ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เงยหน้ามองเขาทันที พัฒนาการนี้เร็วไปหน่อยไหม พวกเขาเพิ่งจะตัดสินใจให้โอกาสกันและกันเองนะ
ลู่เจียวตัดสินใจแสดงจุดยืนตนเองให้แน่ชัด อย่าได้วันทั้งวันเช้าจรดเย็นเอาแต่คิดเรื่องพวกนี้
เพียงแต่นางไม่ทันได้พูดอะไร เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็หัวเราะขึ้นก่อน “เจียวเจียว ทำไมเจ้าดูเอาจริงเอาจังอย่างนี้ ข้าล้อเจ้าเล่น”
กล่าวจบรอยยิ้มก็ยิ่งฉีกกว้าง ลู่เจียวแค่นเสียงฮึเยียบเย็น ถลึงตาใส่เขาก่อนจะหันหลังเดินออกไปสั่งหลินตงว่า “รีบไปเตรียมน้ำร้อนเข้ามา ข้าจะอาบน้ำให้คุณชายด้วยตนเอง”
ก็แค่อาบน้ำไหม ผู้ใดกลัวผู้ใดกันแน่
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ก็อึดอัดขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลารูปงามเห่อร้อนแดงไปหมด รอจนลู่เจียวเข้ามา เขาก็แอบหลบตาไม่กล้ามองหน้าลู่เจียว
อาบน้ำให้เขาด้วยตนเอง เขาคิดภาพแล้วก็ไม่กล้าคิดต่อ
ลู่เจียวสั่งการให้หลินตงเอาถังไม้ใบใหญ่เข้ามาในห้อง เทน้ำร้อนลงไปครึ่งถัง จากนั้นนางก็เดินไปข้างเตียงด้วยสีหน้าเป็นปกติ ก้มลงจะอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปนั่งถังอาบน้ำ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นโดนธนูยิงที่หัวไหล่ ขอเพียงไหล่ไม่โดนน้ำก็พอ ที่อื่นไม่เป็นไร
เพียงแต่คิดถึงว่าลู่เจียวจะอาบน้ำให้เขาด้วยตนเอง เขาก็รู้สึกยอมแพ้ขึ้นมาทันที
“เจียวเจียว ข้าอาบเอง เจ้าออกไปเถอะ”
ลู่เจียวมองเขากลั้นยิ้มกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าหยอกล้อข้าหรือ ผู้ใดหยอกล้อผู้ใดกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบรับผิด “ล้วนเป็นข้าผิดเอง ไม่ควรหยอกล้อเจียวเจียว”
ลู่เจียวแค่นเสียงฮึอย่างพึงพอใจ กล่าวว่า “เอาละ เจ้าอาบเองแล้วกัน ข้าก็จะไปอาบน้ำเหมือนกัน ไว้จะมาคุยเป็นเพื่อนเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดนาง ก็รีบรับคำด้วยสีหน้ายินดียิ่ง “ได้ ข้ารอเจ้า”
ลู่เจียวไม่สนใจเขา หันหลังออกไป ด้านนอกประตูหลินตงกำลังเฝ้าอยู่ ลู่เจียวให้หลินตงเข้าไปประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงถังอาบน้ำ ก่อนจะหันหลังกลับไปเรือนด้านหลัง
เรือนด้านหลัง ลู่กุ้ยกำลังกล่อมเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้นอน พอเห็นลู่เจียวกลับมา ลู่กุ้ยก็ร้องไห้ทันที ยื่นมือไปดึงมือลู่เจียวไว้
“พี่เจียว พี่ทำข้าตกใจหมดเลย”
วันนี้เขาเอาแต่ดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จนลืมไปว่าตนเองก็กลัว ตอนนี้มาคิดให้ดี ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวมาก
“พี่เจียว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ที่นี่น่ากลัวมาก”
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว มุมปากกระตุกมองน้องชายที่ตกใจจนมีสภาพเช่นนี้
“ได้ วันหน้าไม่เสี่ยงภัยแล้ว เอาละ อีกอย่าง เจ้าน่ะเป็นผู้ชาย อย่าเอะอะก็ร้องไห้ ใช้ได้ที่ไหน อายุใกล้จะแต่งภรรยาแล้วนะ”
ลู่กุ้ยปาดน้ำตากล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้าแต่งภรรยากับข้าร้องไห้เกี่ยวอะไรกัน หรือว่าแต่งภรรยาก็ห้ามร้องไห้ ข้าอยากร้องข้าก็ร้อง”
“ได้ ได้ เจ้าร้อง เจ้าร้อง”
ลู่เจียวพูดกับเขาอีกสองสามคำก่อนจะให้เขากลับไปนอน ลู่กุ้ยหันหลังจะกลับไปเรือนด้านหน้า ลู่เจียวจู่ๆ ก็เรียกเขาไว้ ยิ้มมองเขากล่าวว่า “ลู่กุ้ย ข้าไม่เป็นไรหรอก อย่าได้เป็นห่วง”
“อืม จำไว้ว่าพี่รับปากข้าแล้ว วันหน้าไม่เสี่ยงภัยแล้ว หากพี่เป็นอะไรไป เกรงว่าท่านแม่คงทนรับไม่ไหว”
ลู่เจียวพยักหน้ามองส่งลู่กุ้ยไปเรือนด้านหน้า
ลู่กุ้ยไปแล้ว เฝิงจือกับหลิ่วอันหลิ่วฝูสองคนก็วิ่งเข้ามาร้องไห้ ลู่เจียวปลอบใจอย่างอดทน อย่างไรทุกคนก็คิดถึงนาง คงไม่อาจโมโหใส่ได้กระมัง
ลู่เจียวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็สดชื่น นางไปเรือนด้านหน้าคุยเป็นเพื่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“คืนนี้ข้าจะเฝ้าดูอาการบาดแผลธนูบนตัวเจ้าเอง เผื่อว่าเจ้าจะมีไข้ตอนเที่ยงคืน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็เตรียมจะนอนบนเก้าอี้นอนในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนก่อนหน้านี้
เพียงแต่นางยังไม่ทันได้เอนตัวลงนอน เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงก็เอ่ยว่า “เจ้านอนบนเก้าอี้นอนไม่สบาย มานอนบนเตียงเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็จ้องมองลู่เจียว
ลู่เจียวไม่สนใจเขา ยังคงคิดจะนอนบนเก้าอี้นอน ไม่คิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงจะพยายามคิดลงจากเตียง
ลู่เจียวรีบเดินเข้าไปถามเขา “เจ้าจะทำอะไร”
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมนอนกับข้า งั้นข้าก็ไปนอนเก้าอี้นอน เจ้านอนเตียงเถอะ”
ลู่เจียวไหนเลยจะเห็นด้วย ยืนยันปฏิเสธหนักแน่น กล่าวว่า “มีอย่างที่ไหนให้ผู้ป่วยนอนเก้าอี้นอน ให้ข้านอนเตียง”
“แต่ข้าทนไม่ได้ที่ข้าจะนอนเตียงแล้วให้คนที่ข้าชอบนอนเก้าอี้นอนนี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงจดจ้องลู่เจียวด้วยดวงตาดำวาวราวกับดวงดาว อย่างมากเจ้าก็นอนเตียง ไม่ก็นอนเตียงกันทั้งสองคน
ลู่เจียวไม่อยากดึงดันกับเขาด้วยเรื่องเช่นนี้ พยักหน้าเห็นด้วยว่าจะนอนเตียงด้วยกันทั้งสองคน แต่ก่อนขึ้นเตียงก็ไม่ลืมกล่าวเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “เราสองคนต่างคนต่างนอนคนละข้าง เจ้าห้ามนอนเลยมาทางข้า”
ความจริงนางเองอย่างไรก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้เพียงแค่บอกว่าจะให้โอกาสเขา ทำไมพัฒนาถึงขั้นกลายเป็นสองคนนอนเตียงเดียวกันไปได้
แต่ก่อนหน้านี้ทนทรมานกันมาทั้งคืนกับอีกหนึ่งวัน นางเหนื่อยมากจริงๆ ไม่คิดจะทรมานตนเองอีก
นับประสาอันใดกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นบาดเจ็บ แม้ทั้งสองคนนอนเตียง แต่เขาจะทำอะไรได้ และลู่เจียวก็เชื่อในคุณธรรมเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบรับปากอย่างว่าง่าย “วางใจ ข้านอนฝั่งข้า ไม่นอนไปทางฝั่งเจ้าอย่างเด็ดขาด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็เขยิบตัวเข้าด้านในเองจนขยับชิดขอบเตียงด้านใน
ลู่เจียวเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ขึ้นเตียงก็นอนทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านในเตียงมีสีหน้าดีใจ มองมุ้งเหนือศีรษะ ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
แม้ว่าเขาเงียบไป แต่ลู่เจียวที่หลับตาอยู่ก็รับรู้ได้ว่าเขายังไม่นอน และนางรู้ว่าเขาดีใจมาก ส่วนนางเพราะเขาดีใจ ก็เหมือนส่งผลถึงนางไปด้วย นางรู้สึกผ่อนคลายลงมาก
“รีบนอนเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านในเตียงแอบหันไปมองลู่เจียว จากนั้นก็เขาก็ค่อยๆ ยื่นมือคืบคลานไปหามือของลู่เจียว
ลู่เจียวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะนางเหนื่อยมาก หลับตาลงก็ตั้งใจว่าจะนอนแล้ว
ไม่คิดว่าคนข้างกายพลันยื่นมือมากุมมือนางไว้แน่น
ลู่เจียวคิดสะบัดออกด้วยสัญชาตญาณ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกุมไว้แน่น เขากุมมือลู่เจียวไว้พลางจงใจแสดงอาการเหนื่อยล้า “เหนื่อยเหลือเกิน รีบนอนเถอะ”
ลู่เจียวถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ แต่เขาหลับตาอยู่ สุดท้ายเห็นว่าเขาแค่กุมมือนางไว้ไม่ได้ทำอย่างอื่น นางก็ปล่อยเขา ทั้งสองคนหลับตานอน
ตอนเที่ยงคืน เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีไข้ ลู่เจียวรีบลุกขึ้นมาป้อนยาลดไข้ให้เขา และสั่งให้หลินตงไปยกน้ำร้อนมาให้นางเช็ดตัวให้เขาสักหน่อย
ชายหนุ่มสะลึมสะลือส่งเสียงพึมพำเป็นบางครั้ง แม้ลู่เจียวฟังไม่ชัด แต่ยังคงได้ยินเสียงเขาเรียกนาง
“เจียวเจียว เจียวเจียว……”
เริ่มแรกลู่เจียวคิดว่ามีอะไรเรียกนาง ต่อมาจึงได้เข้าใจว่าเขาแค่เพ้อเรียกชื่อนาง
แม้ว่าเขาเป็นไข้ไม่ค่อยได้สติ แต่ลู่เจียวก็ยังรู้สึกได้ว่าเขาเรียกชื่อนี้ด้วยความดีใจอย่างมาก
ดังนั้นเขาคงชอบมากนางจริงๆ สินะ ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็อดดีใจไม่ได้ แววตาอ่อนโยนส่องประกาย รอยยิ้มมุมปากค่อยๆ ปรากฏขึ้น
การเคลื่อนไหวของนางก็ยิ่งอ่อนโยนละมุนละไม