ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 3-11

ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 3-11

อินซอบถอดเสื้อที่ชื้นเหงื่อใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าและไปอาบน้ำ

เขาตั้งใจจะกลับบ้านหลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จ แต่คอนโดแมวที่พ่อของหญิงสาวสั่งดันมาถึงพอดี เขาจึงมีโอกาสได้ประกอบด้วย พอประกอบเสร็จก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี สุดท้ายเขาก็ได้ออกจากบ้านหลังนั้นหลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ

อินซอบใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ยังคงไม่มีการติดต่อจากอีอูยอนอย่างที่คิด แม้จะคอยเช็กเป็นระยะๆ ขณะเล่นกับแมวที่บ้านของยุนอารึม แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบข้อความเขาง่ายๆ

[ช่วยโทรศัพท์มาหาผมตอนกลับบ้านทีนะครับ ผมจะรอ]

อินซอบมองเวลาหลังจากที่ส่งข้อความเสร็จ ยังเหลือเวลาอีกสองถึงสามชั่วโมงกว่าอีกฝ่ายจะเสร็จงาน

อินซอบค้นหาชื่อของอีอูยอนในเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้น เขาไม่เห็นข่าวที่มีเนื้อหาใหม่อะไร

“โล่งอกไปที”

ดูเหมือนว่าคำพูดที่คังยองโมพูดในตอนนั้นจะเป็นเพียงคำพูดเดาสุ่ม แต่การระวังตัวไปสักระยะหนึ่งน่าจะดีกว่า บางทีการที่เขาห่างกับอีอูยอนสักวันสองวันอาจจะเป็นเรื่องโชคดีก็ได้ ถึงสมองจะคิดแบบนั้น แต่หัวใจของเขากลับไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด

ยุนอารึมบอกว่าจะรับโลอิสกับลูกๆ ไว้ประมาณหนึ่งเดือน หลังจากที่พวกมันรู้สึกปลอดภัยแล้ว เธอจะหาเจ้าของให้ ส่วนจอห์น เธอจะตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่มันออกจากโรงพยาบาลและได้เห็นอาการของมัน นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีมากสำหรับพวกแมว แต่อินซอบก็ยังไม่สามารถสลัดความรู้สึกผิดที่ว่าเขาควรจะติดต่ออีอูยอนเป็นคนแรกหรือเปล่าออกไปได้

เขานึกถึงคำที่อีอูยอนพูดกับตน อีกฝ่ายบอกว่าตอนจบที่มีความสุขแบบนั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขาอย่างนั้นเหรอ

“แล้วอะไรคือตอบจบที่มีความสุขล่ะ…”

อินซอบพึมพำอย่างอ่อนแรง เขาวางโทรศัพท์ลงข้างๆ และนอนลงบนเตียง เขารู้สึกแปลกๆ ก่อนจะนอนเขามักจะคิดถึงหน้าพ่อแม่และครอบครัวเสมอ แต่ตอนนี้เขาคิดถึงแต่อีอูยอนเท่านั้น อินซอบหัวเราะฝืนๆ เขาคิดถึงคนที่สามารถไปเจอได้ทันทีมากกว่าคนที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทรเสียอีก

“ขอโทษนะครับ”

อินซอบเอ่ยขอโทษพ่อแม่อย่างจริงใจก่อนจะหลับตาลง

ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ

อินซอบลืมตาขึ้นทันทีเพราะเสียงโทรศัพท์ รอบตัวตกอยู่ในความมืด อินซอบใช้มือคลำหาโทรศัพท์ เขาเห็นชื่อของอีอูยอนปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ความง่วงจึงหายเป็นปลิดทิ้ง อินซอบรีบรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล”

[นอนอยู่เหรอครับ]

“ครับ ผมหลับไปแป๊บหนึ่ง”

[ต้องนอนเยอะๆ สิครับ นี่ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า]

“เปล่าครับ ผมไม่เป็นไร …ผมเผลอหลับไประหว่างที่รอโทรศัพท์น่ะครับ”

อินซอบกำโทรศัพท์ไว้ก่อนจะรีบส่ายหน้า น้ำเสียงของอีอูยอนที่ได้ยินในรอบสองวันทำให้เขาดีใจจนน้ำตาจะไหล

“เสร็จงานแล้วเหรอครับ”

[อยู่หน้าบ้านแล้วครับ]

“วันนี้มีเรื่องแปลกๆ อะไรหรือเปล่าครับ”

เขารู้สึกไม่สบายใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับอีกฝ่ายหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้อยู่ข้างๆ อย่างทุกที

[ไม่มีเรื่องแปลกๆ อะไรหรอกครับ ว่าแต่วันนี้คุณอินซอบไปเล่นอะไรที่ไหนล่ะครับ]

อีอูยอนถามกลับอย่างขี้เล่น ได้ยินดังนั้นอินซอบจึงคลายความกังวลลงขณะเดียวกันก็รู้สึกอ่อนระทวยเพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่คล้ายกับปกติ

“ตอนเช้าผมไปที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์มาครับ ส่วนตอนบ่ายผมก็ไปหาแมว”

[ดีจังเลยนะครับ ได้เจอทั้งหมาทั้งแมวแบบนี้ เพราะคุณอินซอบคงจะได้เจอสิ่งที่ชอบทั้งหมด]

“…ครับ”

อินซอบกำลังจะบอกว่าแต่เขาไม่ได้เจอคนที่เขาชอบที่สุด แต่แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ เพราะเขามีคำพูดที่ต้องพูดออกไปก่อน

“คุณอูยอน”

ได้ยินอินซอบเรียกดังนั้น อีอูยอนก็หัวเราะน้อยๆ

[ทำไมเรียกแบบนั้นล่ะครับ มันทำให้คนหวั่นไหวนะ]

มือที่กำโทรศัพท์ไว้ชื้นเหงื่อ อินซอบทำใจให้สงบก่อนจะค่อยๆ พูดสิ่งที่อยากพูด

“ผมไม่ชินน่ะครับ เพราะผมเพิ่งจะเคยมีแฟนครั้งแรก…ก็เลยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมทำผิด แล้วก็ทำให้คุณอูยอนรู้สึกไม่ดี…ขอโทษนะครับ”

เขาขอโทษอีอูยอนไปแล้ว เรื่องนี้ติดอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา เขาไม่สามารถสลัดความคิดหนึ่งออกไปได้เลย นั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเลือกได้กีดกันอีอูยอนออกไป

“ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมรู้ครับว่าคุณโกรธ ผมรู้…แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถ้ามันจะสามารถทำให้คุณหายโกรธได้ ผมจะให้คุณอูยอนทำอย่างที่คุณอยากทำครับ ผมจะทำให้เท่าที่คุณต้องการเลยครับ”

อินซอบพรั่งพรูคำขอโทษที่คิดอยู่ในหัวมาตลอดสองวันออกมา แม้จะไม่แน่ใจว่าคำพูดแบบนั้นจะทำให้อีอูยอนหายโกรธได้หรือไม่ แต่นี่ก็เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

เขาอยากจะมอบทุกอย่างให้อีกฝ่าย

[…]

ความเงียบได้ก่อตัวขึ้น

อินซอบรอคอยคำตอบของอีอูยอนด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ในที่สุดอีอูยอนก็เปิดปาก

[ผมไม่ได้โกรธครับ ขอโทษด้วยที่เมื่อวานผมไม่ได้ติดต่อไป ที่เป็นแบบนั้นเพราะผมมัวแต่จัดการความคิดของตัวเองน่ะครับ]

อินซอบคลายความกังวล น้ำตาของเขาจึงรื้นขึ้นมา

“โล่งอกไปทีนะครับที่คุณไม่ได้โกรธ”

อินซอบพูดต่ออย่างใจเย็นที่สุด

“งั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมออกไปทำงานได้ไหมครับ”

[จะออกไปไหนล่ะครับ ผมบอกให้พักไง]

“แต่…”

[พักสักวันสองวันเถอะครับ อย่าดื้อสิ]

อินซอบพยักหน้าก่อนจะตอบไปว่า ‘เข้าใจแล้วครับ’ น้ำตาของเขาไหลอาบแก้ม เขาคิดว่าโชคดีแล้วที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เพราะเขาไม่อยากถูกจับได้ว่ากำลังทำท่าทางเหมือนคนโง่

[พวกแมวสบายดีไหมครับ]

“ครับ เพราะคุณเลย”

อินซอบรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะเอ่ยตอบ

[เพราะผมอะไรกันล่ะครับ]

“ก็คุณช่วยโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลให้นี่ครับ ขอบคุณนะครับ”

แม้จะบอกว่าตนไม่สนใจความปลอดภัยของแมวเลยสักนิด แต่อีอูยอนก็ยังจงใจแบ่งเวลาโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล นั่นหมายความว่าถึงอีกฝ่ายจะไม่สนใจ แต่ก็ยังใส่ใจเพื่อเขา

[จะมาขอบคุณอะไรกับเรื่องแค่นั้นล่ะครับ]

“ไม่เลยครับ ต้องขอบคุณสิครับ จากใจเลย”

เขาได้ยินเสียงอีอูยอนถอนหายใจเบาๆ ทำเอาอินซอบกังวลว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปอีกแล้วหรือเปล่า

[ไม่คิดถึงผมเหรอครับ]

คำถามที่ถูกส่งมาอย่างกะทันหันทำให้อินซอบได้แต่ย้อนถามว่า ‘ครับ?’

[ผมถามว่าไม่คิดถึงผมเหรอครับ]

“ก็ต้อง…คิดถึงอยู่แล้วสิครับ”

[งั้นผมขึ้นไปหาตอนนี้เลยดีไหมครับ]

อินซอบมองนาฬิกา ซึ่งมันเลยตีหนึ่งมาแล้ว

“…ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”

ตารางงานวันพรุ่งนี้เริ่มตั้งแต่เช้า ถ้าก่อนหน้านั้นต้องไปที่ร้านทำผม อีกฝ่ายก็ต้องตื่นตอนหกโมงเช้า เขาไม่อยากทำให้อีอูยอนเหนื่อยเกินไป

“ดึกแล้ว รีบนอนเถอะครับ คุณน่าจะเหนื่อย”

[ได้ครับ คุณอินซอบก็รีบนอนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหาใหม่]

คำพูดที่บอกว่าจะได้คุยโทรศัพท์กันในวันพรุ่งนี้ทำให้อินซอบเบาใจเป็นอย่างมาก

“ฝันดีนะครับ”

อินซอบวางสายและนอนลงอีกครั้ง แต่แล้วความคิดที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวก็ทำให้เขาวิ่งไปที่หน้าต่างและเปิดออกไป แต่แม้จะมองสำรวจด้านนอกอย่างไร อย่าว่าแต่รถยนต์เลย เขาไม่เห็นแม้กระทั่งคนเดินผ่านด้วยซ้ำ

แต่เหมือนอีกฝ่ายจะบอกว่าขึ้นมาที่บ้านนี่…

อินซอบส่ายหัว นี่เป็นความคิดที่ไร้สาระจริงๆ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะมาที่หน้าบ้านของเขาและขึ้นมาหาในเวลาแบบนี้หรอก

จากนั้นอินซอบก็ปิดหน้าต่างอย่างช้าๆ

***

อีอูยอนสบถออกมาเบาๆ ในขณะที่หมุนพวงมาลัย เขาเกือบจะลงจากรถและขึ้นไปที่บ้านของอินซอบแล้ว

ตอนที่เห็นอินซอบอยู่ในสภาพเปื้อนเลือดที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์ เขาก็นึกถึงภาพของอีกฝ่ายที่ขับรถมาหาตนในสภาพถูกมีดแทง นั่นเป็นภาพที่แทบจะฝังติดอยู่ในความทรงจำของเขา สมองที่เสียหายก้อนนี้เล่นภาพเดิมซ้ำๆ ไม่ยอมหยุด ความกังวลใจที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วทำให้หัวสมองของเขาวุ่นวาย

เขาเกือบจะเสียอินซอบไปตลอดกาลแล้ว เขารู้ดีว่าความกังวลใจที่เกิดขึ้นจากอารมณ์สูญเสียได้กลืนกินเขาอย่างไร เขาทั้งนอนไม่หลับ และหายใจไม่ได้ เขาเป็นแบบนั้นในวันที่คิดว่าอินซอบทิ้งเขาไว้และหนีไป เขาขืนใจอีกฝ่ายที่ปฏิเสธว่าไม่จากใจ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้

ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวตัวเองที่สูญเสียการควบคุมทางด้านจิตใจ

เขาไม่ได้อยากทำแบบนั้นกับชเวอินซอบ ไม่สิ เขาไม่อยากแสดงสภาพพังๆ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งของตัวเองให้อินซอบเห็นอีกแล้ว

เขาห้ามไม่ให้อินซอบออกมาด้วยคิดว่าอยากจะพักสมองสักพัก แต่นั่นก็เป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ อย่าว่าแต่พักสมองเลย ความคิดของเขาค่อยๆ พันกันยุ่งเหยิง และไม่เป็นระเบียบในที่สุด ความต้องการจะใช้กำลังกับความรู้สึกที่อยากจะปกป้องอินซอบให้ปลอดภัยผสมปนเปกันไปหมด อีกไม่นานเขาต้องอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่เป็นแน่

สุดท้ายวันนั้นหลังเสร็จจากตารางงาน เขาก็ดื่มเหล้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้ากรรมการผู้จัดการคิมที่บอกว่าชอบสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้และให้เขาอยู่เรียนรู้มันไปเรื่อยๆ ไม่ห้ามไว้ เขาอาจจะดื่มจนตายก็ได้ เขามาที่บ้านของอินซอบด้วยสภาพเมามาย เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดจาเลอะเทอะอะไรออกไป

ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาตอนเช้า เขากลัวว่าตัวเองจะเอาชนะความต้องการไม่ได้ และเผลอทำให้อินซอบเจ็บ โชคดีที่อินซอบกำลังนอนหลับด้วยความอ่อนเพลียอยู่ด้านล่างของเตียง

เขามองอินซอบทำหน้าเหมือนคนไม่มีแรงและนอนหลับในสภาพที่ยับยู่ยี่เหมือนผ้าขี้ริ้ว อินซอบร้องครวญครางทั้งที่ยังหลับตาแน่น ดูเหมือนเจ้าตัวจะฝันร้าย ตัวเขาเองที่มีความต้องการทางเพศเหมือนสัตว์ยังรู้สึกแย่กับใบหน้าที่น่าสงสารนั้น เขาอาบน้ำด้วยน้ำเย็น และทำให้ความร้อนที่รุนแรงบรรเทาลง หลังจากที่ออกมาแล้วเขาก็ยังจ้องมองอินซอบอยู่พักหนึ่ง

เขาไล่มองใบหน้าของอินซอบคล้ายจะค่อยๆ โลมเลียให้ครบทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ขนตายาวๆ ปลายจมูกกลมๆ ฟันที่มองเห็นผ่านริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อย จอนผม ติ่งหู และจุดเล็กๆ ที่อยู่บนแก้ม ทุกอย่างล้วนน่ารัก เขามองแม้กระทั่งขนอ่อน ไม่มีส่วนไหนที่ไม่สวยเลย

เขาชอบคนที่กำลังนอนหลับอยู่ตรงหน้า เขาชอบจนไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มของอินซอบอย่างระมัดระวัง อุณหภูมิที่ส่งมาที่ปลายนิ้วทำให้เขาชาไปทั้งตัว ความพึงพอใจและความกังวลใจเกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกันราวกับไฟ

เขาสับสน ความรู้สึกต่างๆ ที่เขาไม่รู้จักพันกันอย่างยุ่งเหยิงและตีจากใต้เท้าขึ้นมาถึงลำคอ เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ

แม้เขาจะจับตาดูความกลัวของอินซอบ และการมีอยู่ของอีกฝ่ายสักกี่รอบ แต่ความกังวลใจนั้นกลับไม่ยอมหายไป แม้เขาจะพยายามจัดการความรู้สึกอันดำมืดนั้นอย่างชำนาญเหมือนทุกที แต่เขาก็ควบคุมมันไม่ได้

เขาหลับตาลงสักพักก่อนจะลืมตาขึ้น

ส่งไปที่อเมริกาดีไหม

หรือว่าจะหักขาแล้วพาไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครย่างเท้าเข้ามาตลอดไปเลยดี

ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะยืนเหม่ออยู่ระหว่างความคิดสุดขั้วที่ไม่สามารถเข้าใจได้ไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนว่าถ้าก้าวเท้าผิดไปข้างหนึ่งก็จะจมลงไปในน้ำที่เย็นและลึก

‘คุณบอกว่ากำลังหาจุดที่พอดีในความสัมพันธ์ที่ประพฤติผิดอย่างจงใจอยู่นี่ครับ’

เขานึกถึงดวงตาของอีกฝ่ายที่ช้อนมองคนที่สร้างบาดแผลให้ตัวเองหลายครั้งหลายคราโดยไม่มีความระแวงอะไรเลย

เขาเตรียมอาหารเช้าในระหว่างที่อินซอบตื่นไปอาบน้ำ เขาอยากจะทำอะไรก็ได้ให้อีกฝ่ายกิน และในวินาทีที่เขาเห็นแอปเปิลที่แห้งคาอยู่ตู้เย็นของอินซอบ ความโกรธของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เพราะนึกถึงคำพูดของหัวหน้าทีมชาที่บอกว่าด้วยนิสัยอย่างอินซอบแล้ว เจ้าตัวคงจะวางของที่สั่งไม่ให้ทิ้งไว้อย่างนั้น

สุนัขที่ตนเคยเลี้ยงได้รับความรักที่เหมาะสมจากคนสวนจนอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น และมีชีวิตที่มีความสุข นั่นเป็นตอนจบที่มีความสุข แต่สำหรับอินซอบแล้วตอนจบที่มีความสุขแบบนั้นคงมาไม่ถึง เพราะความรักที่ตัวเขาน่าจะมอบให้อีกฝ่ายได้ไม่ใช่ความรักที่พอเหมาะพอดีและปกติ แต่เป็นความรักที่บิดเบี้ยว ผิดปกติ และไม่พอดี เขาไม่รู้วิธีคบหาดูใจกันอย่างคนปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเลียนแบบให้เหมือนที่สุดเพื่อชเวอินซอบ

เย็นวันนั้นเขาโทรศัพท์หากรรมการผู้จัดการคิม และรบกวนอีกฝ่ายให้หาโร้ดเมเนเจอร์ให้ นั่นเป็นวิธีที่ดูเป็นมนุษย์ที่สุดแล้วเท่าที่เขานึกออก

เขารู้ว่าความกังวลใจของชเวอินซอบมีต้นตอมาจากอะไร อีกฝ่ายกลัวว่าตัวเองจะทำลายชีวิตของนักแสดงอีอูยอน ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะหาวิธีเอาเมล็ดพันธุ์ของความกังวลใจนั้นออกไปแล้ว

แต่เขากลับไม่คิดที่จะเลิกอาชีพนักแสดงง่ายๆ อินซอบพูดไว้หลายครั้งว่าชอบอีอูยอนในฐานะนักแสดง

เขากลัว

เพราะเขาไม่มั่นใจเลยว่าในตอนที่เขาทิ้งภาพลักษณ์ของนักแสดงไปและยืนตัวเปล่า ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายจะยังชอบเขาอยู่หรือไม่

ตอนนั้นเองอีอูยอนก็ได้รู้ว่าเสื้อคลุมของนางฟ้าที่ตัวเองถือไว้อย่างยากลำบากคืออะไร มีเพียงแค่สิ่งนั้นเท่านั้น

‘ถ้ามันจะสามารถทำให้คุณหายโกรธได้ ผมจะให้คุณอูยอนทำอย่างที่คุณอยากทำครับ ผมจะทำให้เท่าที่คุณต้องการเลยครับ’

วินาทีที่เขาได้ยินคำขอโทษที่แฝงไปด้วยความรักของอีกฝ่าย ความต้องการที่แสนต่ำช้าของเขาก็เดือดพล่าน เขาอยากจะยัดไอ้นั่นของเขาเข้าไปในปากของอินซอบผู้แสนซื่อที่เอ่ยขอโทษถึงสิ่งที่ยังขาดไปของตัวเอง และทำให้อีกฝ่ายกลืนกินน้ำรักของเขาจนกว่าจะอิ่ม นั่นเป็นข้อเสียที่เขามี ข้อเสียอันแสนสกปรกที่อยากจะมีอะไรด้วยเพราะความใจดีและมีน้ำใจที่แสนบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย

“…แม่งเอ๊ย”

อีอูยอนเหยียบคันเร่ง

จากนั้นเสียงแตรรถยนต์ที่ดังแสบหูก็ค่อยๆ ห่างออกไป

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท