“นายท่าน พวกเราจะไปที่ใดหรือขอรับ” จากนิสัยตามปกติของฝ่าบาท ในเวลานี้ เขาน่าจะอาบน้ำแล้ว
แต่วันนี้…
เงาทมิฬเงยหน้าขึ้นมองตรงอ้อมกอดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย และอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
นั่นคือผู้หญิงคนนั้นหรือ
เงาทมิฬไม่แน่ใจว่าตนเองตาฝาดไปหรือไม่ เขาจึงขยี้ตาอย่างรุนแรง
ในมุมมองของคนอื่นๆ ฝ่าบาทจะเป็นคนที่สง่างามและสูงส่งราวกับพระเจ้า ราวกับว่ามีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะของเขาในฐานะรัชทายาท
แต่มีเพียงเงาทมิฬที่รู้ว่าเมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ฝ่าบาทจะกลายเป็นคนเย็นชา และยากที่จะเข้าหามากเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาปลอมตัวเป็นบุคคลอื่นเพื่อเข้าไปในสำนักไท่ไป๋ เขาก็กลายเป็นคนนอบน้อม และยังเดินไปมาท่ามกลางสายตาของผู้คน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครเคยเข้ามาในโลกส่วนตัวของเขาเลย
นิสัยเฉยเมยตั้งแต่กำเนิดของเขา คือตัวตนที่แท้จริงของฝ่าบาท
มีปีหนึ่งที่เขาต้องต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง องค์หญิงจากแคว้นเพื่อนบ้านก็รู้สึกมึนเมาเช่นกัน และนางยังฉวยโอกาสจากความมึนเมาของตนเอง เพื่อบังคับให้ฝ่าบาทช่วยประคองนางอีกด้วย
องค์หญิงคนนั้นค่อนข้างหยาบกระด้างและไร้เหตุผล นางไม่รับฟังคำแนะนำของใคร และยังฉวยโอกาสที่จะโอบแขนของฝ่าบาทอีกด้วย
ในวันต่อมา ฝ่าบาทก็วางแผนจับองค์หญิงแต่งงานและส่งตัวไปยังแคว้นที่ห่างไกลและกันดาร
ฝ่าบาทไม่สามารถทนให้เสื้อผ้าชุดโปรดของเขามีกลิ่นเหม็นเหล้าขององค์หญิงคนนั้นติดชุดได้
ในตอนนั้น อดีตฮ่องเต้รู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก จนเขาเกือบจะให้ข้ารับใช้จับตัวฝ่าบาทและทุบตีเขาอย่างดุเดือด แต่นอกจากข้ารับใช้ที่สนิทที่สุดของฝ่าบาทและอดีตฮ่องเต้ที่รับรู้เรื่องนี้ทั้งหมด ก็ไม่มีใครรู้แผนการของเขาอีก สุดท้ายแล้ว ก็อย่างที่รับรู้กันดีว่าอดีตฮ่องเต้ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ทำโทษฝ่าบาทได้ เขาจึงลากตัวฝ่าบาทไปสั่งสอนด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความนัยและความจริงใจ
ฝ่าบาทรับฟังตั้งแต่ต้นจนจบ และในที่สุด เขาก็ยกริมฝีปากขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นลูบไล้ตัวเองไปมาโดยแนบชิดบนตัวข้า แล้วท่านปู่จะให้ข้าทำตัวสุภาพกับนางได้อย่างไรกัน หึ ข้าไม่ปลิดชีวิตของนางก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ฝ่าบาทกลับอุ้มหญิงสาวคนหนึ่งไว้แนบชิดอย่างไม่คาดคิด
เงาทมิฬแทบไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพยายามจะเดินผ่านประตูขณะที่อุ้มเฮ่อเหลียนเวยเวย นิ้วมือของเขาก็เลื่อนลงไปด้านข้าง ราวกับกลัวว่าผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาจะมีรอยช้ำ
เมื่อเงาทมิฬต้องการจะเดินเข้าไปเพื่อช่วยเขาประคองร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เอนเอียง แต่แล้ว ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็หันมองเขาอย่างเยือกเย็น ราวกับว่าสายตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปที่เขา จากนั้น เขาจึงถอนมือออกและยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยละสายตาของตนเองไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถอยไป”
เดิมที เงาทมิฬต้องการจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเหลือฝ่าบาท เพราะอีกฝ่ายไม่เคยดูแลคนอื่นมาก่อน แต่เมื่อเขาเห็นว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับฝ่ามือของตนเองไปรอบศีรษะเฮ่อเหลียนเวยเวย และประคองร่างกายของนางอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน เงาทมิฬก็ค่อยๆ ถอนตัวอออกไปอย่างเงียบๆ
“อาเจวี๋ย ทำไมเจ้าถึงออกไปหลังจากดื่มไปได้แค่ครึ่งเดียวเล่า” หนานกงเลี่ยเผยรอยยิ้มอย่างชั่วร้ายมาแต่ไกล เมื่อเห็นคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาก็เลิกคิ้วขึ้น “อ้อ ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูงดงามขึ้นอย่างนี้นี่เอง”
หลังจากพูดจบ หนานกงเลี่ยก็กำลังจะใช้มือจับผมของเฮ่อเหลียนเวยเวย เพื่อจะได้มองนางให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
แต่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’
จู่ๆ ประตูไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็ปิดลง ก่อนที่หนานกงเลี่ยจะทันได้ตอบสนองอะไร เขาก็สำลักฝุ่นไปแล้ว
“ให้ตายเถอะ อาเจวี๋ย ใบหน้าของข้าถูกทำร้าย”
หนานกงเลี่ยทำตัวไม่ถูก ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมให้เขาเข้าไปด้วย ทั้งๆ ที่อาเจวี๋ยดูแลใครไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ
แล้วเงาทมิฬอยู่ที่ไหนกัน
หนานกงเลี่ยมองซ้ายมองขวา และกำลังจะเดินจากไป แต่แล้วประตูตรงหน้าของเขาก็เปิดออกอีกครั้ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาและสูงส่ง “ไปเอาอ่างน้ำร้อนมาหนึ่งใบสิ”
“?” สีหน้าของหนานกงเลี่ยเผยให้เห็นถึงความสงสัย
หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็พูดเสริม “เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ด้วย”
“ข้าดูเหมือนเป็นองครักษ์ของเจ้าเช่นนั้นหรือ” หนานกงเลี่ยตะโกนร้อง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหักข้อมือของตนเองอย่างสุขุม “เจ้าจะไปหรือไม่”
“ข้ากำลังจะไปแล้ว” หนานกงเลี่ยกลืนน้ำลายและเลื่อนสายตาออกไปพร้อมกับบ่นพึมพำ “เพราะอย่างนี้ ข้าถึงเกลียดพวกที่ใช้พลังปราณของตนเองข่มขู่คนอื่นตลอดทั้งวัน”
อย่างไรก็ตาม หากพูดตามตรงแล้ว หนานกงเลี่ยก็ไม่เคยตักน้ำมาก่อน ดังนั้น เขาจึงหาเพียงแค่อ่างไม้และส่งเงาทมิฬมาช่วยทำงานนี้ถึงสามคน
ในที่สุด เขาก็เจออ่างน้ำร้อนและเขาก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างมาก พร้อมกับเคาะประตู “ดูสิ ข้าหาน้ำร้อนมาแล้ว…”
ปัง!
เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง
หนานกงเลี่ยหันหลังเพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่น พร้อมกับประคองอ่างน้ำเอาไว้ให้มั่นคง แต่เมื่อเขารู้ตัวอีกที มือของตนเองก็ว่างเปล่าแล้ว และมีเพียงใบหน้าที่น่าเวทนาของเขาเท่านั้นที่เหลืออยู่…
ในห้องนอนส่วนตัวของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นเตียงไม้ขนาดใหญ่มาก ผมสีดำยาวของนางแผ่สยายไปบนไม้สีแดงอมม่วง ทำให้เกิดความน่าดึงดูดใจอย่างมาก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหลือบมองนาง ก่อนจะนั่งลงตรงขอบเตียงพร้อมกับเอื้อมแขนไปบิดผ้าขนหนูสีขาวที่ชุ่มน้ำ ไหล่และกล้ามเนื้อหลังของเขาขยายออกไปเป็นเส้นโค้งที่ดูแข็งแกร่งและทรงพลัง เขาเอนตัวไปด้านข้างเพื่อช่วยเช็ดใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย พร้อมกับขมวดคิ้ว ราวกับว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน
ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงพลิกตัวกลับมา และแก้มของนางก็สัมผัสโดนแขนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโดยบังเอิญ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นนั้น นางก็ลูบไล้มันอย่างอดไม่ได้
ขนตายาวของนางปกคลุมดวงตาที่ดูยิ้มแย้มอยู่เสมอ ริมฝีปากบางที่มีสีระเรื่อขบลงเล็กน้อย และผมยาวของนางก็แผ่สยายไปทั่ว ทำให้ใบหน้าของนางนั้นดูอ่อนโยนจนไม่อาจหาคำพูดใดมาอธิบายได้
บนใบหน้าของนางมีหยดน้ำไหลลงมาตามแนวแก้มของนาง จนในที่สุด มันก็ไหลลงไปอยู่ใต้เสื้อคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์ของนาง
ชายหนุ่มถูกดึงให้เข้าสู่ภวังค์
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างกระตุ้นให้เขารู้สึกกระสับกระส่าย ไม่คุ้นเคย… และปากแห้ง
เขามองริมฝีปากสีแดงระเรื่อของนาง ดวงตาของเขาจมดิ่งลง พร้อมกับนิ้วเรียวยาวของเขาที่กำลังลูบไล้ตรงแก้มของเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนจะกดลงอย่างแผ่วเบา
มันเป็นความรู้สึกที่เขายังจดจำได้ ความร้อนผ่าวจากปลายนิ้วมือนั้นแผ่ซ่านไปตรงหน้าอกของเขา ราวกับกำลังมีบางอย่างขยายตัวอย่างรุนแรง
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ่งจมดิ่งลึกลงไปมากขึ้น ทำให้เขาดูไม่น่ากลัวเหมือนปกติ
ภายในห้องที่เงียบงัน เขาได้ยินเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ต่อมา เขาก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของนางอีกต่อไป
เพราะไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเคลื่อนตัวเข้าไป ดวงตาสีดำเข้มพร้อมกับริมฝีปากบางของเขานั้นก็สัมผัสกับริมฝีปากที่ชุ่มชื้นของอีกฝ่าย จิตใจของเขาล่องลอยอยู่ในจินตนาการอย่างไม่อาจหยั่งถึงได้
“อืม…” เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วเรียวยาวของตนเองเล็กน้อย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยื่นปลายลิ้นของเขาออกมาและตวัดบนริมฝีปากที่สวยงามคู่นั้นอย่างอ่อนโยน
ความรู้สึกที่นุ่มนวลและลื่นไหลนั้นทำให้เขาเกือบจะลืมตัว ขณะที่เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่งนั้น เขาก็รู้ดีว่าเมื่อใดที่ควรจะหยุด หลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้มนัก และมองดูเสื้อผ้าที่ดูไม่เรียบร้อยของนาง
เขาเอื้อมมือเข้าไปถอดเสื้อคลุมของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่มีกลิ่นเหล้าติดอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกวาดตามองตรงไหปลาร้าที่ขาวสวยของนาง
เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในป่าวิญญาณวันนั้น ในวันนี้ เขาได้มองนางอย่างใกล้ชิดและชัดเจนมากขึ้น ผิวของนางเนียนนุ่มและเย็นราวกับหยก มันขาวผ่องราวกับคนเชื้อสายจีน และไม่มีรอยตำหนิใดๆ เลย ราวกับว่าหากเขากดผิวของนางลงเบาๆ ก็อาจเกิดรอยแดงเป็นจ้ำได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองไล่ตรงลำคอของนางลงไป และนิ้วเรียวยาวของเขาก็คลายผ้าคาดเอวของหญิงสาวออกอย่างผ่อนคลาย โดยไม่มีท่าทีของความยับยั้งชั่งใจใดๆ จากนั้น เขาก็ถอดเสื้อคลุมยาวที่น่ารำคาญนั้นออก
ภายใต้เสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูไม่เรียบร้อยนั้น มีเพียงเส้นผมอันอ่อนนุ่มที่มีสีดำราวกับน้ำหมึก และผิวของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นก็ราวกับมีแสงอันอ่อนนุ่มส่องอยู่ทั่วทั้งตัว กระดูกไหปลาร้าดูสวยงามและนุ่มนวล ท่อนขาเรียวยาวสมบูรณ์แบบ ไม่มีสิ่งใดบดบังสายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอีกต่อไป…