หนานกงมั่วเลิกคิ้ว มองไปยังเยี่ยนอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เยี่ยนอ๋องหัวเราะหยัน เอ่ย “อย่ามาหลอกข้า หากไม่เป็นอันใดดังที่เจ้าเอ่ย ของที่เจ้าให้มาเมื่อสองวันก่อนจะมีไว้เพื่อสิ่งใด”
หนานกงมั่วถอนหายใจ “เสด็จลุงไม่ควรให้คนไม่คุ้นเคยเข้าใกล้ตัวจนเกินไปเลยจริงๆ”
“อาการไม่ดีหรือ” เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว ใบหน้ากลับไม่มีความหวาดกลัวใดๆ
หนานกงมั่วเอ่ย “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีแก้เพคะ เพียงแต่…ตอนนี้นอกจากร่างกายอ่อนแอ ก็ยังไม่พบว่าพิษนี้มีผลอย่างไรอีก”
เยี่ยนอ๋องเอ่ยถาม “หากไม่ถอนพิษ จะเป็นอย่างไร” เยี่ยนอ๋องเองมิใช่คนไร้เดียงสา ชื่อเสียงของคุณชายเสียนเกอเขาเองย่อมเคยได้ยินมาก่อน วิชาการแพทย์ของหนานกงมั่วก็เป็นที่ประจักษ์ แม้แต่คุณชายเสียนเกอยังไม่รู้วิธีถอนพิษ เช่นนั้นการถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
หนานกงมั่วครุ่นคิด เอ่ย “หากต่อไปไม่มีความเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นร่างกายของเสด็จลุงจะอยู่ได้โดยไม่มีปัญหาไปอีกเจ็ดแปดปีเพคะ”
เยี่ยนอ๋องแสยะยิ้ม เอ่ย “ตอนนี้ข้าอายุสี่สิบแล้ว ยังมีเวลาอีกเจ็ดแปดปีไม่นับว่าอายุสั้น เพียงพอแล้ว”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ยังมีเวลาอีกยาวนานเพคะ เสด็จลุงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ พอมีเวลา ศิษย์พี่ต้องคิดหาวิธีได้อย่างแน่นอนเพคะ” เยี่ยนอ๋องพยักหน้า เพียงกำชับ “เรื่องนี้ไม่ต้องบอกพระชายาและน้องห้า อีกทั้งจวินเอ๋อร์ก็ปกปิดเอาไว้ก่อนเถิด”
หนานกงมั่วย่นคิ้ว ปิดบังองค์หญิงฉังผิงและพระชายาเยี่ยนอ๋องนั้นไม่เป็นไร แต่หนานกงมั่วไม่เห็นถึงความสำคัญที่จะปิดบังเว่ยจวินมั่ว ต่อให้เว่ยจวินมั่วกังวลก็เพียงคิดหาวิธีถอนพิษให้เยี่ยนอ๋อง ไม่ได้จะทำเรื่องเสียสติหรือโศกเศร้าแต่อย่างใด แน่นอนตอนนี้เว่ยจวินมั่วอยู่ในสนามรบ แต่เมื่อเว่ยจวินมั่วกลับมาแล้วศิษย์พี่ยังหาวิธีถอนพิษไม่ได้…
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ในเมื่อเจ้าบอกแล้วว่าอย่างไรคุณชายเสียนเกอจะหาวิธีถอนพิษให้ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ไม่ต้องให้พวกเขามากังวล”
หนานกงมั่วทำอันใดไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยตอบรับ ส่วนจะบอกหรือไม่บอกเว่ยจวินมั่วนั่นเป็นเรื่องของนาง แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่อง “เสด็จลุง เรื่องกงเสี่ยวเตี๋ยพระองค์คิดจะจัดการเช่นไรเพคะ”
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ต้องเก็บนางเอาไว้ก่อน ตอนนี้แตะต้องนางยังไม่ได้”
หนานกงมั่วย่นคิ้ว มองเยี่ยนอ๋องอย่างประหลาดใจ หรือว่าเยี่ยนอ๋องจะชอบกงเสี่ยวเตี๋ยแล้วจริงๆ
เยี่ยนอ๋องปรายตามองนางอย่างไม่พอใจ “คิดเหลวไหลอันใดอยู่ ข้าเพียงอยากรอดู…คนที่อยู่เบื้องหลังนาง คิดจะทำอันใดกันแน่” หนานกงมั่วเอ่ยถึงความคิดที่ตนกับเว่ยจวินมั่วมองกงอวี้เฉิน เยี่ยนอ๋องเงียบไปชั่วครู่ ส่ายศีรษะ เอ่ย “ตัวตนของกงอวี้เฉินผู้นี้…ไม่ใช่เพียงเจ้าสำนักกงที่พึ่งพาอาศัยเป่ยหยวนอย่างที่พวกเจ้าคิดอย่างเดียวเป็นแน่ หากมีเพียงเช่นนั้นจริงๆ ส่งกงเสี่ยวเตี๋ยมาจะมีประโยชน์อันใด หรือว่าเขาคิดว่ากงเสี่ยวเตี๋ยจะทำให้มีผลตอบแทนที่มีประโยชน์แก่เขา”
เยี่ยนอ๋องมองหนานกงมั่วแล้วเอ่ยถาม “เจ้าสงสัยว่าพิษในตัวข้าเป็นฝีมือของกงเสี่ยวเตี๋ยหรือ”
หนานกงมั่วพยักหน้า
“เป็นไปไม่ได้หรอก” เยี่ยนอ๋องเอ่ย
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เห็นชัดว่าไม่แปลกใจกับความมั่นใจเช่นนี้ของเยี่ยนอ๋อง
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “กงเสี่ยวเตี๋ยเข้าใกล้ตัวข้าได้ไม่ผิด แต่เมื่อตอนเข้าจวนมานางไม่ได้มีอันใดติดตัว คนในเรือนเตี๋ย ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ข้าเลือกเอง ไม่ว่านางคิดจะทำอันใดก็มิใช่เรื่องง่าย เจ้าเองก็น่าจะเข้าใจ กงเสี่ยวเตี๋ย...เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น” สตรีธรรมดาที่ว่า นอกจากความงดงามนางไม่ได้มีใจมุ่งร้ายเจ้าแผนการอย่างจูชูอวี้ ไม่ได้มีความสามารถเหมือนหนานกงมั่ว ไม่ได้มีอุปนิสัยเหมือนพระชายา สตรีเช่นนี้ หากไม่มีเยี่ยนอ๋องคอยปกป้อง เข้ามาอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องคงมีชีวิตรอดเพียงไม่กี่วัน เรือนหลังของจวนเยี่ยนอ๋องสงบไม่ผิด แต่ว่านั่นไม่ได้หมายความว่าสตรีเหล่านั้นไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว แม้ว่านางไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เยี่ยนอ๋องกล่าวมากนัก แต่หากมิใช่กงเสี่ยวเตี๋ย เช่นนั้นเรื่องราวคงวุ่นวายมากกว่านี้ เพราะยังมีศัตรูอีกหนึ่งคนที่พวกเขายังไม่รู้ สามารถเข้าใกล้เยี่ยนอ๋องได้ตลอดเวลาโดยไม่ถูกสงสัย หากกงเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพียงโล่ที่กงอวี้เฉินส่งมา นั่นเอ่ยได้ว่า…คนผู้นี้สำคัญกับกงอวี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง
มองท่าทางตึงเครียดของนาง เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องกังวล ในเมื่ออีกฝ่ายใช้พิษชนิดนี้กับข้า บอกได้ว่ายังไม่ต้องการให้ข้าตายในระยะเวลาอันใกล้นี้ เช่นนั้น…การเดิมพันครั้งนี้สุดท้ายใครจะแพ้ชนะยังไม่อาจบอกได้” มองท่าทางสุขุมของเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วรู้สึกนับถืออยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อ๋องที่มีกำลังทหารในมือนั้นมีไม่น้อย แต่ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองถูกพิษและอยู่ในกำมือของคนอื่นทว่ายังนิ่งได้เพียงนี้นั้นมีไม่มาก ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในจุดสูง ก็ยิ่งหวาดกลัวต่อความตาย เพราะพวกเขามีมากเกินไป ตรงข้ามกับคนที่ไม่มีสิ่งใดเลยเหล่านั้น เพราะไม่มีแน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดต้องเสีย
“ช่วงนี้ เรื่องในเมืองคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างใจดี “นิสัยของเชียนชื่อ…ข้าไม่วางใจนัก มีเจ้าคอยดูอยู่ข้างๆ ต่อให้นิสัยเขาไม่อาจเปลี่ยนได้ อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาใหญ่อันใด”
หนานกงมั่วไม่เข้าใจ “เสด็จลุงคิดจะ…”
เยี่ยนอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบอกแล้วมิใช่หรือ ข้าโดนพิษแล้ว ป่วยแล้ว…”
หนานกงมั่วไม่มีคำจะเอ่ย ทำเพียงพยักหน้า “เพคะ เสด็จลุง”
“ไปเถิด”
ออกมาจากห้องหนังสือ มองเห็นกงเสี่ยวเตี๋ยเดินเข้ามา “ซิงเฉิงจวิ้นจู่”
“ชายารองกง” หนานกงมั่วพยักหน้าพลางเอ่ย
กงเสี่ยวเตี๋ยยิ้มบาง เอ่ย “ข้าเอาน้ำแกงมาให้ท่านอ๋อง คงไม่ได้พูดคุยกับจวิ้นจู่แล้ว” หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ชายารองใส่ใจเสด็จลุงเพียงนี้ เสด็จป้ารู้ก็คงปลื้มใจ ไม่รบกวนชายารองแล้ว”
กงเสี่ยวเตี๋ยมองหนานกงมั่ว ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยถาม “จวิ้นจู่ คุณชายเสียนเกอ…ร่างกายของท่านอ๋อง คุณชายเสียนเกอเอ่ยอันใดหรือไม่”
หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่บอกว่าร่างกายของเสด็จลุงนั้นแข็งแรงดี จะว่าไป…เมื่อเห็นชายารอง ทำให้ข้านึกถึงสหายคนหนึ่งที่เคยเจออยู่ที่เฉินโจว”
กงเสี่ยวเตี๋ยหลุบตาลง “อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นคงมีวาสนาแล้ว หากจวิ้นจู่มีเวลาก็มานั่งเล่นที่เรือนเตี๋ยได้”
“ได้ ข้าจะไปหาชายารองอย่างแน่นอน ขอตัวแล้ว”
“เชิญ”
ออกมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง พลันมองเห็นเซียวเชียนชื่อและผู้ว่าการโยวโจวอยู่ตรงนั้น เห็นชัดว่าตั้งใจมารอหนานกงมั่ว สีหน้าของทั้งคู่ดูไม่ดีนัก เห็นชัดว่าพูดคุยกันไม่ลงรอย มองเห็นหนานกงมั่วเดินออกมา เซียวเชียนชื่อจึงผ่อนคลายลง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ทั้งสองมาอยู่อันใดตรงนี้”
ผู้ว่าการโยวโจวฝืนยิ้ม เอ่ย “นี่ไม่ใช่เพราะยังมีเรื่องอยากหารือกับจวิ้นจู่หรือ” เขาโง่แล้วที่คิดว่าเยี่ยนอ๋องจะมีเหตุผล ต่อให้ผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องไม่ได้เรื่องอย่างไร เยี่ยนอ๋องก็ยังเข้าข้างบุตรชายของตนหรือ