไหวนะ]
มือที่กำโทรศัพท์ไว้ชื้นเหงื่อ อินซอบทำใจให้สงบก่อนจะค่อยๆ พูดสิ่งที่อยากพูด
“ผมไม่ชินน่ะครับ เพราะผมเพิ่งจะเคยมีแฟนครั้งแรก…ก็เลยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมทำผิด แล้วก็ทำให้คุณอูยอนรู้สึกไม่ดี…ขอโทษนะครับ”
เขาขอโทษอีอูยอนไปแล้ว เรื่องนี้ติดอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา เขาไม่สามารถสลัดความคิดหนึ่งออกไปได้เลย นั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเลือกได้กีดกันอีอูยอนออกไป
“ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมรู้ครับว่าคุณโกรธ ผมรู้…แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถ้ามันจะสามารถทำให้คุณหายโกรธได้ ผมจะให้คุณอูยอนทำอย่างที่คุณอยากทำครับ ผมจะทำให้เท่าที่คุณต้องการเลยครับ”
อินซอบพรั่งพรูคำขอโทษที่คิดอยู่ในหัวมาตลอดสองวันออกมา แม้จะไม่แน่ใจว่าคำพูดแบบนั้นจะทำให้อีอูยอนหายโกรธได้หรือไม่ แต่นี่ก็เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
เขาอยากจะมอบทุกอย่างให้อีกฝ่าย
[…]
ความเงียบได้ก่อตัวขึ้น
อินซอบรอคอยคำตอบของอีอูยอนด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ในที่สุดอีอูยอนก็เปิดปาก
[ผมไม่ได้โกรธครับ ขอโทษด้วยที่เมื่อวานผมไม่ได้ติดต่อไป ที่เป็นแบบนั้นเพราะผมมัวแต่จัดการความคิดของตัวเองน่ะครับ]
อินซอบคลายความกังวล น้ำตาของเขาจึงรื้นขึ้นมา
“โล่งอกไปทีนะครับที่คุณไม่ได้โกรธ”
อินซอบพูดต่ออย่างใจเย็นที่สุด
“งั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมออกไปทำงานได้ไหมครับ”
[จะออกไปไหนล่ะครับ ผมบอกให้พักไง]
“แต่…”
[พักสักวันสองวันเถอะครับ อย่าดื้อสิ]
อินซอบพยักหน้าก่อนจะตอบไปว่า ‘เข้าใจแล้วครับ’ น้ำตาของเขาไหลอาบแก้ม เขาคิดว่าโชคดีแล้วที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เพราะเขาไม่อยากถูกจับได้ว่ากำลังทำท่าทางเหมือนคนโง่
[พวกแมวสบายดีไหมครับ]
“ครับ เพราะคุณเลย”
อินซอบรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะเอ่ยตอบ
[เพราะผมอะไรกันล่ะครับ]
“ก็คุณช่วยโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลให้นี่ครับ ขอบคุณนะครับ”
แม้จะบอกว่าตนไม่สนใจความปลอดภัยของแมวเลยสักนิด แต่อีอูยอนก็ยังจงใจแบ่งเวลาโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล นั่นหมายความว่าถึงอีกฝ่ายจะไม่สนใจ แต่ก็ยังใส่ใจเพื่อเขา
[จะมาขอบคุณอะไรกับเรื่องแค่นั้นล่ะครับ]
“ไม่เลยครับ ต้องขอบคุณสิครับ จากใจเลย”
เขาได้ยินเสียงอีอูยอนถอนหายใจเบาๆ ทำเอาอินซอบกังวลว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปอีกแล้วหรือเปล่า
[ไม่คิดถึงผมเหรอครับ]
คำถามที่ถูกส่งมาอย่างกะทันหันทำให้อินซอบได้แต่ย้อนถามว่า ‘ครับ?’
[ผมถามว่าไม่คิดถึงผมเหรอครับ]
“ก็ต้อง…คิดถึงอยู่แล้วสิครับ”
[งั้นผมขึ้นไปหาตอนนี้เลยดีไหมครับ]
อินซอบมองนาฬิกา ซึ่งมันเลยตีหนึ่งมาแล้ว
“…ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”
ตารางงานวันพรุ่งนี้เริ่มตั้งแต่เช้า ถ้าก่อนหน้านั้นต้องไปที่ร้านทำผม อีกฝ่ายก็ต้องตื่นตอนหกโมงเช้า เขาไม่อยากทำให้อีอูยอนเหนื่อยเกินไป
“ดึกแล้ว รีบนอนเถอะครับ คุณน่าจะเหนื่อย”
[ได้ครับ คุณอินซอบก็รีบนอนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหาใหม่]
คำพูดที่บอกว่าจะได้คุยโทรศัพท์กันในวันพรุ่งนี้ทำให้อินซอบเบาใจเป็นอย่างมาก
“ฝันดีนะครับ”
อินซอบวางสายและนอนลงอีกครั้ง แต่แล้วความคิดที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวก็ทำให้เขาวิ่งไปที่หน้าต่างและเปิดออกไป แต่แม้จะมองสำรวจด้านนอกอย่างไร อย่าว่าแต่รถยนต์เลย เขาไม่เห็นแม้กระทั่งคนเดินผ่านด้วยซ้ำ
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะบอกว่าขึ้นมาที่บ้านนี่…
อินซอบส่ายหัว นี่เป็นความคิดที่ไร้สาระจริงๆ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะมาที่หน้าบ้านของเขาและขึ้นมาหาในเวลาแบบนี้หรอก
จากนั้นอินซอบก็ปิดหน้าต่างอย่างช้าๆ
***
อีอูยอนสบถออกมาเบาๆ ในขณะที่หมุนพวงมาลัย เขาเกือบจะลงจากรถและขึ้นไปที่บ้านของอินซอบแล้ว
ตอนที่เห็นอินซอบอยู่ในสภาพเปื้อนเลือดที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์ เขาก็นึกถึงภาพของอีกฝ่ายที่ขับรถมาหาตนในสภาพถูกมีดแทง นั่นเป็นภาพที่แทบจะฝังติดอยู่ในความทรงจำของเขา สมองที่เสียหายก้อนนี้เล่นภาพเดิมซ้ำๆ ไม่ยอมหยุด ความกังวลใจที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วทำให้หัวสมองของเขาวุ่นวาย
เขาเกือบจะเสียอินซอบไปตลอดกาลแล้ว เขารู้ดีว่าความกังวลใจที่เกิดขึ้นจากอารมณ์สูญเสียได้กลืนกินเขาอย่างไร เขาทั้งนอนไม่หลับ และหายใจไม่ได้ เขาเป็นแบบนั้นในวันที่คิดว่าอินซอบทิ้งเขาไว้และหนีไป เขาขืนใจอีกฝ่ายที่ปฏิเสธว่าไม่จากใจ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวตัวเองที่สูญเสียการควบคุมทางด้านจิตใจ
เขาไม่ได้อยากทำแบบนั้นกับชเวอินซอบ ไม่สิ เขาไม่อยากแสดงสภาพพังๆ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งของตัวเองให้อินซอบเห็นอีกแล้ว
เขาห้ามไม่ให้อินซอบออกมาด้วยคิดว่าอยากจะพักสมองสักพัก แต่นั่นก็เป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ อย่าว่าแต่พักสมองเลย ความคิดของเขาค่อยๆ พันกันยุ่งเหยิง และไม่เป็นระเบียบในที่สุด ความต้องการจะใช้กำลังกับความรู้สึกที่อยากจะปกป้องอินซอบให้ปลอดภัยผสมปนเปกันไปหมด อีกไม่นานเขาต้องอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่เป็นแน่
สุดท้ายวันนั้นหลังเสร็จจากตารางงาน เขาก็ดื่มเหล้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้ากรรมการผู้จัดการคิมที่บอกว่าชอบสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้และให้เขาอยู่เรียนรู้มันไปเรื่อยๆ ไม่ห้ามไว้ เขาอาจจะดื่มจนตายก็ได้ เขามาที่บ้านของอินซอบด้วยสภาพเมามาย เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดจาเลอะเทอะอะไรออกไป
ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาตอนเช้า เขากลัวว่าตัวเองจะเอาชนะความต้องการไม่ได้ และเผลอทำให้อินซอบเจ็บ โชคดีที่อินซอบกำลังนอนหลับด้วยความอ่อนเพลียอยู่ด้านล่างของเตียง
เขามองอินซอบทำหน้าเหมือนคนไม่มีแรงและนอนหลับในสภาพที่ยับยู่ยี่เหมือนผ้าขี้ริ้ว อินซอบร้องครวญครางทั้งที่ยังหลับตาแน่น ดูเหมือนเจ้าตัวจะฝันร้าย ตัวเขาเองที่มีความต้องการทางเพศเหมือนสัตว์ยังรู้สึกแย่กับใบหน้าที่น่าสงสารนั้น เขาอาบน้ำด้วยน้ำเย็น และทำให้ความร้อนที่รุนแรงบรรเทาลง หลังจากที่ออกมาแล้วเขาก็ยังจ้องมองอินซอบอยู่พักหนึ่ง
เขาไล่มองใบหน้าของอินซอบคล้ายจะค่อยๆ โลมเลียให้ครบทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ขนตายาวๆ ปลายจมูกกลมๆ ฟันที่มองเห็นผ่านริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อย จอนผม ติ่งหู และจุดเล็กๆ ที่อยู่บนแก้ม ทุกอย่างล้วนน่ารัก เขามองแม้กระทั่งขนอ่อน ไม่มีส่วนไหนที่ไม่สวยเลย
เขาชอบคนที่กำลังนอนหลับอยู่ตรงหน้า เขาชอบจนไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มของอินซอบอย่างระมัดระวัง อุณหภูมิที่ส่งมาที่ปลายนิ้วทำให้เขาชาไปทั้งตัว ความพึงพอใจและความกังวลใจเกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกันราวกับไฟ
เขาสับสน ความรู้สึกต่างๆ ที่เขาไม่รู้จักพันกันอย่างยุ่งเหยิงและตีจากใต้เท้าขึ้นมาถึงลำคอ เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ
แม้เขาจะจับตาดูความกลัวของอินซอบ และการมีอยู่ของอีกฝ่ายสักกี่รอบ แต่ความกังวลใจนั้นกลับไม่ยอมหายไป แม้เขาจะพยายามจัดการความรู้สึกอันดำมืดนั้นอย่างชำนาญเหมือนทุกที แต่เขาก็ควบคุมมันไม่ได้
เขาหลับตาลงสักพักก่อนจะลืมตาขึ้น
ส่งไปที่อเมริกาดีไหม
หรือว่าจะหักขาแล้วพาไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครย่างเท้าเข้ามาตลอดไปเลยดี
ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะยืนเหม่ออยู่ระหว่างความคิดสุดขั้วที่ไม่สามารถเข้าใจได้ไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนว่าถ้าก้าวเท้าผิดไปข้างหนึ่งก็จะจมลงไปในน้ำที่เย็นและลึก
‘คุณบอกว่ากำลังหาจุดที่พอดีในความสัมพันธ์ที่ประพฤติผิดอย่างจงใจอยู่นี่ครับ’
เขานึกถึงดวงตาของอีกฝ่ายที่ช้อนมองคนที่สร้างบาดแผลให้ตัวเองหลายครั้งหลายคราโดยไม่มีความระแวงอะไรเลย
เขาเตรียมอาหารเช้าในระหว่างที่อินซอบตื่นไปอาบน้ำ เขาอยากจะทำอะไรก็ได้ให้อีกฝ่ายกิน และในวินาทีที่เขาเห็นแอปเปิลที่แห้งคาอยู่ตู้เย็นของอินซอบ ความโกรธของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เพราะนึกถึงคำพูดของหัวหน้าทีมชาที่บอกว่าด้วยนิสัยอย่างอินซอบแล้ว เจ้าตัวคงจะวางของที่สั่งไม่ให้ทิ้งไว้อย่างนั้น
สุนัขที่ตนเคยเลี้ยงได้รับความรักที่เหมาะสมจากคนสวนจนอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น และมีชีวิตที่มีความสุข นั่นเป็นตอนจบที่มีความสุข แต่สำหรับอินซอบแล้วตอนจบที่มีความสุขแบบนั้นคงมาไม่ถึง เพราะความรักที่ตัวเขาน่าจะมอบให้อีกฝ่ายได้ไม่ใช่ความรักที่พอเหมาะพอดีและปกติ แต่เป็นความรักที่บิดเบี้ยว ผิดปกติ และไม่พอดี เขาไม่รู้วิธีคบหาดูใจกันอย่างคนปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเลียนแบบให้เหมือนที่สุดเพื่อชเวอินซอบ
เย็นวันนั้นเขาโทรศัพท์หากรรมการผู้จัดการคิม และรบกวนอีกฝ่ายให้หาโร้ดเมเนเจอร์ให้ นั่นเป็นวิธีที่ดูเป็นมนุษย์ที่สุดแล้วเท่าที่เขานึกออก
เขารู้ว่าความกังวลใจของชเวอินซอบมีต้นตอมาจากอะไร อีกฝ่ายกลัวว่าตัวเองจะทำลายชีวิตของนักแสดงอีอูยอน ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะหาวิธีเอาเมล็ดพันธุ์ของความกังวลใจนั้นออกไปแล้ว
แต่เขากลับไม่คิดที่จะเลิกอาชีพนักแสดงง่ายๆ อินซอบพูดไว้หลายครั้งว่าชอบอีอูยอนในฐานะนักแสดง
เขากลัว
เพราะเขาไม่มั่นใจเลยว่าในตอนที่เขาทิ้งภาพลักษณ์ของนักแสดงไปและยืนตัวเปล่า ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายจะยังชอบเขาอยู่หรือไม่
ตอนนั้นเองอีอูยอนก็ได้รู้ว่าเสื้อคลุมของนางฟ้าที่ตัวเองถือไว้อย่างยากลำบากคืออะไร มีเพียงแค่สิ่งนั้นเท่านั้น
‘ถ้ามันจะสามารถทำให้คุณหายโกรธได้ ผมจะให้คุณอูยอนทำอย่างที่คุณอยากทำครับ ผมจะทำให้เท่าที่คุณต้องการเลยครับ’
วินาทีที่เขาได้ยินคำขอโทษที่แฝงไปด้วยความรักของอีกฝ่าย ความต้องการที่แสนต่ำช้าของเขาก็เดือดพล่าน เขาอยากจะยัดไอ้นั่นของเขาเข้าไปในปากของอินซอบผู้แสนซื่อที่เอ่ยขอโทษถึงสิ่งที่ยังขาดไปของตัวเอง และทำให้อีกฝ่ายกลืนกินน้ำรักของเขาจนกว่าจะอิ่ม นั่นเป็นข้อเสียที่เขามี ข้อเสียอันแสนสกปรกที่อยากจะมีอะไรด้วยเพราะความใจดีและมีน้ำใจที่แสนบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย
“…แม่งเอ๊ย”
อีอูยอนเหยียบคันเร่ง
จากนั้นเสียงแตรรถยนต์ที่ดังแสบหูก็ค่อยๆ ห่างออกไป